กว่าลู่เจียวกับลุงเฉินจะเดินมาถึงบ้านความรู้สึกเหนื่อยล้าจากการเจรจายังติดอยู่ในใจ แต่ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปในบ้าน เธอก็เห็นแม่เฒ่าฟูกับป้าโจวนั่งรออยู่ก่อนแล้ว ใบหน้าของพวกเขาดูเคร่งเครียด
"สำเร็จไหมอาเจียว?" แม่เฒ่าฟูถาม น้ำเสียงไปด้วยความคาดหวัง
ลุงเฉินเป็นคนตอบแทน "สำเร็จครับแม่ แต่ได้เงินมาแค่สามร้อยหยวนเท่านั้น" เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ แต่เธอรู้ว่าลุงเฉินเองก็ไม่พอใจมากนักที่แม่สามียอมจ่ายเพียงเท่านี้
"สามร้อยหยวนเท่านั้นเหรอ?" แม่เฒ่าฟูเอ่ยด้วยความโกรธ "หน้าเลือดจริง ๆ งุบงิบเก็บเงินเอาไว้คนเดียวแบบนี้ เงินตั้งมากมายจากอาหยาง แล้วเธอเอาไปทำอะไรที่ไหนหมด!" แม่เฒ่าฟูก่นด่าด้วยความโมโห ราวกับความโกรธนั้นถูกเก็บไว้ในใจมานานแล้วและรอแค่โอกาสที่จะระบายออกมา
ลุงเฉินยกมือขึ้นอย่างใจเย็นก่อนจะอธิบาย "ป้าจางอาจจะไม่ได้มีเงินเหลือเยอะขนาดนั้นจริง ๆ นะแม่ เงินที่ได้จากอาหยางส่วนใหญ่คงส่งไปให้กัวเฉิน ลูกชายของเธอที่เรียนอยู่ในเมืองหลวง ค่ากินอยู่ ค่าเล่าเรียน คงใช้ไปไม่น้อย"
ป้าโจวที่นั่งฟังอยู่เงียบ ๆ มาตลอด พยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะพูดขึ้นบ้าง "อาเจียว แล้วจากนี้จะทำยังไงต่อไปล่ะ? อาหยางก็มาทำงานไม่ได้แบบนี้ แล้ววางแผนชีวิตไว้ยังไงบ้าง?"
คำถามของป้าโจวทำให้ลู่เจียวเงียบไปชั่วขณะ "ฉันจะพาพี่หยางไปหาหมอพรุ่งนี้เพื่อรักษาขา ฉันเชื่อว่าเขาต้องหาย เพราะถ้าพี่หยางไม่หาย ลูก ๆ ของพวกเราก็โตขึ้นทุกวัน คงลำบากกันมากกว่านี้แน่ค่ะ"
แม่เฒ่าฟูนิ่งไปสักครู่ก่อนจะถามขึ้นอย่างไม่มั่นใจ "อาเจียว อาหยางเป็นแบบนี้แล้ว...จะหย่ากับหลานของยายไหม?"
ลู่เจียวตอบอย่างชัดเจน "ไม่หย่าค่ะ ฉันมีลูกกับพี่หยางสองคน ในเมื่อเราแต่งงานกันแล้ว ก็ต้องดูแลกันต่อไป จะทิ้งกันไปได้ยังไงคะ?"
คำตอบของหลานสะใภ้ทำให้แม่เฒ่าฟูถึงกับยิ้มออกมาอย่างดีใจ รีบเดินเข้ามาจับมือลู่เจียวไว้แน่น
"อาเจียว ยายดีใจเหลือเกินที่หลานสะใภ้ไม่ได้คิดจะทิ้งอาหยาง หลายคนต่างพูดกันว่าหลานสะใภ้คงหนีไปเพราะอาหยางเป็นแบบนี้ แต่หลานเลือกที่จะอยู่ดูแลเขา อาเจียว หลานสะใภ้เป็นผู้หญิงที่ดีมากจริง ๆ"
เธอยิ้มตอบแม้จะรู้สึกกดดันจากคำพูด ความรับผิดชอบในการดูแลครอบครัวนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย
เสียงขยับเล็กน้อยจากห้องนอนด้านใน กัวหยางคงตื่นแล้ว คำพูดของเธอเมื่อครู่นี้ดังพอที่เขาจะได้ยินทุกอย่าง
"อาเจียว ยายรู้ว่าหลานสะใภ้ต้องลำบาก แต่อาเจียวก็เข้มแข็ง อาหยางคงหายดีในไม่ช้า ยายขอให้ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดีนะ" แม่เฒ่าฟูเอ่ยให้กำลังใจ
"ขอบคุณค่ะคุณยาย” ลู่เจียวพยักหน้า ทั้งความกังวลและความหวัง หนทางข้างหน้ายังยาวไกล แต่เธอไม่ทิ้งสามีและลูกไปแน่นอน
ป้าโจวที่นั่งฟังอยู่เงียบ ๆ ตลอด พยักหน้าและยิ้มให้อย่างอบอุ่น "อาเจียววางแผนดีแล้ว ยังไงพวกเราก็จะอยู่ข้างหลานสะใภ้เสมอ"
"ขอบคุณป้าโจวมากค่ะ"
บรรยากาศรอบโต๊ะเริ่มเงียบลง หลังจากที่คุยเรื่องเงินและการรักษาขาของกัวหยาง ลุงเฉินเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงครุ่นคิด
"อาเจียว การที่อยู่ในหมู่บ้านชนบทแบบนี้ มันจะไม่ลำบากไปหน่อยเหรอ?"
ใบหน้าของเขาแสดงความกังวล "อาหยางต้องไปโรงพยาบาล เท่าที่รู้ ขาหักแบบนี้ต้องได้รับการทำกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่อง การอยู่บ้านในชนบทแบบนี้มันไม่สะดวกเอาเสียเลย หลานสะใภ้คิดบ้างไหมว่าจะย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง?"
ความคิดเรื่องการย้ายเข้าเมืองไม่เคยอยู่ในแผนชีวิตของลู่เจียวเลย แต่คำถามของลุงเฉินทำให้เธอเริ่มทบทวน
ป้าโจวที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เสริมขึ้นมาทันทีด้วยน้ำเสียงที่สนับสนุนสามี "ใช่แล้วอาเจียว อยู่ในเมืองสะดวกกว่ามาก ที่นั่นมีงานให้ทำมากกว่า อีกอย่างปีหน้าซีซวนก็ต้องเข้าโรงเรียนแล้วไม่ใช่เหรอ?"
คำพูดของป้าโจวนั้นไม่ผิด ปีหน้าซีซวนก็ถึงวัยเข้าโรงเรียนจริง ๆ ลู่เจียวก็ต้องหาโรงเรียนที่ดีและอยู่ใกล้บ้าน แต่การอยู่ที่หมู่บ้านนี้ ทำให้ต้องเดินทางไปกลับในวันเดียวไม่ได้
"แม่สามีก็เคยบอกฉันว่าอาเจียวไปทำเผือกทรงเครื่องขายในเมืองนี่นา ถ้าอาเจียวย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง ก็จะหาของไปขายได้ง่ายกว่า ตอนนี้ในเมืองคนเยอะกว่าที่นี่มากเลยนะ" ป้าโจวเสริมเพิ่มอีก
ลู่เจียวสะดุดกับความคิดนี้ ก่อนหน้านี้เธอทำเผือกทรงเครื่องไปขายในเมืองจนเผือกหมดป่า และมันขายดีมาก แต่ก็ไม่เคยคิดว่าจะย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองเพื่อทำธุรกิจขายอาหารจริงจัง รู้ว่ามันจะสะดวกมากขึ้นถ้าอยู่ใกล้ตลาดและแหล่งวัตถุดิบ การขายของในเมืองนั้นย่อมมีโอกาสที่ดีกว่า
"ฟังดูมีเหตุผลนะคะ" ลู่เจียวตอบ "งั้นพรุ่งนี้หลังจากที่ฉันกับพี่หยางไปโรงพยาบาลแล้ว ก็ค่อยคิดเรื่องนี้อีกที"
การย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองไม่ใช่เรื่องง่าย ค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ทั้งค่าเช่าบ้าน ค่าครองชีพ ค่าอาหาร ค่าเรียนของเด็ก ๆ มันจะมากมายแค่ไหน เงินที่ครอบครัวมีอยู่อาจไม่พอสำหรับการย้ายเข้าไปใช้ชีวิตในเมือง
ลุงเฉินดูออกว่าหลานสะใภ้กำลังคิดอะไรอยู่ เขาจึงแนะนำต่อด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล "อาเจียว ถ้ากังวลเรื่องเงิน หลานสะใภ้ก็หาบ้านเช่าที่มีเครื่องเรือนพร้อมเข้าอยู่เอาก็ได้ มันจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้เยอะ อีกอย่าง บ้านที่อยู่ใกล้ตลาดหรือโรงเรียนสำหรับเด็ก ๆ ก็จะสะดวกมากขึ้นในการไปมาระหว่างบ้านกับโรงเรียน"
"มันก็จริงค่ะ" เธอพยักหน้า ความกังวลเริ่มหายไป
"หรือไม่ก็ให้อาหยางช่วยดูแลเด็ก ๆ ระหว่างที่เขากำลังพักรักษาตัวอยู่ก็ได้ ถ้าหลานสะใภ้ไม่อยากขายอาหารหรือขายของ อาเจียวก็ลองหางานในโรงงานในเมืองดูนะ โรงงานในเมืองมีมากมาย และบางทีงานในโรงงานก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินไป มันอาจช่วยให้มีรายได้ประจำมากขึ้น"
คำแนะนำของลุงเฉินเริ่มทำให้ลู่เจียวมองเห็นทางเลือกที่เป็นไปได้ ถ้าครอบครัวอยู่ในเมือง กัวหยางจะไม่ต้องเดินทางไกลไปโรงพยาบาลเพื่อรักษาขา และเธอก็จะมีโอกาสหางานหรือทำธุรกิจได้ง่ายขึ้น การย้ายเข้าไปอยู่ในเมืองอาจเป็นทางออกที่ดีสำหรับพวกเธอ
"ฉันจะลองเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาพี่หยางคืนนี้ดู่ค่ะ"
ลุงเฉินพยักหน้า "ดีแล้วอาเจียว ถ้าหลานสะใภ้ตัดสินใจอะไรได้ พวกเราก็พร้อมจะช่วยครอบครัวของหลานเสมอ ไม่ว่าทางไหนจะเป็นทางที่ดีสำหรับครอบครัวของหลาน พวกเราก็สนับสนุนเต็มที่"
"ขอบคุณมากค่ะลุงเฉิน ป้าโจว"
หลังตกลงกันแล้วลู่เจียวเดินเข้าไปในห้องนอน กัวหยางนอนอยู่บนเตียง ดวงตาของเขามองภรรยาอย่างอ่อนล้า แต่เห็นได้ชัดว่าเขากำลังฟังบทสนทนาของพวกเธออยู่
"เจียวเจียว" เขาถาม "คุยอะไรกันอยู่เหรอ?"
เธอนั่งลง จับมือเขาไว้แน่น "พี่หยาง เราคุยกันเรื่องการย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง พี่คิดว่าเราควรจะย้ายไปไหม? ลุงเฉินกับป้าโจวแนะนำว่าการอยู่ในเมืองจะสะดวกกว่านี้ ทั้งการทำกายภาพบำบัดของพี่ การไปโรงเรียนของซีซวน และโอกาสในการหางานหรือขายของของฉันด้วย"
ดวงตาของเขาหรี่ลงราวกับกำลังครุ่นคิดหนัก "แล้วเจียวเจียวอยากย้ายหรือเปล่า?"
"ฉันคิดว่ามันน่าจะดีสำหรับพวกเราทุกคนค่ะ" เธอตอบอย่างตรงไปตรงมา "แต่ฉันก็ยังกังวลเรื่องเงิน เราอาจจะต้องเช่าบ้านที่มีเครื่องเรือนพร้อมเข้าอยู่ และฉันก็อาจจะต้องหางานทำในโรงงานเพื่อหาเงินเพิ่ม แต่ฉันเชื่อว่าถ้าเรารวมพลังกัน เราจะผ่านมันไปได้"
กัวหยางมองหน้าภรรยา ดวงตาของเขาแสดงออกถึงความขอบคุณ "เธอเข้มแข็งมากนะ เจียวเจียว พี่รู้ว่าเธอทำทุกอย่างเพื่อครอบครัว พี่สัญญาว่าจะพยายามให้มากขึ้น เมื่อพี่หายดี พี่จะทำงานหาเงินช่วยเธอเอง"
เธอบีบมือเขาเบา ๆ "พี่หยางไม่ต้องกังวลไปค่ะ เราจะผ่านมันไปด้วยกัน ฉันจะไม่ทิ้งพี่ไปไหน พรุ่งนี้เราจะไปโรงพยาบาลกัน แล้วหลังจากนั้นเราค่อยมาคิดเรื่องย้ายไปอยู่ในเมือง"
"พี่เชื่อเจียวเจียว พี่รู้ว่าเธอจะทำในสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับพวกเรา"
ลู่เจียวยิ้มตอบ การตัดสินใจครั้งนี้อาจไม่ง่าย แต่มันจะแค่ไหนกันเชียว
ดีลเป็นล้าน ๆ เธอก็ทำมาแล้ว
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?