หมอสาวคือพีชยา ด็อกเตอร์คนดังในแวดวงการแพทย์และเป็นไฮโซครอบครัวร่ำรวยฐานะไม่ธรรมดา พ่อของพีชยาเป็นหนึ่งในหุ้นส่วนของโรงพยาบาลธัญเทพ หลายครั้งมักจะมาทาบทามเสนอการแต่งงานให้ภรันภพเกี่ยวดองกับลูกสาวตนเองอยู่ตลอด ถ้าเป็นครอบครัวเดียวกัน ก็จะเข้าทำนองเรือล่มในหนองทองจะไปไหน ซึ่งภรันภพไม่สนใจ
ธุรกิจโรงพยาลและร้านขายยาเป็นของที่เขาอุตสาหะสร้างมากับมือ ไม่ยินดีจะให้คนนอกวางแผนชุบมือเปิบ คนอย่างบิดาพีชยาเล่ห์กลจัด ถ้าจับคู่สำเร็จคนที่จะวุ่นวายไม่เลิกคือน้องภีม คนพวกนั้นไม่มีทางนิ่งเฉยยอมให้เขายกมรดกมอบแก่ลูกชายแน่นอน
“คนเจ็บเป็นแม่วิทยากรแคมป์ศิลปะของน้องภีม”
พีชยามีท่าทีประหลาดใจ “แม่ของวิทยากรแคมป์ศิลปะ ก็แค่คนนอกนี่นะ ทำไมคุณภรันดูให้ความสำคัญจัง ในเมื่อถึงมือหมอแล้วก็น่าจะไม่เป็นไร อีกอย่างพวกเราไม่เจอกันนาน เดี๋ยวเย็นนี้ไปกินข้าวด้วยกันหน่อยไหมคะ?”
“ผมไม่ว่างขอตัวก่อน” ภรันภพตอบหน้าตายแล้วผลักประตูห้องผู้ป่วยวีไอพีเข้าไปดูคนด้านใน
พีชยาไม่ใช่พึ่งเคยโดนปฏิเสธ แต่สีหน้าก็ไม่ดีนัก เธออยากรู้ว่าใครกันที่สำคัญพอจะทำให้ภรันภพไม่สนใจใยดีเธอ
ในห้องมีผู้ป่วยบนเตียง เด็กน้อยสองคนตรงโซฟาและหญิงสาวกำลังคุยกับภรันภพ หญิงสาวคนนี้หน้าตาสวยไม่ใช่เล่น ดูไร้เดียงสา ประเมินจากหน้าตาอายุน่าจะน้อย “คุณเป็นวิทยากรแคมป์ศิลปะเหรอ?”
พีชยาถามแทรกไม่สนใจว่าก่อนหน้าภรันภพกับจารวีคุยอะไรกันอยู่ ขัดจังหวะจนดูเสียมารยาทแต่พีชยาก็ไม่แคร์
“ค่ะ ฉันเป็นวิทยากรแคมป์ศิลปะ ไม่ทราบว่าถามทำไมคะ?”
“ก็ไม่มีอะไรหรอก” ปากบอกไม่มีอะไรแต่สายตาแสดงออกอย่างไม่เป็นมิตร นี่ก็คือวิธีของพวกคุณหนูไว้ใช้จิกข่ม พีชยาหันไปเห็นน้องภีมก็รีบเดินไปคุยด้วย “น้องภีมอยากกินขนมไหมคะ เดี๋ยวน้าพาไปเลี้ยง ไปกับปะป๊าหนูด้วย”
ภูวฤทธิ์ส่ายหน้า “ไม่ไปครับ ผมจะอยู่เฝ้าคุณยายเป็นเพื่อนคุณครูจาดีกับจอมทัพ”
“คุณยาย? น้องภีมหนูอย่าไปเรียกคนอื่นว่าคุณยายสุ่มสุ่มห้าสิ พวกเขาเฝ้ากันเองได้ ไปกินของอร่อยกับน้าดีกว่า”
ถ้าพาน้องภีมไปได้ ภรันภพต้องไปด้วยแน่นอน แต่เด็กน้อยยังคงยืนกรานปฏิเสธแถมยังลุกหนีวิ่งไปหาจารวี
“คุณครูภีมอยากอยู่เฝ้าคุณยายกับคุณครู”
คุณครูสาวลูบศีรษะผมนุ่มก่อนจะยิ้มเอ่ย “วันนี้เล่นมาทั้งวันเหนื่อยแย่แล้ว คุณยายพ้นขีดอันตรายปลอดภัยดี น้องภีมกลับบ้านกับคุณพ่อไปพักผ่อน ไว้วันจันทร์ก็จะได้เจอคุณครูแล้วก็จอมทัพด้วย แบบนั้นดีกว่าไหมจ๊ะ?”
เธอไม่ได้มีนิสัยเหมือนผู้หญิงคนเมื่อกี้ที่จะใช้เด็กเป็นเครื่องมือรั้งตัวผู้ชาย ทางที่ดีแยกย้ายกันไปจะเหมาะกว่า ซึ่งข้อนี้พ่อเจ้าหนูก็เห็นด้วย สุขภาพสำคัญ ติดเพื่อนแค่ไหนก็ยังต้องกลับบ้าน แล้วเจ้าตัวน้อยก็เชื่อฟังยอมกลับแต่โดยดี ยิ่งเพิ่มความฉงนปนตะลึงให้พีชยาไปกันใหญ่
หล่อนเห็นอะไร เห็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของภรันภพทำตัวน่ารักกับคนอื่น
ไม่นานนักในห้องก็เหลือแค่จารวี น้องชายแล้วก็มารดาบนเตียง เธอจัดให้จอมทัพนอนบนโซฟา ตัวเองก็นั่งเฝ้ามารดาจนถึงวันใหม่ ยามเช้าพอธารารู้สึกตัวตื่น สิ่งแรกที่ได้ยินคือโดนลูกสาวดุยกหนึ่ง
“แม่ลุกเร็วเลยหน้ามืดล้มหัวฟาด คราวหลังจะไม่ลุกเร็วแล้ว จะระวัง เลิกทำหน้างอสักที”
“ก็จากลัวนี่นา แม่เลือดออกขนาดนั้น ถ้าส่งหมอไม่ทันจะทำยังไง กลัวจะตายอยู่แล้ว” จารวีทั้งบ่นทั้งจะร้องไห้
“จ้ะๆ แม่สัญญาจะดูแลตัวเองให้ดีกว่านี้ รอวันที่ลูกสาวแม่แต่งงานมีหลานอ้วนๆ ให้สักห้าคน”
พูดถึงหลานอ้วนๆ ประตูก็มีเสียงเคาะ คนที่เข้ามาเป็นชายหนุ่มคุ้นหน้ากับลูกชายของเขา ภรันภพมาเยี่ยมแต่เช้าพร้อมกับซื้ออาหารมาฝากสองพี่น้อง “เธอกินข้าวแล้วพาจอมทัพกลับบ้านไปอาบน้ำเถอะ ทางนี้ฉันดูให้เอง”
“ไม่กล้ารบกวนคุณหรอกค่ะ” เธอเป็นใครจะไปให้เขามาเฝ้าคนป่วยให้
“ไม่เป็นไร กลับไปเอาเสื้อผ้ามาไว้เปลี่ยน เอาชุดทำงานมาด้วย ระหว่างที่เธอไปแคมป์ฉันจะให้พยาบาลพิเศษมาคอยดูแลคุณน้า” ภรันภพพูดจบก็มีเสียงของธาราเอ่ยสมทบเห็นด้วย เช่นนั้นหลังรับประทานอาหารจารวีจึงกลับบ้าน
ระหว่างทางก็นึกตะหงิดใจอยู่ราวกับมีบางอย่างที่ยังค้างคา ทว่าก็นึกไม่ออก จนกลับมาถึงโรงพยาบาลอีกครั้งค่อยนึกได้ ที่แท้จนตอนนี้เธอยังไม่ได้ขอบคุณภรันภพเลย เขาช่วยแม่เธอไว้ ไม่อย่างนั้นคงมีการสูญเสียเกิดขึ้น เดิมทีเจอหน้าก็ว่าจะแสดงความซาบซึ้งสักหน่อย แต่ชายหนุ่มไปทำงานแล้ว ในห้องเหลือเพียงสองเด็กน้อยกับพยาบาลท่าทางใจดี
“ปะป๊ามีงานด่วนครับ แต่ไม่ต้องห่วง ระหว่างที่คุณครูไม่อยู่ภีมกับจอมทัพดูแลคุณยายอย่างดี”
“ขอบคุณนะจ๊ะเด็กดี” จารวีเอาชุดให้จอมทัพไปอาบน้ำใหม่ ส่วนตัวเองนำแอปเปิ้ลมาปอกเป็นของว่างรอ
เดิมทีนึกว่าวันนั้นจะได้ขอบคุณภรันภพสักหน่อยแต่ปรากฏว่าเขามีงานด่วนไม่พัก คนมารับน้องภีมกลับก็คือคนที่บ้าน จวนล่วงเลยผ่านสัปดาห์ที่สองของแคมป์ศิลปะก็ยังไม่เห็นหน้าเขาเลย จารวีพาแม่ออกจากโรงพยาบาลแล้ว เธอได้ยินว่าบริษัทของภรันภพกำลังเกิดปัญหา และท่าจะจัดการยากพอควร ไม่อย่างนั้นคงปลีกตัวมารับลูกชายบ้าง
ระหว่างนี้ชีวิตเธอก็ใช่จะสงบ เริ่มเข้าสัปดาห์ใหม่มามีเรื่องให้ปวดหัวตลอดเพราะพี่เลี้ยงมหาภัยของน้องภีม ดุจดาวราวกับมีความแค้นกับเธอนักหนา ตั้งแต่โผล่หน้ามาก็เทียวกระแนะกระแหนจนรบกวนสมาธิเด็กๆ แถมนางยังไประดมครูสาวที่ไม่ค่อยกินเส้นกันมาเพื่อกลั่นแกล้งเธอโดยเฉพาะ ทำนั่นทำนี่สารพัด ใส่ร้ายว่าเธอใช้เต้าไต่หวังเป็นแม่เลี้ยงน้องภีม
ผู้หญิงคนนี้เหมือนสัมภเวสีที่ร้องขอส่วนบุญไม่ยอมไปผุดไปเกิด ยุวดีกับเนตรชนกเลยร่วมมือกันวางยาถ่ายไปครั้งหนึ่ง ปรากฏท้องร่วงผายลมสนั่นตอนคนเขากำลังเงียบๆ ไม่เพียงเท่านั้นยังเกือบจะกลั้นไม่ไหวกลายเป็นตัวตลกด้วย ดุจดาวคงจะอับอายมากเลยไม่โผล่หน้ามาที่แคมป์อีก วันเวลาจึงได้สงบลง
วันแรกของสัปดาห์ที่สามมีกิจกรรมละลายความเครียดให้เด็กๆ มีเวทีแสดงความสามารถรับรางวัลและมีซุ้มศิลปะต่างๆ ให้เข้าไปร่วมเล่นกิจกรรมสนุกๆ ตอนภรันภพมาหาลูกชายก็เห็นว่าเด็กน้อยกำลังเล่นชักกะเย่อ ทำให้เขาตกใจมาก
“กลุ่มสี่สู้ๆ กลุ่มสี่สู้ตาย กลุ่มสี่ไว้ลายสู้ตายสู้ๆ” คนนำเชียร์คือจารวี อีกฝ่ายคือเพื่อนของเธอซึ่งตอนนี้อยู่ทีมตรงข้าม
เชือกชักกะเย่อล่วงล้ำผ่านเส้น กลุ่มที่สี่สามารถเอาชนะไปได้ ทุกคนกระโดดโลดเต้นกันใหญ่ ส่วนฝ่ายที่แพ้ยืนคอตก
สัปดาห์ที่สามจะสอดแทรกกีฬาเล็กๆ น้อยๆให้เด็กๆ ได้แสดงความสามัคคีและรู้จักกันมากขึ้น
จารวีร้องจนเหนื่อยรีบนำน้ำไปให้เด็ก เธอสวมหมวกหูกระต่ายยาว จอมทัพกับภูวฤทธิ์ก็สวมเช่นกัน เหมือนแม่กระต่ายกับลูกกระต่ายสามคน น่ารักและแปลกตา ภรันภพไม่รอช้าเดินเข้าไปหาพวกเขา ภูวฤทธิ์ได้เจอปะป๊าในรอบเกือบสัปดาห์ก็ดีใจพุ่งเข้าไปกอด การแสดงที่แสนกระตือรือร้นนี้เหนือความคาดหมายจนผู้เป็นพ่ออุ่นวาบไปทั้งใจ
“ปะป๊ามาแล้ว ภีมคิดถึงปะป๊า”
“ปะป๊าขอโทษ” ภรันภพรู้สึกผิด เขาไม่ติดปัญหาคงจะได้เห็นลูกชายทำกิจกรรมหลายอย่างมากกว่านี้
“คุณมาแล้ว จัดการงานเรียบร้อยดีไหมคะ?” จารวีจูงมือน้องชายอยู่ได้ทักทายอีกฝ่าย
“เรียบร้อยแล้ว เย็นนี้ว่างหรือเปล่า ไปกินข้าวด้วยกันสักหน่อยไหม”
“ฉันมีนัดแล้วค่ะ เพื่อตอบแทนที่คุณช่วยแม่ของฉัน ไว้วันหลังฉันเลี้ยงข้าวตอบแทนบ้างนะคะ”
ภรันภพขมวดคิ้ว “มีนัดแล้ว จะไปดื่มเหล้าเหรอ คราวนี้วันเกิดใครล่ะ?”
“ไม่ใช่ครับ จอมกับพี่จาดีจะไปกินชาบูร้านประจำด้วยกันครับ ไม่ได้กินมานาน” จอมทัพเป็นคนตอบ
“ชาบูเหรอ อืม งั้นก็ไปด้วยกันสิ พอดีเลยน้องภีมก็ชอบกินชาบู”
“เอ่อ…จะดีเหรอคะ ร้านที่ฉันจะไปเป็นร้านถูกๆ คุณน่าจะไม่ไหวมั้ง” ให้เธอเลี้ยงร้านแพงเธอก็จ่ายไม่ไหว ร้านนี้คิดต่อหัวประมาณสามร้อยกว่าบาท เหมาะกับคุณครูเงินเดือนประมาณเธอแล้ว
“ไม่ลองไม่รู้นี่ คิดว่าฉันกับลูกเลี้ยงยากหรือไง”
“น้องภีมเลี้ยงไม่ยากหรอกค่ะ แต่คุณก็ไม่แน่…”
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?