ก๊อกๆ คนด้านนอกเคาะประตูเป็นสัญญาณก่อนจะถาม “พ่อเข้าไปนะ” จบคำใบหน้าหล่อเหลาหาใดเปรียบก็โผล่มา
“ทำอะไรอยู่ ตอนนี้จะสี่ทุ่มแล้ว ลูกควรพักผ่อนได้แล้ว” ภรันภพมองโทรศัพท์ในมือลูกชาย ซึ่งกำลังส่งแชทสนทนา
“กำลังคุยกับจอมทัพอยู่ครับ ปะป๊า พรุ่งนี้ภีมขอไปเที่ยวเล่นที่บ้านจอมทัพได้ไหมครับ”
“ไปเที่ยว ทางนั้นเขาชวนลูกมาเหรอ” ภรันภพตั้งตัวไม่ทันกับพัฒนาการที่ก้าวกระโดดของลูกชาย ไม่ทันไรจะไปเที่ยวเล่นที่บ้านเพื่อนแล้ว เมื่อก่อนไม่เห็นอยากออกจากบ้านไปไหนมาไหน
“ไม่ได้ชวนแต่ภีมอยากไปก็เลยลองถามก่อนครับ จอมทัพบอกว่ายังให้คำตอบตอนนี้ไม่ได้เพราะแม่เข้านอนเร็ว ส่วนคุณครูก็ไม่อยู่บ้าน พรุ่งนี้ค่อยถามแล้วมาบอก”
ภรันภพสนใจจุดที่จารวีไม่อยู่บ้าน เขาบ่นโดยไม่รู้ตัว “ดึกป่านนี้แล้ว ไปทำอะไรอยู่”
“ภีมได้ยินคุณครูคุยกับครูครูยุแล้วก็คุณครูเนตรจะไปเที่ยวที่เดอะซีซั่น ไม่เมาไม่เลิก คุณครูยุยังเล่าว่าครั้งก่อนกลับไม่ไหวจนพวกคุณครูเคยนอนข้างถนน ปะป๊าครับ คุณครูนอนข้างถนนจะไม่เป็นไรใช่ไหม”
ภูวฤทธิ์ความจำดี เวลาคุณครูสาวสามคนคุยกันเขามักจะฟังอย่างตั้งใจเพราะพวกเธอสนุกสนานกันมาก โดยไม่นึกว่ายุวดีเพียงเล่าเกินจริง เด็กน้อยไม่รู้ว่าเมาเป็นยังไง แต่ก็ทราบถึงอาการแพ้แอลกอฮอล์ ถ้าดื่มไปเยอะก็จะทำให้มึนหัวไม่ได้สติ พอคิดถึงภาพที่จารวีนอนเรี่ยราดอยู่ขอบถนน เขาก็ชักจะเป็นห่วงเธอขึ้นมาแล้ว
ภรันภพเองก็ไม่สบายใจเช่นกัน “น้องภีม เดี๋ยวลูกส่งข้อความไปบอกจอมทัพว่าไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวปะป๊าไปดูให้”
“ได้ครับ ปะป๊า ภีมก็จะไปกับปะป๊าด้วย”
“ดึกแล้ว เรื่องนี้เดี๋ยวปะป๊าจัดการเอง นอนเร็วพรุ่งนี้ตื่นแล้วค่อยไปเที่ยวบ้านเพื่อนดีไหม?”
ภูวฤทธิ์จำต้องเชื่อฟัง ปะป๊าเป็นผู้ใหญ่แทบไม่มีเรื่องไหนที่จัดการไม่ได้ พอห่มผ้าปิดไฟ ทั้งบ้านหลังใหญ่ก็ตกอยู่ในความเงียบ ภรันภพกลับห้องไปเปลี่ยนชุด ยามนี้สวมชุดนอนจึงไม่ค่อยเหมาะออกไปสถานเริงรมย์ ผับเดอะซีซั่นเขารู้จัก ถ้าเธอยังอยู่ที่นั่นก็คงหาตัวได้ไม่ยาก เปลี่ยนชุดเสร็จชายหนุ่มก็คว้ากุญแจรถขับออกไป
ที่ผับเดอะซีซั่นเวลาเกือบห้าทุ่ม ยุวดีกับจารวีเมาจนตาเยิ้ม ส่วนเนตรชนกไม่ได้ดื่มเนื่องจากต้องขับรถพากลับ
“สวัสดีครับ สาวๆ มากันสามคนเหรอ ผมมาคนเดียวเหงามาก อยากเลี้ยงเหล้าสาวๆ หน่อยจะได้ไหมครับ”
มีผู้ชายแต่งตัวดีคนหนึ่งเดินเข้ามาทักทาย หน้าตาของเขาไม่เลว หุ่นก็ผึ่งผายใช้ได้ แต่สายตาที่มองไปยังจารวีค่อนข้างมีความใคร่เปิดเผยมากไปจนชวนให้อึดอัด เนตรชนกเหลือสติอยู่เพียงคนเดียวต้องทำหน้าที่อารักขา
“พวกเราจะกลับกันแล้วค่ะ เพื่อนของฉันคงดื่มต่อไม่ไหว ฉันเองก็ต้องขับรถ ไว้วันหลังนะคะ”
“อย่าพึ่งสิครับ อยู่สนุกด้วยกันต่ออีกหน่อยแล้วเดี๋ยวผมจะช่วยไปส่งอีกแรง คุณตัวเล็กแบกไปพร้อมกันไม่น่าจะไหว”
เขาเล็งจารวีเพราะหน้าตาเธอสวยกว่าเพื่อนแถมทรวดทรงก็เว้าโค้งเย้ายวน ถ้าจะเอาใครห้ามเขาได้ล่ะ!
เนตรชนกเริ่มอารมณ์ไม่ดี “บอกแล้วไงว่าจะกลับแล้ว” เธอกึ่งพยุงเพื่อนฝ่ามือโอบเอวของทั้งสองไว้พาเดินออกไป
พ้นประตูมากลับสังเกตเห็นว่าผู้ชายเมื่อครู่ก็ตามมาด้วย มิหนำซ้ำยังเรียกพรรคพวก ไหนบอกว่ามาคนเดียว
โทรศัพท์ของจารวีมีสายเรียกเข้า เนตรชนกก็พลอยลนลานไปด้วยเพราะมันเสียงดังสนั่นมาก เธอรีบพาเพื่อนเดินมายังหน้าร้านสะดวกซื้อแถวนั้นเพื่อความปลอดภัย ผู้ชายกลุ่มใหญ่ถึงได้เลิกตาม เนตรชนกวางหญิงสาวเพื่อนรักลงบนม้านั่งค่อยกุลีกุจอค้นหาโทรศัพท์ของจารวีออกมารับสาย หน้าจอบันทึกชื่อไว้ว่าจอมเผด็จการ ใครหว่า? หรือจะเป็นคนนั้น…
“อ๊ะ! สวัสดีค่ะคุณภรันภพ นี่เนตรชนกนะคะ เพื่อนจาดี ตอนนี้จาดียังไม่ว่างรับสายค่ะ หล่อนเมาหมดสภาพไปแล้ว… คุณภรันถามว่าอยู่ไหนเหรอคะ? เอ่อ ตอนนี้พวกเราอยู่ที่หน้าร้านสะดวกซื้อตรงข้ามผับเดอะซีซันค่ะ หา! จะมารับ”
ปลายสายวางไปแล้วส่วนเนตรชนกยืนงงอยู่ที่เดิม เมื่อครู่ภรันภพบอกว่าจะมารับงั้นเหรอ ยัยจาดีพัฒนาความสัมพันธ์กับเขาไปถึงขั้นนี้แล้ว ยังจะปฏิเสธว่าไม่ได้จีบ ปิดบังแม้กระทั่งเพื่อน คอยดูเถอะ ตื่นมาจะต้องถามให้รู้เรื่อง
ห้านาทีต่อมาภรันภพก็เจอกับสามสาว เขาให้เบอร์จารวีเผื่อกรณีฉุกเฉินเกี่ยวกับลูกชายจะได้ติดต่อทันที ไม่คิดว่าโทรหาครั้งแรกจะเป็นเพราะมารับเธอที่เมาปลิ้นหมดสภาพ สีหน้าของเขาขรึมลง แววตามีความตำหนิโทษ
“ดื่มไม่รู้กำลังตัวเอง” ภรันภพดึงตัวจารวีขึ้นมาก่อนจะอุ้มลอยขึ้นต่อหน้าต่อตาเนตรชนก
“เอ่อ คุณภรันภพจะพายัยจาดีกลับเองเหรอคะ” เนตรชนกถามก่อนที่จะไม่ทัน ภรันภพตั้งท่าจะพายัยจาดีไปแล้ว
“ครับ คุณดูเหมือนไม่เมา งั้นก็พาเพื่อนอีกคนกลับไปพักผ่อนเถอะ น้องชายของเธอฝากให้ผมมารับเธอกลับ”
ได้ยินดังนั้นเนตรชนกยังจะพูดอะไรได้อีก แต่ภรันภพก็ดูไม่เหมือนพวกชอบฉวยโอกาส ปล่อยจารวีไปกับชายหนุ่มคงปลอดภัยในระดับหนึ่ง เขาไม่เคยมีข่าวเสียหาย ไม่แตะสีกา รักษาเนื้อรักษาตัวยิ่งกว่าพระ เรื่องนี้วางใจได้
ทั้งสองฝ่ายแยกย้าย ภรันภพขับรถไปถึงบ้านของจารวีแล้วแต่ทั้งบ้านปิดไฟมืดเลยไม่กล้ารบกวน เขาคิดไม่ตกจะทำยังไงต่อดี ครั้นจะรอให้หญิงสาวสร่างก็คงอีกหลายชั่วโมง เวลานี้เอง จู่ๆ เธอที่หลับมาตลอดทางก็ลืมตาสะลึมสะลือตื่นขึ้น
“อะ อื้อ! คุณเป็นใคร…”
ชายหนุ่มทำสีหน้าเอือมระอา “ก็คนที่พาเธอมาส่งบ้านไง”
“ไม่ได้ ไม่กลับบ้าน กลับบ้านเมาๆ ไม่ได้เดี๋ยวแม่บ่น ต้องหายเมาก่อน ต้องหายเมาแม่ถึงจะไม่ว่า”
“งั้นเหรอ กลัวแม่บ่นแต่ก็ดื่มจนเมาเหมือนหมา แม่เธอควรบ่นให้เธอเข็ดหลาบสักที”
“อย่า ไม่เอา ฉันไม่อยากให้แม่บ่น แม่สุขภาพไม่ดี ไม่อยากให้แม่…อึก! โมโห” เธอคร่ำครวญขอร้องเสียงน่าสงสาร
มาถึงตรงนี้ภรันภพก็เริ่มปวดหัว “แล้วจะเอายังไง คืนนี้เธอจะไปนอนที่ไหน หรือชอบนอนข้างถนนกันล่ะ”
ดวงตาของหญิงสาวปรือหวานอีกครั้งก่อนจะค่อยๆ ปิดลง เธอพึมพำแผ่วเบา “ไม่กลับบ้านเด็ดขาด”
เท่ากับว่าให้นอนตรงไหนก็ยอมนอนตรงนั้น แม้แต่ข้างถนนก็ยังดีกว่าเมากลับบ้านให้แม่บ่น ภรันภพจนปัญญาจัดการหญิงสาวขี้เมา สุดท้ายเขาจึงตัดสินใจขับรถพาเธอมาพักยังบ้านของตัวเองก่อน พรุ่งนี้เช้าจะว่าอย่างไรก็อีกเรื่อง เธอต้องขอบคุณเขาด้วยซ้ำ ถ้าให้นอนข้างถนนแล้วเกิดเหตุไม่คาดฝัน ใครจะมาช่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมลูกชายเขา
ในห้องนอนไม่คุ้นเคยแต่เตียงนุ่มสบาย จารวีถูกวางลงก็รู้สึกตัวตื่นอีกรอบ เธอทั้งเมาทั้งมึนแทบไม่อยากสนใจโลกภายนอก แต่พอได้กลิ่นหอมเย็นก็เกิดใคร่รู้ต้องการคำตอบ แววตาพร่าเลือนจับไปยังใบหน้าคนข้างเตียง แขนเรียวที่ยังคล้องลำคอเขาอยู่ไม่ยอมปล่อย
“นี่คุณน่ะ หน้าคุ้นๆ นะ”
ภรันภพโดนเกาะก็ไม่ได้แกะออกทันที แต่ส่งเสียงตอบหญิงสาว “นอนได้แล้ว”
“ไม่ ฉันจำคุณได้” จารวีมึนจนนึกว่าตอนนี้เธอกำลังฝัน ฝันประหลาดมาก “คุณเป็นผู้ชายประสาอะไรมาแย่งขนมห่อเดียวกับผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างฉัน แถมปากร้ายมาก คุณมันน่าโมโห แต่ลูกชายตัวน้อยของคุณน่ารักดี”
ภรันภพเลิกคิ้วไม่รู้ควรจะฉุนหรือขันท่าทีเลอะเลือนของหญิงสาวในอ้อมแขนดี“ได้ เธอไม่พอใจแล้วจะให้ชดใช้ให้หรือไง?”
“ชดใช้สิ! ขอโทษมาแล้วฉันจะไม่ถือสาหาความ”
“คำขอโทษจากปากฉันเธอรับไหวเหรอ ฉันไม่ได้ขอโทษใครมานานแล้ว” พอเขามีฐานะก็ไม่ต้องมองสีหน้าคนอื่นนักหนาเท่าเมื่อช่วงแรกเริ่มก่อตั้งธุรกิจ เขาอยู่ในจุดที่ต่อให้ทำผิด คนอื่นก็ต้องมาขอโทษเขา ไม่เคยที่จะก้มหัวให้
แล้วเธอเป็นใคร?
จารวียืนยัน “รับไหวสิ มันจะหนักแค่ไหน ขอโทษมาเลยไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันร้ายกับคุณนะ”
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?