พิธีเปิดต้อนรับบุคลากรและผู้เข้าร่วมแคมป์ศิลปะเสร็จสิ้นในสามสิบนาที หลังจากนั้นเหล่าเด็กๆ ก็ถูกแบ่งย่อยเป็นสี่กลุ่มกระจายกันเพื่อให้สะดวกต่อการดูแล บนเวทียกระดับวิทยากรคนแรกได้ขึ้นไปบรรยายเกี่ยวกับการวาดภาพเบื้องต้น สไลด์การนำเสนอย่อยง่ายแถมยังมีการ์ตูนดึงดูดความสนใจ ฉะนั้นบรรยากาศจึงไม่เชิงวิชาการเกินไป กลับเต็มไปด้วยความสนุกสนานแทรกกับการชวนให้เด็กๆ ขึ้นไปตอบคำถามชิงของรางวัลมากมาย
เมื่อกิจกรรมนันทนาการดำเนินไปพอหอมปากหอมคอ เข้าสู่ช่วงสายหน่อยแจกขนมพักเบรกแก่ทุกคนเรียบร้อย อาจารย์มหาวิทยาลัยดังซึ่งเชี่ยวชาญด้านการวาดภาพระดับแนวหน้าของประเทศก็ขึ้นเวทีไปบรรยายเกี่ยวกับหัวข้อการวาดภาพที่จะมอบหมายให้เด็กๆ เลือกทำตามความถนัด โดยเนื้อหาหัวข้อสัปดาห์แรกไม่ซับซ้อนมาก นั่นคือให้ทุกคนถ่ายทอดสิ่งที่อยากวาดออกมา จะใช้เทคนิคการวาดการลงสีแบบไหนก็ได้ทั้งนั้น
ส่วนสัปดาห์ต่อๆ ไปจะเปลี่ยนหัวข้อใหม่ ภายในหนึ่งเดือนเด็กๆ จะมีชิ้นงานของตัวเองสี่ชิ้นงาน ซึ่งเมื่อถึงโค้งสุดท้ายของกิจกรรมคณะกรรมการจะประเมินชุดผลงานแต่ละหัวข้อและเลือกอันดับหนึ่งถึงสามเพื่อมอบเหรียญรางวัล ทุกผลงานที่ติดอันดับยังได้รับคัดเลือกให้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของนิทรรศการศิลปะประจำปี ไม่เพียงเท่านั้น ผู้ที่ได้อันดับหนึ่งในสี่หัวข้อจะเป็นตัวเต็งสำหรับตำแหน่งสำคัญอย่างแชมป์ศิลปะอีกด้วย
รอบด้านคึกคักไปด้วยเสียงคุยจอแจ พอได้รับแจกแจงหัวข้อจอมทัพยังไม่เริ่มลงมือทันที เขาเคี้ยวขนมพักเบรกจนแก้มพองพลางเหลือบมองข้างไปยังเด็กชายตัวเท่าๆ กันกับเขา เห็นได้ชัดว่าคงอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ไฉนอีกฝ่ายถึงดูสงบนิ่งไม่ยุกๆ ยิกๆ เหมือนเด็กคนอื่นเลย บรรยากาศรอบตัวเพื่อนคนนี้สงบเงียบจนไม่กล้าทักทายคุยเล่น
อึดอัดจัง! ถ้าได้คุยกันหน่อยก็คงจะดี จะได้ถามด้วยว่าอยากวาดอะไร แล้วก็มาเป็นเพื่อนกัน
สุดท้ายจอมทัพก็เลือกที่จะลงมือร่างภาพแทนการทำลายสมาธิคนอื่น เขากลัวว่าจะไปรบกวนเด็กชายหน้านิ่งเอา
เวลาผ่านไปสิบนาทีเด็กน้อยภูวฤทธิ์ก็ร่างโครงคร่าวๆ ลงบนกระดาษเสร็จ เขายังไม่เก็บรายละเอียดมากนักเพราะศิลปะคือความเพลิดเพลินปลดปล่อย จะใจร้อนไม่ได้ เวลายังเหลืออีกมาก วันแรกทำโครงร่างและกำหนดพื้นที่ก็นับว่าใช้ได้แล้ว เขาพิถีพิถันใจเย็น ทว่าเหมือนเพื่อนที่นั่งด้านข้างจะเอื่อยเฉื่อยมากกว่า ยามนี้จอมทัพยังไม่ทำอะไรเลย หน้ากระดาษสะอาดเอี่ยม เขาจิ้มดินสอลงไปแต่ก็ไม่ยอมขีดเขียนอะไร อาการเหมือนคิดไม่ออก
เด็กคนอื่นที่ร่างภาพเสร็จก็มี ที่ลงสีแล้วก็มากมาย พวกเขาบางคนเพียงมาร่วมสนุกระหว่างปิดเทอม ถ้าไม่ต้องการเป็นแชมป์ศิลปะไม่จำเป็นต้องตั้งหน้าตั้งตารังสรรค์ผลงาน เป็นแบบนี้จึงมีเด็กไม่น้อยที่เดินดูคนอื่นไปเรื่อยด้วย
เด็กกลุ่มหนึ่งนำโดยเด็กชายอวบอ้วนมาหยุดยืนอยู่ด้านหลังภูวฤทธิ์ ดวงตาหลายคู่พยายามดูว่าหนูน้อยวาดอะไร
“คนอื่นเขาลงสีกันหมดแล้ว นี่นายพึ่งจะวาดเหรอ วาดอะไรอ่ะ? ทำไมไม่เห็นจะสวยเลย”
ภูวฤทธิ์ไม่สนใจยังคงตั้งหน้าตั้งตาจดจ่อกับภาพของตนเอง เขาเย็นชาแบบนั้นเด็กอ้วนที่มีป้ายชื่อว่าน้องอาร์มก็ไม่ยอม ในห้องเรียนเขาตัวใหญ่ที่สุดจึงมีแรงเยอะที่สุด ไม่มีเด็กคนไหนกล้าเมินเฉยมาก่อน อีกอย่างพ่อกับแม่ก็เป็นผู้บริจาคสนับสนุนกิจกรรมในครั้งนี้ด้วย เท่ากับว่าเขาก็เป็นหนึ่งในเจ้าของงาน เป็นลูกพี่ของทุกคน การไม่ให้ความสำคัญเท่ากับว่ากำลังหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัว
เมื่อครู่เด็กคนหนึ่งวาดภาพสวย เขาขัดตาก็ยกสีมาสาดใส่ นอกจากจะไม่โดนตำหนิยังสามารถบังคับให้เด็กคนนั้นร้องไห้ได้ด้วย มีหรือจะปล่อยเด็กชายตัวเล็กกว่าคนนี้ไปง่ายๆ
“นี่นาย ลูกพี่อาร์มคุยกับนายอยู่ ไม่ได้ยินเหรอ มันหูหนวกหรือเปล่าลูกพี่?”
“ไม่ มันไม่ได้หูหนวก แต่พ่อแม่ฉันเล่าให้ฟังว่าเจ้าหมอนี่มันปัญญาอ่อน มันไม่มีแม่ด้วยซ้ำ”
“ว้ายๆ ไม่มีแม่ ไม่มีแม่” เด็กที่มากับเด็กชายตัวอ้วนช่วยกันล้อเลียนคนอ่อนแอกว่าเพื่อเอาใจลูกพี่
เด็กชายตัวอ้วนหัวเราะไม่รู้สึกว่าการกระทำของตัวเองไม่ถูกต้อง กลับใช้ความเหนือกว่าดึงเอากระดาษบนที่ตั้งวาดภาพมาไว้ในมือ
“ไอ้ปัญญาอ่อนไม่มีแม่ ภาพของแกน่าเกลียดมาก ฉันฉีกทิ้งตอนนี้เลยดีกว่า สวยก็ไม่สวย”
คราวนี้มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา ทว่าไม่ใช่มาจากเจ้าของกระดาษแต่เป็นเด็กชายตัวกลมตาแข็งกร้าวข้างกัน
“ไอ้หมูตอนนิสัยเสีย คืนกระดาษมาเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นฉันอัดแกฟันร่วงหมดปากแน่”
จอมทัพทั้งตัวคนเดียวแถมยังเตี้ยกว่าเป็นคืบ แบบนี้ไม่มีทางขู่ให้กลัวได้ ถึงอย่างนั้นเด็กชายอวบอ้วนก็โมโหที่ถูกเรียกว่าหมูตอน เขาจะฉีกกระดาษในมือก่อนค่อยไปจัดการไอ้คนอวดดี แต่ยังไม่ทันจะได้ทำตามที่คิดก็โดนจอมทัพแย่งคืนไป
“ไอ้หมาชั้นต่ำนี่ แกคิดว่าแกเป็นใคร แกรู้ไหมว่าพ่อแม่ฉันเป็นเจ้าของงานนี้”
“นั่นสิ ไอ้หมาข้างถนน แกกล้ามาหาเรื่องลูกพี่อาร์มเหรอ รู้ไหมว่าพ่อแม่ลูกพี่อาร์มรวยมาก”
เด็กน้อยฝูงนี้ช่วยกันอวดความร่ำรวยของพ่อแม่เด็กชายอาร์มเสียงจอแจ เพียงเพราะต้องการให้จอมทัพกลัวจนร้องไห้ แต่มันไม่สำเร็จ จอมทัพตัวน้อยเจอคนล้อว่าไม่มีพ่อมาจนมีภูมิต้านทานอยู่บ้าง เขากำลังพยายามควบคุมอารมณ์ พยายามนึกถึงคำสัญญาที่ให้ไว้กับพี่สาวและแม่ เขาจะไม่ก่อเรื่องเด็ดขาด
“ลูกพี่ มันไม่กลัวเลย พวกเราไปบอกครูให้ไล่มันสองคนออกไปจากงานกันเถอะ”
เด็กชายตัวอ้วนยกมือทำท่าหัวหน้านักเลงห้ามลูกกระจ๊อก เขาไล่ไอ้สุนัขชั้นต่ำออกไปได้แต่ไล่ไอ้เด็กหน้าเหม็นไม่ได้ ที่มาเข้าร่วมแคมป์ศิลปะไม่ใช่เขาชอบวาดภาพสักนิด แต่แม่อยากให้ตีสนิทกับเจ้าหน้าเหม็นนี่เลยต้องจำใจมา นอกจากขนมแจกเยอะก็ไม่เห็นน่าสนุกตรงไหน อีกอย่างเขาไม่ชอบเอาใจใคร นอกจากคนอื่นตามใจไม่เคยต้องอึดอัดขัดอารมณ์
“จับมันไว้ ฉันอัดมันก่อนค่อยให้พ่อแม่ไล่มันออกไป”
ลูกน้องด้านหลังสี่คนเดินไปล้อมจอมทัพจะจัดการ ภูวฤทธิ์เห็นท่าไม่ดีเริ่มมองหาปะป๊าของตนเอง ถ้าปะป๊าอยู่ก็คงมายุติเรื่องราวทะเลาะวิวาทได้ ทางจอมทัพก็ไม่นิ่งเฉยให้โดนจับ เด็กชายตัวน้อยลุกขึ้นปัดมือที่ยื่นมาเต็มแรง
“ไอ้หมูตอน แน่จริงก็อย่ารุมสิ หรือแกกลัวว่าตัวต่อตัวกับฉันแล้วจะแพ้”
เด็กชายหมูตอนทำท่าเหมือนกระทิงเตรียมพุ่งชน จากนั้นก็วิ่งพรวดเข้าใส่จอมทัพ กระดานวาดภาพล้มครืน เกิดเสียงอุทานตกใจจากเหล่าคุณครูและผู้ปกครองในบริเวณนั้น มีคนกำลังจะก้าวเข้าไปห้าม แต่ก็โดนคุณครูที่จำหน้าเด็กชายอ้วนได้ดึงไว้ เด็กชายคนนี้ขึ้นชื่อเรื่องไล่คุณครูที่จู้จี้กับเขาออก ขืนไปขัดมีหวังได้ซวยพอดี
เด็กตัวเท่าเมี่ยงตะลุมบอนกันอลหม่าน ทำให้บรรยากาศแห่งการสร้างสรรค์ตกอยู่ในความวุ่นวายเสียระเบียบ
เนื่องจากแบ่งเด็กๆ ออกเป็นสี่โซนใหญ่จารวีจึงไม่เห็นว่าน้องชายเธอกำลังมีเรื่อง เธอได้รับผิดชอบอีกกลุ่มซึ่งรวมตัวกันอยู่ฝากตรงข้ามของหอประชุม และเนื่องจากเป็นคุณครูหน้าใหม่เลยโดนรุ่นพี่ใช้ไปทำงานหยิบนั่นหยิบนี่ตลอดเวลา
ฝั่งทางนี้หลังจากภรันภพหลบไปคุยธุระกลับเข้ามาเขาก็ต้องเร่งสาวเท้าแหวกคนออกเพื่อเข้าไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น
“หยุดเดี๋ยวนี้!!!” เสียงกัมปนาทราวกับฟ้าผ่าเปรี้ยงสะเทือนลงกลางวงต่อสู้ที่กำลังดุเดือดของเหล่าอันธพาลตัวรุ่นจิ๋ว
เด็กที่ก่อเรื่องต่างตกใจสะดุ้งรีบปล่อยมือ ภรันภพก้าวเข้าไปอุ้มลูกชายที่กำลังยืนตัวแข็งทื่อมากอดไว้พร้อมกับใช้สีหน้าดุดันถามไปยังพวกเจ้าหน้าที่วิทยากรซึ่งเอาแต่ส่งเสียงไม่ยอมเข้าห้าม
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น พวกคุณมีปัญญาทำงานกันได้แค่นี้เหรอ เด็กตีกันแต่กลับไม่เข้ามาแยก ไม่มีสมองกันหรือไง?”
“แงง! ฉันจะฟ้องพ่อ ฉันจะฟ้องพ่อ” เด็กชายอ้วนร้องไห้จ้าเพราะกลัวภรันภพ เด็กที่เหลือก็ร้องไห้ตามยกเว้นจอมทัพ
เวลานี้เองที่แม่ของเด็กชายอ้วนถลาเข้ามากลางวง เธอพึ่งออกไปทำเล็บมาไฉนกลายเป็นแบบนี้ไปล่ะ?
“น้องอาร์ม โอ๋ๆ ไม่ร้องนะลูก พี่เลี้ยงของลูกไปไหนทำไมปล่อยให้คนอื่นรังแกหนูแบบนี้”
“เป็นเขาต่างหากที่รังแกคนอื่น”
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?