ตอนที่ 13 อุบัติเหตุ

ธารากำลังถอนวัชพืชที่ขึ้นแซมแปลงดอกไม้อยู่สวนบริเวณหน้าบ้าน เมื่อได้ยินเสียงรถมาจอดประชิดรั้วก็ลุกไปดู ปรากฏว่าเป็นรถยนต์หรูคันละหลายล้านคันนั้น คนที่เปิดประตูก้าวขาลงมาเป็นลูกสาว อีกฝั่งคือชายหนุ่มผึ่งผายหน้าตาหล่อเหลาบาดจิต ยังมีเด็กน้อยผิวขาวอมชมพูน่ารักน่าชังติดมาด้วยคนหนึ่ง สามคนด้านนอกประตูราวกับครอบครัวเดียวกัน เหมาะสมกันอย่างแปลกประหลาด ธาราเดินไปถึงก็ได้กล่าวทักทาย

“กลับมาแล้วเหรอจาดี แล้วนี่…” ธารารอยยิ้มประดับหน้า วางท่าเป็นเจ้าบ้านใจดี

“นี่คือคุณภรันภพ เป็นผู้ปกครองของน้องภีม ส่วนคนนี้น้องภีม เด็กนักเรียนที่เข้าร่วมแคมป์ศิลปะเดียวกันกับเจ้าจอมทัพ เป็นเพื่อนใหม่ของลูกชายแม่ สองวันนี้เด็กๆ จะมาเล่นด้วยกัน แม่ต้อนรับเขาดีๆ นะ”

“แน่นอน แม่ชอบเด็กๆ จะตาย จอมทัพเอ๊ย เพื่อนมาหาแล้วลูก อย่ามัวแต่ดูการ์ตูนวันหยุดสิ มารับเพื่อนเข้าบ้าน”

เสียงแม่ดังมาก พอตะโกนไม่นานนักจอมทัพก็วิ่งแจ้นออกมาจากบ้านเหมือนพายุ “มาแล้วเหรอภีม ไปเล่นกันเถอะ”

ภูวฤทธิ์โดนดึงเข้าไปด้านใน ที่เหลืออยู่คือบรรยากาศแปลกๆ จารวีรู้สึกว่าสายตาของแม่เธอมันทะแม่งๆ

“สวัสดีครับ ผมภรันภพ เรียกภรันเฉยๆ ก็ได้ครับ สองวันนี้ผมฝากลูกชายด้วยนะครับ” ภรันภพเดินมามอบของในมือให้ธารา เป็นพวกขนมกับกล่องกำมะหยี่สีแดงกล่องหนึ่ง ของพวกนี้เขาเตรียมไว้ก่อนแล้วแต่จารวีไม่รู้

“สวัสดีจ้ะภรัน ไม่จำเป็นต้องมีของมาฝากก็ได้ เด็กคนเดียวไม่ลำบากอะไรเลย น้าชื่อธารา จะเรียกว่าแม่ยาย เอ๊ย! เรียกน้าธารเฉยๆ ก็ได้” ธาราตบมุกโบ๊ะบ๊ะคนเดียวอย่างอารมณ์ดี

ผิดกับจารวีที่ตกใจจนเกือบตาถลน “คุณไม่ต้องห่วง ฉันดูแลน้องภีมเอง ส่วนแม่เข้าบ้านเดี๋ยวนี้”

จารวีแทบจะอุ้มมารดาเข้าบ้าน ทั้งดันทั้งดึงสีหน้าไม่ต้องสาธยายว่าเหยเกแค่ไหน ชายหนุ่มมองตามแล้วก็หลุดหัวเราะ ตั้งแต่เจอเธอ ดูเหมือนนี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาขบขันจนเผลอยิ้มออกมา ดูๆ ไปแม่สาวคนนี้ก็น่ารักดี

ทางจารวีเกือบจะกัดลิ้นตัวเองตายให้รู้แล้วรู้รอด “แม่พูดอะไรเนี่ย! จาอายจะตายอยู่แล้ว”

ธาราหยิบกล่องกำมะหยี่มาเปิดดู ด้านในเป็นกำไลข้อมือสีทองมูลค่าสูง “อายทำไมล่ะ แม่พูดผิดเหรอ”

มารดาลองสวมกำไล มันเป็นของล้ำค่าแต่แม่ก็ไม่ได้แสดงออกว่าตื่นเต้นมากนัก สมัยที่ยังเป็นสาว ตอนที่พ่อของจารวียังหนุ่มแน่นแข็งแรง ฐานะทางครอบครัวยามนั้นเทียบได้กับเศรษฐีทีเดียว ของสวยๆ งามๆ ก็ได้สัมผัสมาไม่น้อย

“ผิดมาก หนูกับเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์กันเชิงชู้สาว หนูเป็นคุณครูของลูกชายเขานะ แล้วเขาก็มีลูกด้วย”

“แล้วแม่เด็กล่ะ” ธาราคิดถึงข้อนี้เริ่มจะไม่สบายใจขึ้นมาหน่อยๆ พ่อหม้ายไม่ติดหรอก กลัวจะมาหลอกลูกมากกว่า

“หนูได้ยินมาว่าแม่ของน้องภีมไม่เคยปรากฏตัวเลย”

“งั้นก็แสดงว่าไม่ได้อยู่ด้วยกัน ไม่มีทะเบียนสมรส ไม่มีข้อผูกพันทางกฎหมาย แม่ดูแล้วเขาไม่เลว แกจะชอบก็ได้”

จารวีอับจนคำพูด นี่กลัวเธอไม่มีสามีหรือไง? หญิงสาวไม่อยู่โต้เถียงด้วยเดินขึ้นห้องไปเปลี่ยนชุดอีกรอบ ชุดวอร์มใส่สบายแต่พอไม่ได้อยู่ในห้องแอร์ก็เริ่มจะร้อน อากาศยามนี้อบอุ่น ใส่เสื้อแขนสั้นกับกางเกงขาสั้นจะสบายกว่า

ส่วนน้องภีมตอนนี้ถูกจอมทัพพาไปเล่นของเล่นบนห้อง ธาราเอาขนมกับน้ำมาส่งให้พวกเขาก็ไม่ได้อยู่รบกวน ปล่อยให้เด็กๆ ได้ใช้เวลาด้วยกัน วันทั้งวันพริบตาเดียวก็ตกเย็น เดิมทีคิดว่าเด็กบ้านรวยจะดูแลยาก แต่กลับไม่ใช่

น้องภีมไม่ได้เรียกร้องอะไร พอเล่นสร้างเมืองกับจอมทัพเสร็จก็ใช้เวลาช่วงบ่ายอ่านหนังสือความรู้คณิตศาสตร์ของมอปลาย ในขณะที่จอมทัพเองก็ตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือการ์ตูน เป็นสองเด็กน้อยที่มีความชอบแตกต่างแต่ก็อยู่ร่วมกันอย่างสงบเสงี่ยม จารวีเห็นแบบนั้นก็วางใจ โดยที่ไม่รู้เลยว่าลับหลังเธอเด็กน้อยได้เริ่มคุยกันถึงเรื่องบางอย่าง

ภูวฤทธิ์ดูเศร้าเพราะอีกครึ่งชั่วโมงพ่อจะมารับ จอมทัพก็ได้แต่ปลอบใจเขาว่าพรุ่งนี้ค่อยมาใหม่ก็ได้

“คุณครูใจดีมาก คุณยายก็ใจดี ภีมอยากมีพี่สาวกับคุณยายแบบจอมทัพบ้าง” เขาไม่เคยใกล้ชิดแม่ ไม่เคยสัมผัสกับความรักจากอุทรมารดา แต่เขารู้ว่ามันจะต้องอบอุ่นมาก จอมทัพคงมีความสุขทุกวัน

จอมทัพคิดตามแล้วก็นึกบางอย่างออก “อือ…ถ้าเพิ่มน้องชายมาแค่คนเดียวไม่เป็นไรนะ จอมว่าพี่จาดีต้องโอเค พี่ต้องเห็นด้วยแน่นอน แต่พี่สาวจอมเห็นด้วยไม่ได้หมายความว่าทางพ่อของภีมจะเห็นด้วย อย่าลืมว่าพวกเขาชอบทะเลาะกัน ตอนนี้ก็ไม่ดีกันเท่าไหร่ พวกเราต้องทำให้สองคนนี้เลิกทะเลาะกันก่อน ภีมมีแผนไหม”

“มีสิ” ภูวฤทธิ์หยิบกระดาษออกมาเริ่มต้นเขียนแผนการ ถ้าปะป๊ากับคุณครูดีกัน คุณครูก็จะมาเป็นพี่สาวของเขาแล้ว

สองผู้ใหญ่ไม่รู้ความคิดของเด็กน้อย พอถึงเวลาภรันภพเลิกงานมารับลูกชาย เขาไม่ลืมที่จะซื้อของมาฝากเจ้าบ้าน

ธาราจำต้องรับและตะโกนเรียกลูกๆ ตอนจารวีพาน้องภีมลงมาส่งคืน เธอแต่งกายด้วยชุดอยู่บ้านเสื้อยืดสีขาวกางเกงยีนส์สีดำขาสั้นโชว์เรียวขา ผมดำขลับปล่อยสยายคละเอว หน้าตาไม่แต่งแต้มประทิน แต่ผิวหน้ากลับเต่งตึงอ่อนเยาว์ ให้ความรู้สึกว่าเป็นเด็กสาวอายุน้อยไร้พิษภัย

ตอนเธอสวมเครื่องแบบคุณครูว่าหน้าเด็ก แต่งตัวแบบนี้ยิ่งเด็กเข้าไปใหญ่ จวนสองคนเดินเข้ามาใกล้ ภรันภพถึงเริ่มรู้สึกตัวว่าเขาเสียการควบคุมจึงเก็บสายตากลับคืนมา พลางบอกตัวเองว่าอย่าได้โดนหลอกง่ายๆ ถึงจะดูใสซื่อแต่นิสัยฤทธิ์เยอะเอาเรื่อง เมื่อคืนก็เป็นอันธพาลกดตัวเขาไว้ข้างล่าง

“กลับก่อน เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยมาใหม่” ลูกชายทำหน้าเสียดายไม่อยากกลับ ภรันภพจึงต้องเกลี้ยกล่อม

เด็กน้อยพยักหน้าตอบว่า “ครับ” แล้วมองจารวีอย่างอาลัยอาวรณ์

เธอเองก็เอ็นดูปนความสงสาร “ใช่แล้ว ไว้มาใหม่พรุ่งนี้นะจ๊ะ อย่านอนดึก แปรงฟันก่อนนอนด้วยนะ”

“พี่จาดี! พี่จาดี!” เสียงตะโกนลั่นนี้เป็นของจอมทัพ เขาวิ่งหน้าตาตื่นออกมาจากบ้าน “แม่ล้มเลือดไหลเต็มเลย”

“ว่าไงนะ!” จารวีรีบกลับเข้าไปในบ้าน ปรากฏเห็นมารดาล้มอยู่บนพื้นห้องครัว ตอนนี้สลบไม่ได้สติ

เธอลนลานตระหนกเนื่องจากไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้ แต่ก็ยังคิดได้ให้น้องชายไปเอาโทรศัพท์มาเรียกรถพยาบาล

“เดี๋ยวฉันเรียกให้เอง” ถ้าเป็นเขาไม่นานรถของโรงพยาบาลธัญเทพก็จะมาถึง

ด้านหลังชายหนุ่มแทรกตัวเข้ามาในห้องครัว เขาให้จารวีไปหาผ้าสะอาดมาผืนหนึ่งเพื่อห้ามเลือดและเริ่มช่วยปฐมพยาบาลเบื้องต้นให้ก่อน แม้จะไม่ใช่หมอแต่ก็มีความรู้พื้นฐานอยู่ การจัดการของเขาทำให้ทุกคนค่อยสงบลงมาหน่อย ไม่นานรถฉุกเฉินก็มารับพามารดาขับออกไป

จารวีกับน้องชายร้องไห้จะตามไปดูแต่ถูกภรันภพดึงไว้ก่อน

“ถึงมือหมอแล้วไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวเราไปโรงพยาบาลด้วยกัน”

“อืม” จารวีจะเช็ดน้ำตาแต่มือเธอเปื้อนเลือด ภรันภพจึงได้เช็ดออกให้ การกระทำของเขาปุบปับ เธอก็ไม่ทันจะเก็บมาใส่ใจ สิ่งสำคัญที่สุดตอนนี้คือความปลอดภัยของมารดา

ทั้งสี่ตามไปที่โรงพยาบาลธัญเทพ ตอนมาถึงหมอก็ได้ช่วยผู้เป็นแม่เรียบร้อยแล้ว อาการพ้นขีดอันตราย บาดแผลถูกเย็บปิด ต้องให้น้ำเกลือฟื้นฟูร่างกายหน่อยและรอดูอาการอีกสามสี่วัน ได้ยินดังนั้นสองพี่น้องก็โล่งใจ

ภรันภพฟังผลเพิ่มเติมอยู่ด้านนอกกับหมอเจ้าของไข้ ฟังเสร็จก็ได้รู้ว่ามารดาของจารวีสุขภาพไม่ค่อยดี เป็นประเภทที่ป่วยกระเสาะกระแสะง่าย เพียงแค่ภายนอกดูแข็งแรงเท่านั้น

“ดูแลให้ดี ค่าใช้จ่ายผมจัดการเอง”

“รับทราบครับผู้อำนวยการ” คนไข้พิเศษของผู้อำนวยการ ไม่บอกก็ต้องดูแลอย่างดีแน่นอน

คุณหมอจากไปภรันภพจะเข้าไปดูสักหน่อยแต่ได้มีคนเรียกเขาไว้

“ผู้อำนวยการเหรอคะ ใช่จริงด้วย ไม่ค่อยได้เจอกันเลยช่วงนี้ พอดีได้ยินว่าผู้อำนวยการพาคนมารักษา ใครเหรอคะ”

คนถามหน้าตาสะสวยสวมชุดกาวน์คุณหมอ บุคลิกมาดมั่นเปี่ยมความมั่นใจ คำพูดใช้น้ำเสียงสนิทชิดเชื้อ บ่งบอกว่าหล่อนกับภรันภพรู้จักกันมานานแล้ว

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ