“ฉันน่ะเหรอ ฉันก็คือคนสนิทชิดใกล้ของคุณภรันภพ เป็นคนที่เขาไว้ใจให้ดูแลน้องภีม” ดุจดาวแนะนำตัวอย่างเย่อหยิ่ง
คนอื่นก็ได้แต่อิจฉาเธอเท่านั้น พวกคุณหนูไฮโซดาราหน้าขาวไม่มีแม้แต่โอกาสจะได้เฉียดใกล้คลุกคลีกับภรันภพ แต่เธอที่เป็นพี่เลี้ยงลูกชายเขาอยู่บ้านหลังเดียวกัน ไปไหนมาไหนก็ยังให้เธอคอยตามไปดูแล มีแค่เธอที่ครอบครองสถานะอันพิเศษนี้ พวกหล่อนเป็นคนนอก ใครบ้างไม่เกรงใจภรันภพ ถ้ามีเรื่องกับเธอก็เท่ากับไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา
“อ้อ!...พูดไปพูดมาที่แท้ก็คือพี่เลี้ยง ไม่เห็นจะวิเศษวิโสมาจากไหน น้องภีมเป็นลูกชายของเจ้านายเธอ เธอมีสิทธิ์อะไรไปขึ้นเสียงใส่แถมยังบังคับให้ทำนั่นทำนี่ มาช้าจะสามสิบนาทีอยู่แล้ว ไม่รู้เหรอว่าพักแค่ชั่วโมงเดียว ทำไมไม่รีบมา คนอื่นที่มาส่งข้าวกล่องไม่เห็นจะอืดอาดยืดยาดเหมือนเธอ” จารวีไม่เกรงใจโต้เถียงกลับไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม
ท่าทีโดนดุของน้องภีมทำให้เธอรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ แค่พี่เลี้ยงทำไมต้องวางมาดอย่างกับเป็นแม่แท้ๆ ชอบจู้จี้ด้วย
“เธอ!” ดุจดาวโมโหจนหน้าแดง เลือดวิ่งขึ้นหัวส่งเสียงเดือดปุดๆ เธอเป็นคนในบ้านของภรันภพ มีผู้หญิงไม่น้อยอยากเป็นแม่เลี้ยงของน้องภีมก็พากันมาทาบทามถามเรื่องราวต่างๆ ผ่านเธอ ยังเกรงใจให้ของขวัญราคาแพงๆ แต่วันนี้กลับโดนคุณครูคนหนึ่งต่อว่าไม่อย่างไม่เกรงใจ นี่คือการตบหน้าเธอทั้งที่ไม่ลงมืออย่างรุนแรงใช่ไหม?
เพื่อนสาวสองคนของจารวีแม้ไม่พูดไม่จาแต่สายตาก็พร้อมจะเอาเรื่องดุจดาว
แล้วหล่อนก็วีนสนั่นขึ้นมา “แก! แกอยากมีเรื่องกับฉันคิดดีแล้วเหรอ แกคิดว่าตัวเองแน่นักล่ะสิ”
“เออดิ! แค่กินข้าวมันจะอะไรกันนักกันหนา เธอต่างหากมาสร้างความวุ่นวาย นี่ถ้าไม่หยุดจะขอให้รปภ. มาไล่ออกไปนะ”
จารวีไม่กลัวสักนิด เธอไม่เชื่อหรอกว่าจะสู้กับคนไร้เหตุผลคนนี้ไม่ได้ นิสัยเจ้านายกับลูกน้องนี่เหมือนกันเปะ
“อย่ารอเลยดีกว่าเสียเวลา ให้พี่ยามมาลากออกไป หรือไม่จาดี แกมีเบอร์ส่วนตัวของคุณภรันนี่ โทรบอกเขาว่าพี่เลี้ยงคนหนึ่งมาขึ้นเสียงใส่ลูกของเขาแล้วยังทำตัวหยาบคายไล่พวกเรา ทำกร่างแต่อ้างบารมีเขาด้วย” ยุวดีแสยะปากร้าย
เนตรชนกก็อมยิ้มเช่นกัน “คุณพี่เลี้ยง มองไปรอบๆ สิ มีคนถ่ายคลิปตอนที่คุณพี่เลี้ยงทำตัวน่ารังเกียจด้วยนะ”
ดุจดาวหัวเดียวกระเทียมลีบเถียงไม่ทันไล่ก็ไม่สำเร็จจึงพูดทิ้งท้ายกับภูวฤทธิ์เล็กน้อยก่อนจะกลับ
“น้องภีมอยากกินก็กินไปเถอะค่ะ แต่ถ้าปวดท้องมาอย่าโทษพี่ดาวนะคะ แล้วก็ให้ระวังพวกที่ทำดีหวังผลด้วย”
จารวีสะบัดคอใส่ ยุวดีเบ้ปาก ส่วนเนตรชนกกลอกตา จอมทัพเห็นพวกพี่สาวทำแบบนั้นก็ยักไหล่สมทบตามไป
ให้มันรู้ไว้ว่าพวกเธอไม่ใช่เนื้อบนเขียงที่อยากจะมาสับก็สับได้ ฟาดมาฟาดกลับไม่มีหรอกนะหดคองอหัวน่ะ
“ทุกคนกินข้าวต่อ อย่าใส่ใจเลย” จารวีเรียกทุกคนให้กลับมา ตอนนี้เองที่มีมือน้อยๆ ยื่นส้มลูกหนึ่งมาตรงหน้าเธอ หญิงสาวมองสงสัยก่อนจะถาม “ให้คุณครูทำไมครับ? ของคุณครูก็มี”
“ขอบคุณครับ” ภูวฤทธิ์เม้มปากแก้มแดง พอเขามอบให้จารวี เพื่อนของเธอก็ต่างพากันกล่าวขึ้นบ้าง
“เมื่อกี้คุณครูก็ช่วยน้าน้องภีม ให้ส้มคุณครูจาดีคนเดียว ไม่ยุติธรรมกับคุณครูยุแล้วก็คุณครูเนตรเลย”
ภูวฤทธิ์อึ้งไปเหมือนไม่คิดถึงจุดนี้ จากนั้นเขาก็ลงจากเก้าอี้ก่อนจะวิ่งตุบๆ ออกจากห้องอาหารไปขอมาให้สองสาวกับจอมทัพคนละลูก การตอบแทนของเด็กน้อยทำเอาเกิดเสียงหัวเราะขำ
ภรันภพมารับลูกตอนเลิกแคมป์ตรงเวลาและอีกเช่นเคยที่เจ้าลูกชายขอให้ปะป๊าเลี้ยงข้าวคุณครูสาวกับน้องชาย สองวันที่ผ่านมาเขายุ่งมากจึงปลีกมาเฝ้าไม่ได้ แต่หลายวันนี้จารวีคงสนิทสนมกับน้อมภีมไม่น้อย ไม่งั้นลูกคงไม่รบเร้าเขา
การเปลี่ยนแปลงปุบปับของเด็กที่ไม่ชอบเข้าสังคมชักจะทำให้ภรันภพสงสัยใคร่รู้ เขากำลังตั้งแง่ว่าจารวีอาจมีแผนการบางอย่างจะเข้าหาเขาผ่านลูกชายจึงโน้มน้าวขอเช่นนี้บ่อยๆ ผู้หญิงส่วนมากที่มาตีสนิทกับน้อมภีมล้วนทำแบบนั้น ก็ไม่แปลกที่เธอจะเป็นเหมือนกัน แต่เพื่อลูกเขาจะมองข้ามเจตนาไม่ดีนี้สักครั้ง ถ้ามันไม่ล้ำเส้นจนเกินพอดี
ทางจารวีไม่รู้ความคิดชายหนุ่ม แต่ได้กินของฟรีก็ไม่เลว ถึงเธอจะสงวนท่าทีทว่าก็กินแซ่บมาก ไปร้านใหม่แต่มีเมนูปลาทูน่าก็กินปลาไปจนหมด ภรันภพยังใจดีสั่งให้อีกตัว เรียกว่าเธอต้องการเท่าไหร่เขาก็ยินดีจ่ายให้ทุกบาทอย่างใจกว้าง
หลังมื้ออาหารภรัณภพมาส่งสองพี่น้อง จารวีเริ่มจะลดอคติลงเล็กน้อยเพราะของกินเลยกล่าวขอบคุณออกไปแล้วพาน้องชายเข้าบ้าน ภรันภพพลันรู้สึกผิดคาด เขาคิดว่าเธอจะเอ่ยปากพูดบางอย่างกับเขามากกว่าคำว่าขอบคุณซะอีก
“วันนี้เป็นยังไงบ้าง” ชายหนุ่มไม่หายสงสัยเลยอยากถามเอาความเคลื่อนไหวของหญิงสาวผ่านลูกชาย
“วันนี้วาดภาพใกล้เสร็จแล้วครับ ได้ไลน์ของคุณครูกับจอมทัพมาแล้วด้วย คุณครูสวยแล้วก็ใจดี ถ่ายรูปก็สวย”
ผู้เป็นพ่อฟังแล้วไม่รู้จะว่ายังไง นี่ถึงขั้นชมคนๆ เดียวว่าทั้งสวยและใจดี ไม่เห็นเคยชมใครแบบนี้มาก่อน แม้แต่เขา
ไม่มีสิ่งใดทำให้น้องภีมกระตือรือร้น เขาเองก็เอาใจลูกไม่เป็น ซื้อของมาให้ก็เลือกไม่เก่ง ไม่เคยได้เห็นสีหน้าชื่นชมจากใจจริงเลย หรืออาจเพราะจารวียังเด็กเลยเข้ากับเด็กน้อยได้ดีกว่าเขา
ได้ยินว่าหล่อนพึ่งจะเรียนจบ อายุยี่สิบต้นๆ ตัวเธอไม่เลว ถ้าให้มาเป็นพี่เลี้ยงลูกชายคงจะดี ทว่ายามนี้ไม่ควรด่วนตัดสินใจเพราะยังรู้จักไม่ละเอียดมากพอ หากหล่อนไม่ใช่อย่างที่เห็นจะเป็นผลร้ายต่อตัวน้องภีมแทน รอดูไปก่อนแล้วกัน
วันสุดท้ายของสัปดาห์แรกมาถึง เด็กทุกคนต้องเก็บงานให้เรียบร้อย ถึงสิบแปดนาฬิกาก็จะหมดเวลาสร้างสรรค์ผลงาน วันนี้จารวีตั้งใจเดินดูเด็กกลุ่มที่สี่เป็นพิเศษ เพราะใครก็ตามที่ได้รับรางวัล วิทยากรดูแลก็จะได้รับคำชมไปด้วย
“อืม เทคนิคดีลงสีใช้ได้ เก่งเหมือนกันนะเรา ไม่เสียแรงที่มีพี่สาวเป็นครูสอนศิลปะ พี่ภูมิใจมาก”
จารวีไม่ตระหนี่คำชมกับน้องชาย น้องเธอเริ่มวาดภาพตั้งแต่สามขวบ เป็นหน่ออ่อนที่มีพรสวรรค์ทางด้านศิลปะ ไม่แปลกที่จะวาดออกมาได้สวยงามเช่นนี้ จากนั้นเธอก็หันไปมองกระดานด้านข้าง ภาพของหนูน้อยภูวฤทธิ์ยามนี้ก็เริ่มมีสีสันชัดเจนขึ้น สี่วันแรกเขาลงเพียงพื้นเบจไม่ค่อยเก็บรายละเอียดมาก แต่วันนี้เด็กน้อยใส่แสงเงาครบ ภาพจึงเปลี่ยนไปโข
เธอยืนมองราวกับต้องมนตร์สะกด นี่คือฝีมือของเด็กเจ็ดขวบเหรอ ไม่เพียงสวยงาม ยังเด่นชัดและแฝงการตีความที่ยากจะเข้าใจ เด็กน้อยในห้องใต้หลังคากับเทียนไขและสมุดนิทาน ความมืดรอบด้านในภาพเงียบเหงาจับใจราวกับห้วงของฝันร้าย แต่แสงเทียนตรงกลางกลับสว่างไสวให้ความรู้สึกปลอดภัย เป็นภาพทูโทนที่ให้ความรู้สึกขัดแย้งกัน
“น้องภีม ภาพนี้หนูได้แรงบัลดาลใจมากจากอะไร พอจะบอกคุณครูได้ไหมจ๊ะ”
ภูวฤทธิ์เม้มปากทำเหมือนไม่ค่อยอยากบอก จารวีสัมผัสได้ว่าเขามีท่าทีไม่สบายใจจึงไม่ถามเซ้าซี้ เธอตัดสินเลยแล้วกัน ว่าปีนี้เด็กชายภูวฤทธิ์จะได้แชมป์ศิลปะ ภาพวาดของเด็กชายมีจิตวิญญาณแรงกล้าที่ไม่เหมือนใคร ส่วนน้องชายเธอ วาดสวยแต่ขาดความสร้างสรรค์อยู่หน่อย ได้มาสักรางวัลเธอก็ดีใจกับเขาแล้ว
พักเที่ยงเป็นดุจดาวที่นำกล่องอาหารมาส่งให้ภูวฤทธิ์ หล่อนไม่ได้ทะเลาะวิวาทกับพวกจารวี ส่งเสร็จก็ออกไปชะเง้อคอราวกับรอใครบางคนอยู่ที่ทางเข้าหอประชุม ขอแค่ไม่หาเรื่องก็ไม่มีใครสนใจหล่อน กระทั่งยามบ่ายภรันภพมาที่แคมป์ทำให้ท่าทีของดุจดาวยิ่งสุภาพแสนดี ใครที่ได้เห็นความปากร้ายของหล่อนเมื่อวาน ล้วนมีความรู้สึกขัดหูขัดตาไปตามๆ กัน
ดุจดาวยังรั้งอยู่ นั่นเพราะหล่อนอาสาจะมาช่วยดูแลน้องภีม แต่เด็กๆ แยกย้ายไปวาดภาพต่อหล่อนเลยไปวนเวียนใกล้ๆ ภรันภพ เทียวถามว่าเขาต้องการอะไรหรือเปล่าจะจัดการให้ ซึ่งสิ่งที่ได้ตอบกลับมามีแต่ความเย็นชาไว้ตัว
เขามองลูกชายก่อนที่สายตาจะเลื่อนไปยังทิศทางหนึ่ง เห็นคุณครูสาวขาเพรียวเอวบางตั้งอกตั้งใจชี้แนะเด็กๆ
หล่อนไม่ได้ไปเกาะตัวลูกชายเขาเป็นพิเศษเหมือนที่เขาเห็นครูศิลปะสาวหลายคนแวะเวียนไปใกล้น้องภีม
เขามองเธอไม่ออกสิ้นเชิง ไม่รู้ว่าแม่สาวคนนี้มีความคิดอะไรอยู่กันแน่
ดุจดาวมองตามสายตาภรันภพและแล้วก็ต้องตกใจที่พบว่าเขาจ้องจารวี ผู้หญิงธรรมดาคนนั้น ความริษยาก่อเกิดลุกโหมประหนึ่งพายุ ภรันภพเป็นคนแบบไหนเธอรู้ดีที่สุด เขาไม่สนใจใยดีผู้หญิงมานานแล้ว ชีวิตเขาเหมือนจบลงที่หนึ่งฤทัยและมีแค่ลูกชาย งานที่โรงพยาบาลก็ยุ่งเสียแทบไม่มีเวลาแม้แต่จะกินข้าว แต่การที่เขาเทียวมองจารวีมันทำให้ดุจดาวรู้สึกทั้งอึ้งทั้งโกรธ
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?