เจียงซินไม่รู้ว่าตัวเองนั่งอยู่ในความมืดมนนั้นนานเท่าไร เวลาดูเหมือนจะหยุดนิ่งไปพร้อมกับความหวังที่ดับสิ้นของเธอ เธอยันตัวลุกขึ้นอย่างเชื่องช้า เดินกลับไปที่เตียงของน้องชาย แล้วค่อย ๆ ช้อนร่างที่ร้อนผ่าวของเขาขึ้นมากอดไว้ในอ้อมแขน ร่างของเจียงห่าวเบาจนน่าใจหาย ความร้อนจากร่างกายของเขาส่งผ่านเสื้อผ้าเก่า ๆ เข้ามาจนเธอรู้สึกได้
เธอทำได้เพียงกอดเขาไว้แน่น ๆ เป็นการปลอบโยนที่ไร้ประโยชน์และเป็นการยึดเหนี่ยวสุดท้ายของตัวเอง ความคิดในหัวว่างเปล่า แผนการต่าง ๆ ที่เคยคิดไว้พังทลายลงไม่เป็นท่า ต่อหน้าความตายที่กำลังคืบคลานเข้ามา สติปัญญาและความรู้จากอนาคตก็ไม่ต่างอะไรกับเศษธุลี
เธอแพ้แล้ว... พ่ายแพ้ต่อโชคชะตาอย่างราบคาบ
และในวินาทีนั้นเอง... วินาทีที่จิตใจของเธอดำดิ่งลงสู่จุดที่ต่ำที่สุด วินาทีที่เธอยอมรับความพ่ายแพ้และปล่อยให้ความสิ้นหวังเข้าครอบงำอย่างสมบูรณ์...
จู่ ๆ ก็มีถ้อยคำประโยคหนึ่งปรากฏขึ้นในหัวของเธอ มันไม่ได้มาจากภายนอก แต่เกิดขึ้นจากความว่างเปล่าภายในความคิดของเธอเอง
[โอ้โห สภาพดูไม่จืดเลยนะ นี่เธอคิดจะปล่อยให้น้องชายตายรึไง?]
เจียงซินสะดุ้งสุดตัว สองแขนที่กอดน้องชายไว้กระชับแน่นขึ้นโดยอัตโนมัติ ความคิดแรกที่แล่นเข้ามาคือความหวาดระแวง เธอเป็นบ้าไปแล้วหรือ? ความเครียดและความสิ้นหวังทำให้เธอเริ่มได้ยินอะไรแปลก ๆ ไปเองใช่ไหม?
เธอรีบหันมองไปรอบ ๆ บ้านอย่างรวดเร็ว แต่ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม มีเพียงเธอกับเจียงห่าวที่นอนหายใจแผ่วเบาอยู่ในอ้อมแขน ไม่มีใครอื่น ไม่มีสิ่งมีชีวิตใด ๆ ที่จะสามารถเอ่ยถ้อยคำเหล่านั้นออกมาได้
[มองหาอะไรอยู่ล่ะ? ฉันอยู่ในหัวของเธอนี่แหละ ยัยทึ่ม]
คราวนี้มันชัดเจนยิ่งกว่าเดิม เป็นถ้อยคำที่ไม่มีเพศ แต่แฝงไปด้วยความรู้สึกกวนประสาทและดูแคลนอย่างเปิดเผย มันไม่ใช่ภาพหลอน และไม่ใช่สิ่งที่เธอคิดขึ้นเองอย่างแน่นอน
"เธอเป็นใคร?" เจียงซินไม่ได้พูดออกมา แต่เธอใช้ความคิดถามกลับไป สัญชาตญาณบอกเธอว่าอีกฝ่ายจะรับรู้ได้
[แหม ในที่สุดก็ยอมรับการมีอยู่ของฉันเสียที นึกว่าจะต้องรอให้เธอร้องไห้ฟูมฟายจนน้ำท่วมบ้านก่อนซะอีก] ถ้อยคำนั้นยังคงรักษาระดับความยียวนกวนประสาทไว้ได้อย่างสม่ำเสมอ [จะเรียกฉันว่าอะไรก็ได้ แต่ชื่ออย่างเป็นทางการของฉันคือ "ระบบหิ่งห้อยนำทาง"]
ระบบ? คำคำนี้ทำให้หัวใจของเจียงซินกระตุกวูบ ในฐานะคนที่มาจากยุคอนาคต เธอคุ้นเคยกับคำนี้เป็นอย่างดี แต่การที่มันมาปรากฏในหัวของเธอตอนนี้มัน... เกินความเป็นจริงเกินไป
"ระบบอะไรของเธอ? เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?" เธอถามกลับไปในความคิด พยายามควบคุมความตื่นตระหนกและใช้ตรรกะเข้าสู้
[ฉันถูกปลุกขึ้นมาโดยความปรารถนาอันแรงกล้าของเธอไง] ระบบตอบกลับมาอย่างไม่ใส่ใจ [ความปรารถนาที่อยากจะ "แก้ปัญหา" และ "ปกป้อง" เด็กคนนี้ ความปรารถนาของเธอรุนแรงมากพอที่จะกระตุ้นเงื่อนไขการทำงานของฉันให้เริ่มขึ้น]
ความปรารถนา... เจียงซินมองลงไปที่ใบหน้าซีดเซียวของเจียงห่าว ใช่... ความปรารถนาของเธอในตอนนี้มันรุนแรงยิ่งกว่าครั้งไหน ๆ ในชีวิต มันคือความต้องการที่จะฉีกกระชากโชคชะตาและช่วยชีวิตน้องชายคนนี้ให้ได้
"เธอ... เธอช่วยฉันได้จริง ๆ เหรอ?" เธอถามกลับไปอย่างมีความหวังริบหรี่
[แน่นอนสิ นั่นคือหน้าที่ของฉันอยู่แล้ว ฉันสามารถวิเคราะห์ปัญหาทุกอย่างและบอก "รากของปัญหาที่แท้จริง" ให้กับเธอได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเจ็บป่วย การทำมาหากิน หรือแม้แต่การจัดการกับญาติที่ไม่น่ารักของเธอ]
คำตอบของระบบทำให้ความหวังของเจียงซินสว่างวาบขึ้นมาอีกครั้ง มันเหมือนกับคนจมน้ำที่กำลังจะหมดแรง แล้ว จู่ ๆ ก็มีขอนไม้ลอยมาให้เกาะ
"ถ้างั้นก็รีบบอกมาสิ! ฉันจะช่วยอาห่าวได้ยังไง? ต้องทำอะไรบ้าง?" เธอเร่งเร้าอย่างร้อนรน
[ใจเย็น ๆ สิแม่คุณ] ระบบตอบกลับมาด้วยท่วงทำนองที่เนิบนาบจนน่าหงุดหงิด [โลกนี้ไม่มีอะไรได้มาฟรี ๆ หรอกนะ โดยเฉพาะข้อมูลล้ำค่าจากระบบอัจฉริยะอย่างฉัน]
เจียงซินชะงักไปเล็กน้อย "หมายความว่ายังไง?"
[ก็หมายความตามนั้นแหละ] ระบบตอบ [อยากได้ข้อมูลเหรอ? ง่ายนิดเดียว... จ่ายเงินมาสิ]
จ่ายเงิน? คำคำนี้เหมือนค้อนที่ทุบลงมาบนความหวังของเธอจนแหลกละเอียดอีกครั้ง
"ฉันจะไปมีเงินได้ยังไง! เธอก็น่าจะเห็นอยู่ว่าในบ้านนี้ไม่มีอะไรเลย!" เธอเถียงกลับไปในใจอย่างหัวเสีย นี่มันเรื่องตลกร้ายอะไรกัน ระบบที่มาเพื่อช่วย กลับเรียกเก็บเงินจากคนที่ไม่เหลืออะไรเลย
[นั่นมันปัญหาของเธอ ไม่ใช่ปัญหาของฉัน] ระบบตอบกลับอย่างไม่ไยดี [กฎก็คือกฎ ฉันให้ข้อมูล เธอจ่ายเงิน แฟร์ ๆ ไม่มีข้อยกเว้น]
เจียงซินอยากจะกรีดร้องออกมาดัง ๆ แต่เธอก็ทำได้เพียงข่มความโกรธเอาไว้ เธอกำลังต่อรองกับสิ่งที่มองไม่เห็นและไม่มีเหตุผลให้สิ้นเปลืองอารมณ์
"แล้วฉันต้องจ่ายเท่าไหร่?" เธอถามกลับไป พยายามเปลี่ยนมาใช้โหมดการเจรจาต่อรองที่เธอถนัดที่สุด
[ค่าบริการขึ้นอยู่กับระดับความซับซ้อนของปัญหา สำหรับปัญหาเฉพาะหน้านี้ "วิธีช่วยชีวิตน้องชายของเธอ" ถือเป็นข้อมูลระดับสอง ค่าบริการอยู่ที่... หนึ่งหยวน]
หนึ่งหยวน!
ตัวเลขนั้นทำให้เจียงซินแทบจะพูดไม่ออก ในยุคที่บะหมี่หนึ่งชามราคาแค่หนึ่งเจียว เงินหนึ่งหยวนถือเป็นเงินจำนวนมหาศาลสำหรับครอบครัวชาวนา มันอาจจะเป็นเงินเก็บทั้งเดือนของบางครอบครัวเลยด้วยซ้ำ และสำหรับเธอในตอนนี้ มันก็ไม่ต่างอะไรกับเงินหนึ่งล้านหยวน
"ฉันไม่มีเงิน" เธอตอบกลับไปตามตรง
[ฉันรู้] ระบบตอบกลับมาอย่างรวดเร็ว [แต่ฉันก็ตรวจจับ "สินทรัพย์" บางอย่างที่ถูกซ่อนไว้ในบ้านหลังนี้ได้นะ เป็นเงินเก็บก้อนสุดท้ายของพ่อแม่เธอ]
คำพูดของระบบทำให้เจียงซินประหลาดใจ พ่อแม่เก็บเงินไว้ที่ไหน? เธอค้นจนทั่วแล้วไม่ใช่หรือ?
[เธอหาไม่เจอหรอก เพราะมันไม่ได้อยู่ในที่ที่คนปกติจะซ่อนกัน] ระบบอธิบายต่อ [อยากรู้ไหมล่ะว่าอยู่ที่ไหน? ข้อมูลนี้ถือเป็นข้อมูลระดับหนึ่ง บริการฟรีสำหรับการเปิดใช้งานครั้งแรก ถือว่าเป็นโปรโมชั่นพิเศษก็แล้วกัน]
เจียงซินลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่เธอก็ไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว "ตกลง บอกมา"
[ใต้แผ่นอิฐก้อนที่สามนับจากเตาไฟในครัว... ลองงัดมันขึ้นมาดูสิ]
แม้จะยังไม่เชื่อสนิทใจ แต่เจียงซินก็ตัดสินใจที่จะลองดู เธอค่อย ๆ วางร่างของเจียงห่าวลงบนเตียงอีกครั้ง ห่มผ้าให้เขาอย่างดี ก่อนจะลุกเดินตรงไปยังห้องครัว หัวใจของเธอเต้นแรงด้วยความคาดหวังและความกลัวระคนกัน
นี่คือความหวังสุดท้ายของเธอแล้วจริง ๆ
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?