หลังจากใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมง ในที่สุดมันเทศต้มก็เปื่อยนิ่มได้ที่ เจียงซินใช้ทัพพีไม้บดมันเทศในชามอย่างสุดกำลังจนเนื้อของมันเนียนละเอียดแทบไม่เหลือเสี้ยน เธอยังผสมเกลือลงไปเล็กน้อยตามความทรงจำของร่างเดิมว่ามันจะช่วยให้ร่างกายมีเรี่ยวแรงขึ้นมาได้บ้าง เธอประคองชามดินเผาที่ยังอุ่น ๆ กลับมาที่เตียงของน้องชายอย่างระมัดระวัง
"อาห่าว ตื่นก่อนเร็ว พี่เอามันเทศต้มมาให้แล้ว" เธอเรียกพลางค่อย ๆ พยุงร่างของน้องชายให้นั่งพิงกับผนังดิน
เจียงห่าวลืมตาขึ้นอย่างอ่อนแรง แววตาของเขาดูเลื่อนลอยกว่าเดิม ริมฝีปากที่แห้งผากขยับเล็กน้อยแต่ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมา เจียงซินตักมันเทศบดขึ้นมาเป่าเบา ๆ ก่อนจะยื่นไปจ่อที่ปากของน้องชาย "กินหน่อยนะ จะได้มีแรง"
เด็กชายอ้าปากรับอย่างว่าง่าย แต่การกลืนเป็นไปด้วยความยากลำบากอย่างเห็นได้ชัด เขากินไปได้เพียงสองสามคำเล็ก ๆ ก็เริ่มไอออกมาอย่างรุนแรง "แค่ก ๆ ๆ!"
แผ่นหลังเล็ก ๆ ของเขาสั่นสะท้านจากการไอแต่ละครั้ง เจียงซินรีบลูบหลังให้น้องชายอย่างเป็นห่วง แต่ยังไม่ทันที่การไอจะหยุดลง ร่างของเจียงห่าวก็เกร็งกระตุก และอาเจียนเอามันเทศที่เพิ่งกินเข้าไปทั้งหมดออกมาเปรอะเปื้อนเสื้อผ้าและผ้าห่ม
"อาห่าว!" เจียงซินร้องออกมาด้วยความตกใจ เธอรีบวางชามมันเทศลงแล้วประคองร่างที่อ่อนปวกเปียกของน้องชายไว้
สถานการณ์เลวร้ายลงอย่างรวดเร็ว หลังจากอาเจียนออกมา เจียงห่าวก็ดูเหมือนจะสูญเสียเรี่ยวแรงทั้งหมดไปในทันที ร่างของเขาทรุดลงในอ้อมแขนของเธอ ลมหายใจเริ่มติดขัดและแผ่วเบาลงเรื่อย ๆ เมื่อเธอใช้หลังมืออังที่หน้าผากอีกครั้ง ก็พบว่าความร้อนได้เพิ่มสูงขึ้นกว่าเดิมมาก
ความเย็นยะเยือกแล่นไปทั่วร่างของเจียงซิน นี่ไม่ใช่อาการป่วยธรรมดาจากการขาดสารอาหารอีกต่อไปแล้ว มันคือสัญญาณอันตรายที่บ่งบอกว่าร่างกายของเด็กคนนี้กำลังจะยอมแพ้
ในฐานะผู้จัดการวิกฤต เธอเคยเผชิญกับสถานการณ์ที่เลวร้ายมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่ทำให้เธอรู้สึกไร้พลังได้เท่านี้มาก่อน การล้มละลายของบริษัท การดิ่งลงของตลาดหุ้น ปัญหาเหล่านั้นล้วนมีทางแก้ไข มีข้อมูลให้อ่าน มีผู้เชี่ยวชาญให้ปรึกษา แต่ตอนนี้... ต่อหน้าชีวิตที่กำลังจะดับสูญของน้องชายคนเดียว ความรู้ทั้งหมดที่เธอมีจากศตวรรษที่ 21 กลับไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง
เธอไม่มีเครื่องมือแพทย์ ไม่มีคอมพิวเตอร์สำหรับค้นหาข้อมูล ไม่มีแม้แต่โทรศัพท์ที่จะโทรหาใครได้
มันเทศต้มไม่สามารถช่วยชีวิตเขาได้อีกต่อไปแล้ว เขาต้องการอาหารที่ดีกว่านี้ ต้องการยาปฏิชีวนะ หรืออย่างน้อยที่สุดก็คือยาลดไข้พื้นฐาน แต่ของพวกนั้นต้องใช้ "เงิน" ซื้อ และเธอก็ไม่มีเงินแม้แต่เฟินเดียว
ความตื่นตระหนกที่เธอพยายามกดข่มไว้ตลอดเริ่มกัดกินเข้ามาในใจ เจียงซินวางร่างของน้องชายลงบนเตียงอย่างแผ่วเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเริ่มรื้อค้นบ้านทั้งหลังอีกครั้งอย่างบ้าคลั่ง
คราวนี้ไม่ใช่การประเมินสถานการณ์ แต่เป็นการค้นหาด้วยความหวังลม ๆ แล้ง ๆ เธอรื้อเสื้อผ้าเก่า ๆ ของพ่อแม่ออกมาสะบัดทีละชิ้น หวังว่าจะเจอเงินที่อาจจะหลงลืมไว้ในกระเป๋า แต่ก็ไม่พบอะไรเลย เธอเคาะผนังดินทุกด้าน เคาะพื้นดินทุกตารางนิ้ว หวังว่าจะเจอช่องลับที่ใช้ซ่อนของมีค่า แต่ก็มีเพียงความว่างเปล่า
เธอเปิดไหเครื่องปรุงทุกใบ เทมันออกมาจนหมด แต่ก็มีเพียงเกลือกับเครื่องเทศราคาถูกไม่กี่ชนิด เธอพลิกดูใต้เตียง ใต้โต๊ะ หลังตู้เก่า ๆ ที่ใกล้จะพังเต็มที... ไม่มีอะไรเลย ไม่มีสิ่งใดในบ้านหลังนี้ที่จะสามารถเปลี่ยนเป็นเงินเพื่อต่อชีวิตให้น้องชายของเธอได้
ความพยายามทั้งหมดจบลงด้วยความล้มเหลว เจียงซินทรุดตัวลงนั่งกับพื้นดินเย็น ๆ แผ่นหลังพิงกับผนังบ้านอย่างหมดแรง เธอมองไปที่ร่างของเจียงห่าวที่นอนหายใจรวยรินอยู่บนเตียง ความรู้สึกพ่ายแพ้ถาโถมเข้าใส่เธออย่างรุนแรง
ในชาติก่อน เธอไม่เคยยอมแพ้ ไม่ว่าวิกฤตจะหนักหนาแค่ไหน เธอก็จะหาทางพลิกสถานการณ์กลับมาได้เสมอ แต่ในโลกใบนี้... โลกที่ไม่มีเทคโนโลยี ไม่มีเครือข่าย ไม่มีอำนาจเงินตรา... เธอก็เป็นได้เพียงเด็กสาวธรรมดาคนหนึ่งที่ไร้หนทางโดยสิ้นเชิง
เธอทำอะไรไม่ได้เลย...
ความคิดนั้นวนเวียนซ้ำไปซ้ำมาในหัวของเธอ ความเยือกเย็นของนักแก้ปัญหาเริ่มแตกร้าว ความมุ่งมั่นที่เคยมีเริ่มเลือนหายไป ถูกแทนที่ด้วยความกลัวและความสิ้นหวังที่จับต้องได้
น้ำตาที่ไม่เคยไหลออกมาเลยตลอดชีวิตการทำงานในชาติก่อน เริ่มเอ่อคลอขึ้นมาที่ขอบตาอย่างห้ามไม่อยู่ มันไม่ใช่น้ำตาแห่งความเสียใจ แต่เป็นน้ำตาแห่งความโกรธแค้นในความไร้พลังของตัวเอง
เธอทะลุมิติมาเพื่ออะไรกัน? เพื่อมานั่งดูน้องชายคนเดียวตายไปต่อหน้าต่อตาอย่างนั้นหรือ? ถ้าเป็นแบบนั้น สู้ปล่อยให้เธอตายไปพร้อมกับอุบัติเหตุครั้งนั้นยังจะดีเสียกว่า
เจียงซินก้มหน้าลงซบกับหัวเข่าของตัวเอง ปล่อยให้ความมืดมิดและความเงียบงันของบ้านดินหลังนี้กลืนกินเธอเข้าไปอย่างช้า ๆ มันเป็นครั้งแรกในรอบสองชีวิตที่เธอรู้สึกว่าตัวเองได้มาถึง "ทางตัน" อย่างแท้จริง
ไม่มีทางออก... ไม่มีทางรอด... ไม่มีอะไรเหลืออีกแล้ว...
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?