ตอนที่ 14 : แผนการตลาดเชิงรุก

ความร้อนรนของหลี่ปิงแผ่กระจายไปทั่วบรรยากาศที่เงียบงันของลานนวดข้าว มันตัดกับความสงบนิ่งของเจียงซิน อย่างสิ้นเชิงราวกับภาพวาดสองชิ้นที่ถูกนำมาวางไว้ข้างกันอย่างไม่เข้าพวก เพื่อนสนิทของเธอยังคงกำแขนของเธอแน่น เขย่าเบา ๆ เป็นระยะเหมือนต้องการจะปลุกให้เธอตื่นจากภวังค์แห่งความใจเย็นที่น่าเหลือเชื่อนี้

“ซินซิน! เธอมัวนิ่งอยู่ทำไมเล่า!” หลี่ปิงพูดเสียงดังขึ้นอีกระลอก แม้เพื่อนสนิทจะเอ่ยปากว่ามีวิธีจัดการ แต่ความอัดอั้นตันใจแสดงออกมาชัดเจนทั้งทางสีหน้าและแววตาของเด็กสาว “นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ แล้วนะ! ป้าจางกำลังจะทำลายทุกอย่างที่เธอสร้างมานะ! ถ้าเราไม่รีบทำอะไรสักอย่าง ชาวบ้านก็จะเชื่อคำโกหกของป้าแกกันหมดจริง ๆ ด้วย!”

เจียงซินค่อย ๆ แกะมือน้อย ๆ ของเพื่อนสนิทออกจากแขนของเธออย่างนุ่มนวล การกระทำของเธอไม่ได้แฝงไปด้วยความรำคาญ แต่เต็มไปด้วยความเข้าใจ เธอมองลึกเข้าไปในดวงตาที่สั่นระริกของหลี่ปิง ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบทว่ากลับฟังดูหนักแน่น “ปิงปิง... เธอลองคิดตามฉันนะ ถ้าตอนนี้ฉันวิ่งออกไปกลางลานนวดข้าว แล้วตะโกนบอกทุกคนว่า ‘ป้าจางโกหก! ขนมของฉันสะอาด!’ เธอคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น?”

หลี่ปิงชะงักไปครู่หนึ่ง พยายามจะจินตนาการภาพตาม “ก็... พวกเขาก็อาจจะ... ไม่เชื่อเธอ?”

“ถูกต้อง” เจียงซินพยักหน้ารับ “พวกเขาไม่เชื่อฉันหรอก ในทางกลับกัน พวกเขาจะยิ่งมองว่าฉันร้อนตัว เหมือนคนที่กำลังพยายามแก้ต่างให้ตัวเองอย่างสุดชีวิต ยิ่งฉันปฏิเสธเสียงดังเท่าไหร่ ข่าวลือของป้าจางก็จะยิ่งดูน่าเชื่อถือมากขึ้นเท่านั้น เพราะมันคือการสาดโคลนที่ง่ายกว่าการพิสูจน์ความบริสุทธิ์เสมอ”

คำอธิบายที่เป็นเหตุเป็นผลของเจียงซินทำให้หลี่ปิงค่อย ๆ สงบลงได้บ้าง แต่ความกังวลก็ยังไม่จางหายไปไหน “แล้ว... แล้วเราจะทำยังไงล่ะ? จะปล่อยให้เป็นแบบนี้เหรอ? ยอมให้คนชั่วได้ใจไปง่าย ๆ อย่างนี้น่ะเหรอ?”

รอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากของเจียงซิน มันเป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความมั่นใจและความหลักแหลมของนักจัดการวิกฤตจากศตวรรษที่ 21 “ใครบอกว่าฉันจะยอมล่ะ? ฉันไม่เคยยอมแพ้ให้กับปัญหาอยู่แล้ว โดยเฉพาะปัญหาที่เกิดจากคนโง่” เธอหยุดเว้นจังหวะเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อด้วยแววตาที่เป็นประกาย “ในสงครามข่าวสารแบบนี้... เราจะสู้ด้วยคำพูดไม่ได้ แต่เราต้องสู้ด้วย ‘ภาพ’ ที่จับต้องได้ เราต้องทำให้พวกเขา ‘เห็น’ ความจริงด้วยตาของตัวเอง ไม่ใช่แค่ ‘ฟัง’ จากปากของใคร”

หลี่ปิงขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ “เห็นด้วยตาตัวเอง? หมายความว่ายังไง?”

“ฉันมีแผนแล้ว” เจียงซินพูดพลางเก็บขนมมันหนึบทองคำที่ไม่มีใครซื้อกลับลงตะกร้าอย่างใจเย็น “แต่ฉันต้องการความช่วยเหลือจากเธอ... เธอคือส่วนที่สำคัญที่สุดในแผนนี้เลยนะ ปิงปิง”

คำพูดนั้นทำให้ดวงตาของหลี่ปิงเบิกกว้างขึ้นทันที ความรู้สึกของการเป็นคนสำคัญและเป็นที่พึ่งของเพื่อนทำให้ความร้อนใจของเธอแปรเปลี่ยนเป็นความตื่นเต้นในทันใด “จริงเหรอ! ให้ฉันทำอะไรก็ได้! บอกมาเลยซินซิน! ฉันพร้อมลุยเต็มที่!”

เจียงซินยิ้มกว้างขึ้น “ดีมาก... งั้นเรากลับบ้านกันก่อน ฉันจะอธิบายแผนทั้งหมดให้เธอฟัง”

เธอหิ้วตะกร้าขนมที่ยังเต็มแน่นลุกขึ้นยืน ไม่ได้แสดงท่าทีผิดหวังหรือเสียใจที่วันนี้ขายของไม่ได้เลยแม้แต่ชิ้นเดียว ตรงกันข้าม... ก้าวย่างของเธอกลับดูมั่นคงและเปี่ยมไปด้วยพลังมากกว่าตอนที่มาเสียอีก

[แหม... ดูเหมือนจะคิดแผนชั่วร้ายอะไรออกแล้วสินะ] เสียงของระบบดังขึ้นมาในหัวด้วยท่วงทำนองเยาะเย้ย [นึกว่าจะร้องไห้ขี้มูกโป่งกลับบ้านไปแล้วซะอีก]

‘หุบปากไปเลยน่า’ เจียงซินตอบกลับไปในใจอย่างไม่ใส่ใจ ‘เก็บเสียงของเธอไว้คิดค่าบริการที่ไร้สาระต่อไปเถอะ’

เมื่อกลับมาถึงบ้านดินหลังเล็ก เจียงห่าวที่นั่งทำการบ้านอยู่บนโต๊ะไม้เก่า ๆ ก็รีบเงยหน้าขึ้นมองทันที เมื่อเห็นตะกร้าขนมของพี่สาวยังคงเต็มอยู่เหมือนเดิม สีหน้าของเด็กชายก็หมองลงอย่างเห็นได้ชัด

“พี่ใหญ่... ขายไม่ได้เหรอครับ?” เขาถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

เจียงซินวางตะกร้าลงแล้วเดินเข้าไปลูบหัวน้องชายเบา ๆ “วันนี้ยังไม่ใช่เวลาของเราน่ะ แต่ไม่ต้องห่วงนะ พี่มีแผนจะทำให้ขนมของเราขายดีกว่าเดิมอีก” เธอหันไปทางหลี่ปิงที่เดินตามเข้ามาในบ้าน “ปิงปิง นั่งก่อนสิ”

ภายในบ้านที่คับแคบและมีเพียงเฟอร์นิเจอร์ไม่กี่ชิ้น เจียงซินก็เริ่มอธิบายแผนการตลาดเชิงรุกของเธอให้เพื่อนสนิทฟังอย่างละเอียด

“สิ่งที่เราจะทำก็คือ... การเปลี่ยนวิกฤตให้เป็นโอกาส” เธอเริ่มต้น “ป้าจางกล่าวหาว่าขนมของเราสกปรกใช่ไหม? ดีเลย... เราก็จะแสดงให้ทุกคนเห็นว่ามัน ‘สะอาด’ แค่ไหน สะอาดจนพวกเขาไม่มีอะไรจะพูดได้อีก”

“เราจะจัด ‘การสาธิตทำขนมมันหนึบทองคำ’ แบบสด ๆ ที่กลางลานนวดข้าวเลย”

“อะไรนะ! ไปทำขนมให้ทุกคนดูเลยเหรอ!” หลี่ปิงร้องออกมาด้วยความตกใจ “แบบนั้น... คนอื่นเขาก็รู้สูตรของเราหมดน่ะสิ!”

เจียงซินส่ายหน้าช้า ๆ “สูตรที่แท้จริงมันไม่ได้อยู่ที่ว่าเราใส่อะไรลงไปบ้าง แต่มันอยู่ที่ ‘อัตราส่วน’ และ ‘เคล็ดลับ’ เล็ก ๆ น้อย ๆ ต่างหาก ซึ่งเป็นสิ่งที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็นหรอก สิ่งที่ฉันต้องการให้พวกเขาเห็นคือ ‘กระบวนการ’ ต่างหาก... ตั้งแต่การล้างมันเทศ การปอกเปลือก การนึ่ง การผสมแป้ง ไปจนถึงการนาบบนกระทะ ทุกขั้นตอนต้องโปร่งใสและตรวจสอบได้”

“และนี่คือส่วนของเธอ” เจียงซินหันมาสบตาหลี่ปิงอย่างจริงจัง “ฉันต้องการให้เธอทำหน้าที่เป็น ‘กระบอกเสียง’ ที่ดีที่สุดของหมู่บ้าน ช่วยไปประกาศข่าวนี้ให้ทุกคนรู้ที”

“ให้ฉันไปประกาศเหรอ?”

“ใช่” เจียงซินพยักหน้า “ไปบอกทุกคนเลยนะ... บอกว่า ‘เจียงซินเสียใจมากที่ได้ยินข่าวลือไม่ดี และเพื่อเป็นการพิสูจน์ความจริงใจ วันนี้ตอนเที่ยงตรง เธอจะไปสาธิตการทำขนมให้ทุกคนดูที่ลานนวดข้าว ใครที่อยากรู้ว่าขนมมันหนึบทองคำทำยังไง มีขั้นตอนสะอาดแค่ไหน ก็ให้ไปดูกันได้เลย’ พูดแบบนี้นะ ทำได้ไหม?”

หลี่ปิงยืดอกขึ้นอย่างภาคภูมิใจ “สบายมาก! เรื่องกระจายข่าวขอให้บอก! เดี๋ยวฉันจะเดินไปบอกตั้งแต่บ้านแรกยันบ้านสุดท้ายเลย! รับรองว่าตอนเที่ยงนี้คนต้องมามุงดูกันเต็มลานนวดข้าวแน่ ๆ!”

“ดีมาก” เจียงซินยิ้มอย่างพอใจ “ส่วนฉันจะเตรียมของอยู่ที่นี่”

หลังจากที่หลี่ปิงวิ่งออกจากบ้านไปด้วยความกระตือรือร้น เจียงซินก็ไม่รอช้า เธอเริ่มต้นลงมือเตรียมการสำหรับ “การแสดง” ครั้งสำคัญของเธอทันที

เธอไม่ได้แค่เตรียมวัตถุดิบ แต่เธอกำลังเตรียม “ฉาก” และ “อุปกรณ์ประกอบฉาก” อย่างพิถีพิถันที่สุด

เธอเริ่มต้นจากการทำความสะอาดครั้งใหญ่ เธอขัดล้างอ่างดินเผาสำหรับล้างมันเทศจนไม่เหลือคราบดินแม้แต่น้อย เธอขัดมีดทำครัวที่เคยขึ้นสนิมจนมันวาววับ เธอเช็ดถูโต๊ะไม้และเขียงจนสะอาดเอี่ยมอ่อง ทุกอย่างต้องดูใหม่และสะอาดที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

จากนั้นคือวัตถุดิบ เธอคัดเลือกมันเทศหัวที่สวยที่สุด ผิวเกลี้ยงเกลา ไม่มีรอยช้ำหรือรอยแมลงเจาะแม้แต่น้อย นำมาล้างน้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนแน่ใจว่าไม่มีเศษดินติดอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว แป้งข้าวโพดและแป้งข้าวฟ่างถูกร่อนอย่างดีใส่ในชามกระเบื้องสีขาวสะอาดที่เธอยอมลงทุนซื้อมาใหม่เมื่อวานนี้

“อาห่าว มาช่วยพี่หน่อยได้ไหม?” เธอเรียกน้องชาย

“ครับพี่ใหญ่!” เจียงห่าวรีบวิ่งเข้ามาหาอย่างแข็งขัน

“ช่วยเอาผ้าสะอาดผืนนี้ไปชุบน้ำแล้วบิดให้หมาดที่สุดเลยนะ พี่จะเอาไว้เช็ดมือ”

เจียงซินกำลังสร้างมาตรฐานใหม่ของ “ความสะอาด” ที่ชาวบ้านในยุคนี้อาจจะไม่เคยใส่ใจมาก่อน ทุกรายละเอียดถูกคิดคำนวณมาเป็นอย่างดี มันไม่ใช่แค่การทำขนม แต่คือการแสดงละครเวทีที่ทุกองค์ประกอบต้องสมบูรณ์แบบ

เธอจัดเรียงวัตถุดิบและอุปกรณ์ทั้งหมดลงในตะกร้าสองใบอย่างเป็นระเบียบ ทุกอย่างถูกคลุมด้วยผ้าขาวสะอาดอีกชั้นหนึ่งเพื่อป้องกันฝุ่นละออง

เมื่อมองผลงานการเตรียมการของตัวเอง เจียงซินก็รู้สึกพึงพอใจอย่างยิ่ง นี่คือสไตล์การทำงานของเธอ... การวางแผนที่รัดกุม การเตรียมการที่สมบูรณ์แบบ และการลงมือปฏิบัติที่เด็ดขาด

วิกฤตข่าวลือครั้งนี้ ไม่ได้ทำให้เธอหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้าม... มันกลับเป็นเหมือนเชื้อไฟที่ปลุกสัญชาตญาณของ “ผู้จัดการวิกฤต” ในตัวเธอให้ลุกโชนขึ้นมาอย่างเต็มที่

ป้าจางกุ้ยฟางอาจจะคิดว่าตัวเองเป็นคนจุดไฟ แต่ป้าแกคิดผิด...

เพราะคนที่กำลังจะควบคุมไฟทั้งหมดในเกมนี้ ก็คือเธอต่างหาก

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ