ตอนที่ 5 : การต่อรองที่ไร้ผล

เจียงซินเดินตรงไปยังเตาดินเก่า ๆ ในครัว หัวใจของเธอเต้นรัวจนรู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะท้านที่หน้าอก มันเป็นการผสมผสานกันระหว่างความหวังริบหรี่และความกลัวที่จะต้องผิดหวังอีกครั้ง เธอคุกเข่าลงบนพื้นดินเย็น ๆ สายตาจับจ้องไปที่แผ่นอิฐที่เรียงตัวกันเป็นฐานของเตา

[ก้อนที่สามนับจากมุมซ้าย] ระบบเอ่ยขึ้นในหัวของเธอ ราวกับจะย้ำเตือน

เธอใช้นิ้วไล่นับช้า ๆ หนึ่ง... สอง... สาม... แผ่นอิฐก้อนนั้นดูไม่ต่างจากก้อนอื่น ๆ เลยแม้แต่น้อย มันถูกยึดไว้ด้วยดินเหนียวที่แห้งแข็งและมีคราบเขม่าจับอยู่จนดำสนิท

เจียงซินพยายามใช้ปลายนิ้วงัดที่ขอบของมัน แต่แผ่นอิฐไม่ขยับเขยื้อนเลยสักนิด เธอจึงหันไปคว้ามีดทำครัวที่ขึ้นสนิมเล่มนั้นมาใช้เป็นเครื่องมือช่วย เธอสอดปลายมีดเข้าไปในร่องระหว่างแผ่นอิฐอย่างระมัดระวัง แล้วค่อย ๆ ออกแรงงัด

ดินเหนียวที่แห้งกรังเริ่มปริแตกออกทีละน้อย เธอออกแรงมากขึ้น ปลายมีดบิดงอเล็กน้อยจากการใช้งานผิดประเภท แต่ในที่สุดแผ่นอิฐก็ขยับหลุดออกจากตำแหน่งของมัน เผยให้เห็นโพรงสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่ซ่อนอยู่ข้างใต้

ในโพรงนั้น มีห่อผ้าสีน้ำเงินเข้มที่เก่าจนสีซีดวางอยู่หนึ่งห่อ

มือของเจียงซินสั่นเล็กน้อยขณะที่เธอเอื้อมลงไปหยิบห่อผ้านั้นขึ้นมา มันมีน้ำหนักมากกว่าที่คิด เมื่อคลี่ผ้าที่ถูกพับไว้อย่างดีออก สิ่งที่อยู่ข้างในก็ปรากฏแก่สายตา

มันคือเงิน... ธนบัตรและเหรียญจำนวนหนึ่งถูกห่อรวมกันไว้อย่างแน่นหนา เธอค่อย ๆ คลี่ธนบัตรออกนับอย่างละเอียด มีธนบัตรใบละหนึ่งหยวนอยู่สองใบ ใบละห้าเจียวอีกสามใบ และเศษเหรียญอีกจำนวนหนึ่ง เมื่อนับรวมกันทั้งหมดแล้ว เป็นเงินทั้งสิ้นสามหยวนเจ็ดสิบห้าเฟิน

สามหยวนเจ็ดสิบห้าเฟิน!

สำหรับครอบครัวชาวนาในยุคนี้ นี่คือเงินเก็บก้อนใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย มันคือเงินที่พ่อและแม่ของร่างนี้เก็บหอมรอมริบมาด้วยความยากลำบาก อาจจะเพื่อเป็นค่าเล่าเรียนของเจียงห่าว หรือเพื่อเตรียมไว้ใช้ในยามฉุกเฉินอย่างเช่นตอนนี้

ความรู้สึกหลากหลายตีตื้นขึ้นมาในอก ทั้งความโล่งใจที่ในที่สุดก็มีเงินทุนก้อนแรก ความซาบซึ้งในความรักของพ่อแม่ที่แม้จะจากไปแล้วก็ยังทิ้งมรดกชิ้นสุดท้ายไว้ให้ และความรู้สึกผิดที่ต้องนำเงินเก็บของพวกเขามาใช้

แต่ความรู้สึกเหล่านั้นก็คงอยู่ได้ไม่นาน เมื่อความเป็นจริงอันโหดร้ายตรงหน้าตบหน้าเธออีกครั้ง... ชีวิตของเจียงห่าวกำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย

[เป็นไงล่ะ บอกแล้วใช่ไหมว่าฉันไม่ได้โกหก] ระบบเอ่ยขึ้นมาอีกครั้งด้วยท่วงทำนองที่เจือความภาคภูมิใจอย่างเห็นได้ชัด [ทีนี้ก็ถึงเวลาทำตามข้อตกลงแล้ว]

เจียงซินกำเงินในมือแน่น "ฉันจะจ่ายให้เธอยังไง?"

[ง่ายมาก แค่เธอคิดในใจว่าต้องการจะ "จ่ายเงิน" ให้กับระบบหิ่งห้อยนำทาง แล้วเงินก็จะถูกโอนเข้ามาในบัญชีของฉันเอง]

"บัญชี? เธอมีบัญชีด้วยเหรอ?" เจียงซินถามกลับไป ความคิดของนักบริหารจากโลกอนาคตทำให้เธอรู้สึกว่าเรื่องนี้มันแปลกประหลาดเกินไปแล้ว

[แน่นอนสิ ทุกอย่างต้องเป็นระบบระเบียบ] ระบบตอบกลับมาอย่างภาคภูมิใจ [เอาล่ะ ค่าข้อมูล "วิธีช่วยชีวิตน้องชายของเธอ" คือหนึ่งหยวน ยืนยันการชำระเงินได้เลย]

เจียงซินลังเล เธอมองเงินในมือก่อนจะตัดสินใจใช้ทักษะการเจรจาต่อรองที่เคยใช้กับคู่ค้ามานับครั้งไม่ถ้วน "หนึ่งหยวนมันแพงเกินไป ลดหน่อยไม่ได้เหรอ? ตอนนี้น้องชายฉันกำลังจะตายนะ นี่มันสถานการณ์ฉุกเฉิน เธอควรจะให้ส่วนลดพิเศษกับฉันสิ"

[ไม่ได้] ระบบตอบกลับมาทันทีโดยไม่มีการลังเลแม้แต่น้อย [ราคาของฉันเป็นมาตรฐานสากล ไม่มีการลด ไม่มีการต่อรอง และไม่มีการติดสินบน]

"มาตรฐานสากลบ้าบออะไรของเธอ! นี่มันหมู่บ้านชิงซานปี 1985 นะ!" เจียงซินเถียงกลับไปในใจอย่างหัวเสีย

[นั่นไม่ใช่ประเด็น] ระบบยังคงยืนกรานอย่างไม่ไยดี [ข้อมูลคืออำนาจ และข้อมูลของฉันก็มีค่าพอที่จะเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของเธอได้ หนึ่งหยวนถือว่าถูกมากแล้วด้วยซ้ำ]

เจียงซินขบกรามแน่น เธอรู้ดีว่าการต่อรองกับสิ่งที่ไม่มีอารมณ์ความรู้สึกนั้นไร้ประโยชน์ แต่เธอก็ยังไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ "แล้วถ้าฉันจ่ายไปหนึ่งหยวน เธอจะรับประกันได้ไหมว่าวิธีของเธอจะได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์?"

[ฉันรับประกันได้แค่ว่าข้อมูลที่ฉันให้คือ "รากของปัญหาที่แท้จริง" และ "แนวทางการแก้ไข" ที่ถูกต้องที่สุด ณ เวลา นั้น ๆ ส่วนผลลัพธ์จะออกมาเป็นยังไง มันก็ขึ้นอยู่กับความสามารถในการลงมือทำของเธอเอง]

คำตอบของระบบทำให้เจียงซินพูดไม่ออก มันเป็นคำตอบที่รัดกุมและปัดความรับผิดชอบได้อย่างสมบูรณ์แบบ เหมือนกับที่เธอเคยใช้พูดกับลูกน้องบ่อย ๆ

[เอาล่ะ จะจ่ายหรือไม่จ่าย?] ระบบเร่งเร้า [อย่าหาว่าฉันไม่เตือนนะ ทุกวินาทีที่เธอลังเล โอกาสรอดของน้องชายเธอก็น้อยลงไปเรื่อย ๆ]

คำพูดนั้นเหมือนมีดที่กรีดลงบนหัวใจของเธอ เจียงซินมองกลับไปยังร่างของเจียงห่าวที่นอนนิ่งอยู่บนเตียง เธอไม่มีเวลาให้ลังเลอีกต่อไปแล้ว

"ก็ได้! ฉันจ่าย!" เธอตัดสินใจในที่สุด "ฉันขอยืนยันการชำระเงินหนึ่งหยวนสำหรับข้อมูลวิธีช่วยชีวิตน้องชายของฉัน"

ทันทีที่เธอคิดประโยคนั้นจบลง ธนบัตรหนึ่งหยวนใบหนึ่งในมือของเธอก็สลายกลายเป็นละอองเล็ก ๆ แล้วหายวับไปกับตา หายไปเลยต่อหน้าต่อตา!

เจียงซินอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง นี่มันไม่ใช่แค่ระบบในความคิดอีกต่อไปแล้ว แต่มันมีอิทธิพลต่อโลกแห่งความเป็นจริงได้ด้วย!

[ขอบคุณที่ใช้บริการ] ระบบเอ่ยขึ้นด้วยท่วงทำนองที่ดูจะอารมณ์ดีขึ้นมาเล็กน้อย [ข้อมูลกำลังจะถูกส่งไปให้... ติ๊ง! การวิเคราะห์เสร็จสมบูรณ์]

จากนั้น ข้อมูลชุดหนึ่งก็ไหลเข้ามาในหัวของเธออย่างรวดเร็ว

[สถานะผู้ป่วย : เจียงห่าว]

[สาเหตุหลัก : ภาวะขาดน้ำและขาดสารอาหารเฉียบพลัน นำไปสู่การทำงานล้มเหลวของอวัยวะภายใน]

[รากของปัญหา : การติดเชื้อแบคทีเรียในลำไส้ ทำให้ร่างกายไม่สามารถดูดซึมสารอาหารได้]

[แนวทางการแก้ไขระดับสอง : ต้องการยาปฏิชีวนะเพื่อฆ่าเชื้อ และสารอาหารที่ดูดซึมง่ายในรูปแบบของเหลว]

ข้อมูลที่ได้รับทำให้เจียงซินเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมดได้ในทันที มันไม่ใช่แค่การขาดสารอาหารธรรมดา แต่มีการติดเชื้อร่วมด้วย ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้อาการของเจียงห่าวทรุดลงอย่างรวดเร็ว

แต่แนวทางการแก้ไข... ยาปฏิชีวนะ? ในหมู่บ้านที่ไม่มีแม้แต่ไฟฟ้าแบบนี้ เธอจะไปหามันมาจากไหน?

[อยากรู้ไหมล่ะว่ายาปฏิชีวนะที่ใกล้ที่สุดอยู่ที่ไหน?] ระบบเอ่ยขึ้นมาอีกครั้งราวกับอ่านความคิดของเธอออก [ข้อมูลนี้ถือเป็นข้อมูลระดับสามนะ ค่าบริการอยู่ที่... ห้าหยวน]

"อะไรนะ!" เจียงซินแทบจะตะโกนออกมาเป็นคำพูด "นี่เธอกะจะขูดรีดฉันให้หมดตัวเลยใช่ไหม!"

[ฉันแค่ทำตามขั้นตอนทางธุรกิจเท่านั้น] ระบบตอบกลับมาอย่างหน้าตาเฉย [ข้อมูลระดับสูงก็ต้องมีราคาสูงเป็นธรรมดา หรือถ้าเธอไม่อยากจ่าย เธอก็ลองเดินสุ่มหาดูเองก็ได้นะ ไม่แน่ว่าอาจจะเจอก่อนที่น้องชายของเธอจะหมดลมหายใจก็ได้... ใครจะไปรู้]

คำพูดที่ไร้เยื่อใยของระบบทำให้เจียงซินกำหมัดแน่นจนข้อนิ้วสั่นระริก เธอกำลังถูกปล้นซึ่ง ๆ หน้าโดยสิ่งที่มองไม่เห็นและไม่มีทางสู้ได้เลย

เธอเหลือบมองเงินสองหยวนเจ็ดสิบห้าเฟินที่เหลืออยู่ในมือ... มันยังไม่พอค่าข้อมูลด้วยซ้ำ

ความรู้สึกเหมือนถูกต้อนจนมุมกลับมาอีกครั้ง แต่คราวนี้มันไม่ได้มาพร้อมกับความสิ้นหวัง แต่เป็นความโกรธและความดื้อรั้นที่ลุกโชนขึ้นมาแทน

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ