ตอนที่ 22 จอกเซี้ยะลิ้วแห่งปรารถนา

“ในเพลานี้น้ำเซี๊ยะลิ้วของท่านไม่น่าจะเหมาะ เพราะข้าไม่อาจวางใจผู้ใดได้ รู้หน้าไม่รู้ใจ หากเจ้าและหยางเจ๋อมีแผลการร้าย เป็นเหตุให้ไท่เว่ย์ได้รับอันตราย เจ้าจะกลายเป็นกบฏไปในทันที” เด็กหนุ่มอ้าปากค้าง ก่อนที่จะคุกเข่าลงต่อหน้าเสิ่นเฉิงครั้นก็เอ่ยเจตนาแสดง

“หามิได้ขอรับ ข้าแค่จะนำน้ำเซี๊ยะลิ้วที่ข้าปรุงพิเศษนี้ให้แก่ไท่เว่ย์ มิได้คิดร้ายต่อไท่เว่ย์แต่อย่างใด หากท่านไม่เชื่อข้าดื่มให้ท่านดูก่อนก็ได้” หลี่หลิวอวี่รินชาเซี๊ยะลิ้วที่เขาปรุงลงจอก ครั้นก็กรอกเข้าปากตนเองจนลูกกระเดือกที่ลำคอของเขาเคลื่อนลงดังอึก “ท่านเสิ่นเองก็ควรจะดื่มด้วยนะขอรับ เผื่อว่าข้าจะซ่อนยาแก้พิษไว้ในกระพุ้งแก้มของข้า” น้ำเสียงของหลี่หลิวอวี่ตัดพ้อ เสิ่นเฉิงผู้นี้เห็นว่าเขาคิดเป็นกบฏตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เขาตั้งใจปรุงอาหารวันละสามมื้อ มื้อละสี่ห้าสำรับเลี้ยงคนทั้งจวน ด้วยตัวคนเดียว ทั้งก่อไฟ เผาฟืน เหน็ดเหนื่อยและร้อนแค่ไหนไม่เคยบ่น จู่ ๆ จะมาปรักปรำให้เขาใช้อาหารมาเป็นหนทางฆ่าคน คนผู้นี้ใช้สิ่งใดครุ่นคิดกัน

“ข้าทำไปตามหน้าที่หามีสิ่งใดเคลือบแฝงไม่ ไท่เว่ย์สำคัญต่อความมั่นคง ข้าเคยทำพลาดจนไท่เว่ย์ต้องเดินทางมารักษายังหุบเขาหมื่นพิษ เจ้าจงเข้าใจข้าด้วย” คำพูดของเสิ่นเฉิงเข้มแข็ง พอเพียงกับเจตนาจริงใจของหลี่หลิวอวี่ เสิ่นเฉิงจึงยอมให้เด็กหนุ่มนำสิ่งที่เขาตั้งใจทำเข้าไปให้จางหย่ง

“ชาเซี๊ยะลิ้วสูตรพิเศษขอรับไท่เว่ย์ สูตรนี้ข้าคิดค้นขึ้นมาเพื่อบำรุงชี่ให้เกิดการสมดุลภายใน”หลี่หลิวอวี่รินชาลงจอกพลางปากก็สาธยายสรรพคุณไป

“ไหนว่าเจ้าปรุงยาไม่เป็น” จางหย่งเอ่ย เขายื่นมือมารับจอกน้ำชา ครั้นก็ใช้ริมฝีปากแตะจิบชิมรสชาติ “รสชาติดีทีเดียว” ด้วยคำชมพาให้สีหน้าของหลี่หลิวอวี่อมยิ้ม ครั้นก็โค้งคำนับ

“ขอบคุณไท่เว่ย์ ชาเซี๊ยะลิ้วนี้หาใช่ตำรับยาไม่ เป็นเพียงผลพลอยได้จากประโยชน์ของผลไม้ที่ข้าค้นพบสรรพคุณของมันโดยบังเอิญ ขณะที่ข้าเข้าไปเก็บผักสดท้ายจวนขอรับ ก่อนหน้านี้ข้าได้ปรุงให้ศิษย์น้องได้ชิมรสชาติแล้ว นางว่ารสชาติดี ข้าจึงกล้านำมาให้ท่านขอรับ” จางหย่งพยักหน้า เขาไม่เฉลียวใจแม้แต่น้อยว่านี่คือการประจบของเด็กหนุ่ม เขาจึงได้เพียงแต่เอ่ยชมแล้วเพลิดเพลินกับชารสเลิศในถ้วยต่อ

“ข้าแต่ไท่เว่ย์...ข้ามีสิ่งหนึ่งอยากขอท่านขอรับ” หลี่หลิวอวี่คุกเข่าลงต่อหน้า พาให้สายตาของเซวียนจางหย่งมองตาม

“เจ้าอยากได้สิ่งใดล่ะอาอวี่” จางหย่งมองทอดสายตามองเด็กหนุ่ม

เด็กหนุ่มจดศีรษะลงกับพื้น ครั้นก็เอ่ยสิ่งที่เขาต้องการออกมา “ได้โปรดรับข้าร่วมกองทัพด้วยเถิดขอรับ ไท่เว่ย์” แววตาคมปรายตามองการกระทำของเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างครุ่นคิด พลันก็พาให้รอยยิ้มกระตุกขึ้นที่มุมปากเล็กน้อย ด้วยมองเห็นเงาอดีตของตนเองผ่านการกระทำของหลี่หลิวอวี่ ในตอนที่เขาขอพระราชทานพระราชานุญาตฮ่องเต้ให้แต่งราชโอการส่งเขาไปออกทัพยังหัวเมืองเหนือ

“ไม่ได้...” จางหย่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่ม พาให้หลี่หลิวอวี่เงยหน้าขึ้นมองคนที่เขาอุตส่าห์ประจบประแจง

“ด้วยเหตุใดขอรับ” เด็กหนุ่มถามเสียงอ่อน เงยหน้ามองคนที่นั่งอยู่สูงกว่าตน พลันน้ำตาก็รื้นขึ้นคลอหน่วยตา เด็กหนุ่มไม่เคยเผื่อใจให้กับคำปฏิเสธมาก่อน ความหวังของเขาพังครืนลงมาไม่เป็นท่า เหตุที่เขาถูกปฏิเสธนี้อาจเพียงเพราะเขาไม่เคยแสดงความสามารถในการสู้รบให้ไท่เวย์ได้ประจักษ์ เขาจึงได้รับคำตอบที่ทำให้เขาคอตกได้เช่นนี้

“เพราะเจ้ายังเรียนวิชาฝังเข็มกับตั่วฟางซื่อไม่สำเร็จ ข้าจะรับเจ้าเข้ากองทัพในฐานะฟางซื่อได้อย่างไร” ทว่าซุ่มเสียงเยือกเย็นยังคงเอ่ยต่อ พาให้หลี่หลิวอวี่ที่กำลังก้มหน้ายกแขนเสื้อขึ้นซับน้ำตาที่กำลังจะไหลพราก เงยหน้ามองคนพูดในทันที

“อ อะ อะไรนะขอรับ” เด็กหนุ่มถามย้ำ

“ตามที่เจ้าได้ยินนั่นล่ะ” หลี่หลิวอวี่ฉายรอยยิ้มสดใสทั้งน้ำตา

“ขอบคุณไท่เว่ย์ ขอบคุณไท่เว่ย์ ขอบคุณไท่เว่ย์” เขาเอ่ยพูดซ้ำ ๆ ด้วยความดีใจ จนพาให้เสิ่นเฉิงที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าฉากกั้นชะโงกหน้าเข้ามาแล้วพบกับเหตุการณ์ที่ทำให้เขาต้องเข้ามาแทรกแซง

ด้วยการเดินตรงเข้ามายังหลี่หลิวอวี่แล้วแยกเด็กหนุ่มที่ซบหน้าเข้ากับแข้งของจางหย่งให้ออกห่าง จางหย่งจึงทำท่ายกมือขึ้นห้ามปรามความตั้งใจขององครักษ์ผู้ภักดีไว้แต่เพียงเท่านั้น

“ไม่เป็นไรเสิ่นเฉิง...ต่อจากนี้ไปเขาจะเป็นทหารฝึกหัดในอุปการะของข้า” เสิ่นเฉิงเหลือบตาลอบมองเด็กหนุ่ม ครั้นก็นึกกระหยิ่มในความพยายามของหลี่หลิวอวี่ เขาเห็นดีด้วยกับการตัดสินใจของไท่เว่ย์เพราะเขาเองก็อยากมีอาหารอร่อยกินไปอย่างนี้ทุกมื้อ

ตะวันเดือนเลื่อนคล้อยพาฤดูชุนเฟินย่างเข้าสู่ฤดูชิงหมิง อย่างรวดเร็ว เดือนกว่ามาแล้วที่หัวเมืองเหนือไร้ข่าวคราว สร้างความกังวลใจให้ผู้นำทัพเช่นเซวียนจางหย่งไม่น้อยด้วยเกรงศึกหนักมาเยือนในคราวที่มิทันได้ตระเตรียม

“ท่านเฉิ่งขอรับ...ท่านเฉิ่ง” เสียงเอะอะโวยวายมุ่งตรงเข้ามายังจวนพำนัก พาให้เซวียนจางหย่งหันหาเสิ่นเฉิงที่กำลังมุ่งมั่นอ่านตำราปึกหนาอยู่ใกล้ ๆ

“เจ้าได้ยินเช่นข้าหรือไม่ เสิ่นเฉิง?”

“ขอรับไท่เว่ย์ เป็นเสียงของอาอวี่ขอรับ” ถึงแม้เสิ่นเฉิงจะได้ยินและล่วงรู้ว่าเป็นเสียงของผู้ใด ทว่าเขาก็ไม่ได้ตระหนกกับเจ้าของเสียงสักเท่าไหร่ เพราะหลี่หลิวอวี่มักโวยวายเรียกเขาเช่นนี้อยู่เสมอ

“เจ้าจะไม่ออกไปดูหน่อยหรือ” ความเห็นที่แฝงไว้ด้วยคำสั่ง พาให้เสิ่นเฉิงผุดขึ้นจากเก้าอี้ คำนับต่อผู้บังคับบัญชาครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะออกเดินตามเสียงไป ทว่ายังก้าวไม่ทันพ้นธรณีประตูจวน หลี่หลิวอวี่ก็ผลุนผลันหน้าตาตื่นเข้ามา

“ท่านเฉิง ท่านเฉิง ช ชะ ช่วยได้ขอรับ ช่วยศิษย์พี่ของข้าด้วย” เสิ่นเฉิงมองคนนั่งยองที่พูดไปหอบตัวโยนไปอย่างตั้งใจ พานให้จางหย่งต้องออกปากถามอย่างร้อนใจด้วยเกรงว่าจะเกิดเหตุไม่ดีตามที่เขาสังหรณ์

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ