ท่ามกลางห้วงอารมณ์สุนทรี ยังมีสายตาคู่หนึ่งคอยจับจ้องมองดูทั้งคู่อยู่อย่างลับ ๆ
…
นับตั้งแต่เซวียนจางหย่งเหยียบย่างเข้าทำการรักษายังจวนหุบเขาหมื่นพิษ เขาก็นำพาความเปลี่ยนแปลงเข้ามาหลายอย่าง ทั้งภาระหน้าที่ที่เพิ่มขึ้น และทั้งความสัมพันธ์ที่เคยแน่นแฟ้นของทุกคนที่จวนหมื่นพิษ
หยางเจ๋อหุนหันเดินออกจากทิวป่าไปยังจวน ในอ้อมแขนและทั้งบนหลังของเขาเต็มไปด้วยไม้ฟืน เม็ดเหงื่อผุดผาดบนใบหน้าที่คร่ำเคร่ง แววตาแข็งกร้าวราวกับหัวเสียกับสิ่งใดมา หลี่หลิวอวี่ทอดสายตามองมาแต่ไกลหมายจะเรียกศิษย์พี่ของตนเจี้ยะปึ่งมื้อกลางวันเสียด้วยกัน ทว่าด้วยสีหน้าเช่นที่เห็นเขาจึงสงบปากเก็บของโปรดที่เขาตั้งใจปรุงขึ้นเป็นพิเศษไว้ให้แก่เขาในมื้อถัดไป
ชายหนุ่มร่างกายล่ำสันทิ้งกายนั่งลงบนขอนไม้ มองมุ่งไปตรงไปอย่างไร้จุดหมาย สายตาของเขาเข้มเสียจนแทบจะอยากทำให้ใครบางที่กวนใจเขาหายไปเสียเดี๋ยวนั้น ชายหญิงอยู่ใกล้กันเกินไปอาจจะไม่รับรู้ความรู้สึกตนเอง แต่เขาที่เป็นคนนอกนั้นมองเห็นชัดเจนแน่นอน
หยางเจ๋อกัดฟันแน่น เขาแอบรักศิษย์น้องของเขามานานหลายปีและเขาจะไม่ยอมให้บุรุษหน้าไหนมาชิงนางไปครอบครองอย่างแน่นอน
…
ย่ำยามโหย่ว กลิ่นปรุงอาหารลอยล่องมาจากเรือนครัวเฉกเช่นในทุกวัน ทว่าวันนี้ต่างไปจากวันอื่น ๆ ตรงที่มีผู้ช่วยพ่อครัวเพิ่มขึ้นถึงสองคนด้วยกัน
“ข้าว่าไท่เว่ย์ไปนั่งรอจัดสำรับเถิดขอรับ ข้ามีน้องเล็กกับอาเฉิงเป็นลูกมือก็พอแล้วขอรับ” คนตัวโตที่ถูกออกปากสั่งเดินไปนั่งบนเก้าอี้แต่โดยดี ทว่าเขาไม่อาจละทิ้งสายตาที่จดจ้องมองเด็กสาวในชุดสีขาวไข่มุกที่กำลังหยิบจับนั่นนี่อย่างกระฉับกระเฉงจนเป็นเหตุให้เสิ่นเฉิงพยักพเยิดหน้าให้หลี่หลิวอวี่ให้จับสังเกตผู้เป็นนายของเขา
ล่วงเข้ายามซวี มื้อค่ำอันแสนวิเศษที่ทั้งสามช่วยกันลงแรงก็ได้ถูกจัดแต่งขึ้นโต๊ะใหญ่ นานมาแล้วที่ทุกคนในจวนหุบเขาหมื่นพิษไม่ได้พร้อมหน้ากินอาหารร่วมมื้อ วันนี้เทพแห่งโชคคงเข้าข้างพาให้หยางเจ๋อไปเจอแม่หมูป่าท้องแก่กำลังคลอดลูกระหว่างทางที่เขาเข้าไปเก็บฟืนประจำ ทำให้ขากลับเขาได้พบกับรกของหมูป่าที่เพิ่งคลอดจึงได้นำมาให้หลี่หลิวอวี่ปรุงอาหารเป็นมื้อพิเศษ
“ข้าจะไปเชิญท่านลี่อิน” เสิ่นเฉิงอาสา ก่อนที่ผู้ช่วยจำเป็นจะกระวีกระวาดดึงเอาผ้ากันเปื้อนออกจากลำตัวแล้วกระตุกเชือกที่รั้งแขนเสื้อออกด้วยในคราวเดียว
“ข้าจำมื้อสุดท้ายของข้าได้อย่างแม่นยำ ครานั้นกำลังร่วมโต๊ะมื้อเย็นกับท่านลุง จากนั้น...”เรื่องราวหลังจากนั้นก็ค่อย ๆ ถูกสาธยายออกมาจากปากของจางหย่งอย่างยืดยาวท่ามกลางการติดตามของสวี่กงเหมยและหลี่หลิวอวี่ที่ตั้งหน้าตั้งตาฟังเรื่องราว
ด้วยทั้งศิษย์พี่และศิษย์น้อง ต่างก็ไม่เคยออกไปพ้นตีนเขาหุบเขาหมื่นพิษ เรื่องเล่าจากคนภายนอกจึงเป็นเรื่องน่าตื่นตาสำหรับพวกเขา ยิ่งเรื่องในเมืองยิ่งทำให้พวกเขาตาลุกวาวกับสิ่งที่ได้ยิน เรื่องเล่ายังคงดำเนินไปจนกระทั่งลี่อินเดินทางมาถึง ซึ่งตอนนี้โต๊ะมื้อพิเศษได้ถูกแต่งไว้ด้วยสำรับที่ทำจากรกหมูป่าหลากหลายตำรับ
“ท่านอาจารย์”
“ท่านพ่อ”
“ท่านลี่อิน”
“อะ...พี่ใหญ่”หลี่หลิวอวี่ยิ้มกว้างเมื่อเห็นหยางเจ๋อที่มาด้วย
“เชิญทุกท่าน วันนี้ข้า อาเหมย อาเฉิงช่วยกันปรุงมื้อพิเศษนี้ นาน ๆ ทีจะได้มีของดีกิน เชิญทุกท่านเถิด” คำเชื้อเชิญของหลี่หลิวอวี่พาให้ทุกคนนั่งล้อมวงกัน ด้วยเพราะกลิ่นที่หอมยั่วยวนทุกคนจึงครองถ้วยข้าวไว้ไม่ลามือ
เสียงพูดคุยหัวเราะหยอกล้อกัน สานสัมพันธ์ให้ได้เกิดความเข้าใจและสามัคคีกัน ทว่าสีหน้าของหยางเจ๋อไม่สู้ดีนัก ทั้ง ๆ ที่เขาควรจะภูมิใจที่สามารถหาวัตถุดิบปรุงอาหารชั้นดีได้
เขาวางถ้วยข้าวลงระหว่างมื้ออาหาร พานให้ทุกเสียงที่พูดคุยชะงักลงแล้วหันมามองที่เขาเป็นตาเดียว สวี่กงเหมยที่นั่งอยู่ใกล้โถข้าวเอ่ยปากถามด้วยเพราะเห็นข้าวในถ้วยที่พร่องจนเกือบจะหมด ในคราวปกตินางจำได้ว่าศิษย์พี่ใหญ่ของนางมักจะเติมข้าวสามถึงสี่ด้วยจึงจะพออิ่ม นางจึงเอ่ยถามตามปกติ ทว่าแววตาของเขาช่างประหลาดกว่าทุกที จนทำให้นางต้องเงียบแล้วนั่งลงกับเก้าอี้ตามเดิม
“ท่านอาจารย์ ข้าอิ่มแล้วขอรับ”
“เจ้าไม่สบายหรือเปล่าอาเจ๋อ ถึงกินข้าวได้น้อย” ลี่อินเอ่ยถามด้วยความห่วงใย
“ข้ามีเรื่องไม่สบายใจ จึงไม่อาจจะทำใจให้รื่นเริงได้ขอรับ”หยางเจ๋อเอ่ยน้ำเสียงเข้ม
“ศิษย์พี่มีเรื่องไม่สบายใจอันใด บอกข้าได้นะขอรับ เราเป็นศิษย์สำนักเดียวกันก็เหมือนดังพี่น้องร่วมสายเลือด บอกมาได้เลยขอรับ” หลี่หลิวอวี่เอ่ยพูดอย่างอารมณ์ดี
“เจ้าไม่รู้หรอกอาหวี่ เพราะเจ้าไม่มีสิ่งต่างหน้าอย่างข้า เจ้าจึงไม่เข้าใจเวลาที่มันหายไปจากเจ้า” ชายหนุ่มรูปร่างเล็กครุ่นคิดในคำพูดของหยางเจ๋อ เขาพูดราวกับว่าสิ่งมีค่าของเขาหายไปอย่างนั้น
“มีสิ่งใดหายหรือเจ้าคะ?” สวี่กงเหมยถามตาใส ด้วยไม่รู้เรื่องราวอีกคน
“นั่นสิ...อาเจ๋อ สิ่งใดของเจ้าหายไปเช่นนั้น ใช่หรือไม่?” หยางเจ๋อหันตามเสียงสุดท้ายที่เขารอคอยให้ถาม
“สร้อยหยกโบราณเก่าแก่ประจำตระกูลที่ท่านแม่ของข้าให้ไว้ดูต่างหน้าหายไปขอรับท่านอาจารย์” ซุ่มเสียงของหยางเจ๋อกังวลและตึงเครียด สวี่กงเหมยกลอกตาระลึกถึงสร้อยเส้นที่ว่าในความทรงจำ เผื่อนางจะพบเห็นมันในป่าตอนที่เข้าไปเก็บสมุนไพร
“หน้าตาสร้อยของท่านพี่เป็นแบบไหนเจ้าคะ เผื่อข้าจะเคยเห็น” คำถามของเด็กสาวแล่นปราดลงกลางใจราวกับสายฟ้าฟาด พาให้หยางเจ๋อออกอาการโกรธขึงใหญ่โต
“มันสำคัญที่หน้าตาหรืออย่างไรอาเหมย มันไม่สำคัญเท่ากับคนที่ขโมยของข้าไปหรอก!!”หยางเจ๋อทำเสียงเข้ม สาดหางตาไปทางคนตัวโตอย่างไม่พอใจ โดนหาได้สนใจหน้าของผู้เป็นอาจารย์ไม่
“ท่านพี่...ท่านใจเย็นลงก่อน ของหายจะเจอต้องรู้รูปพรรณ หาใช่ต้องรู้ตัวผู้ขโมยก่อน กล่าวหาผู้อื่นโดยไม่ผิด บาปจะติดตัวท่านไปชั่ววิญญาณจะหาไม่ทราบหรือไม่ขอรับ” หลี่หลิวอวี่ว่าไปตามเหตุผล เขาเคร่งหลักหยินหยางดีชั่วเสมอ
“ข้อนี้ข้าเห็นด้วย เจ้าไม่ควรโทษใครซี้ซั้ว” ลี่อินสมทบ
ส่วนจางหย่งและเสิ่นเฉิงก็นั่งฟังอย่างพิจารณาแต่เพียงเงียบ ๆ ไม่อยากจะเข้าไปก้าวก่ายเรื่องละเอียดอ่อนในสำนัก เขาทั้งสองเป็นแค่เพียงผู้ผ่านมาไม่ได้จะรู้ตื้นลึกหนาบางกับเรื่องภายในที่มีอยู่ก่อนหน้านี้
“ข้าเห็นเงากำยำของชายผู้หนึ่งคล้อยหลังออกจากจวนของข้าไปขอรับ เงาของเจ้านั่นคลับคล้ายคลับคลากับไท่เว่ย์ขอรับ!!”
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?