“เกิดเรื่องราวอันใดขึ้น” หลี่หลิวอวี่เหลือบมองใบหน้าจางหย่งนิดหนึ่ง พลันก็นึกถึงเรื่องที่ศิษย์พี่ของเขาก่อขึ้นในวันก่อนก็ฉุกใจว่าจะออกปากบอกต่อดีหรือไม่
“เอ้า...ชักช้าอยู่นั่นอาอวี่ เจ้าคงไม่อยากจะช่วยศิษย์พี่เจ้าเท่าไรหรอกใช่หรือไม่!”คนรอฟังเร่งเร้า ทำเอาหลี่หลิวอวี่ก้มศีรษะจดลงกับพื้น ครั้นก็หลับหูหลับตาพูดออกมาอย่างหมดเปลือก
“ศิษย์พี่ถูกมัดมือมัดเท้าปิดตา ห้อยหัวลงจากยอดไม้อยู่กลางป่าขอรับ ข้าวิทยายุทธน้อยนิดไม่อาจให้การช่วยเหลือเขาได้ ได้โปรดช่วยศิษย์พี่ของข้าด้วยเถิดขอรับ” จางหย่งได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วแน่น ครั้นก็พยักพเยิดใบหน้าให้เสิ่นเฉิงไปดำเนินการตามที่หลี่หลิวอวี่ขอในทันที
…
ชายหนุ่มรูปร่างสันทัดหลับใหลอย่างอ่อนละโหยโรยแรง ใบหน้าแดงก่ำทั้งใบด้วยศีรษะถูกห้อยลงเป็นเวลานาน ถึงแม้หยางเจ๋อจะไม่อาจเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเขา ทว่าสารที่ถูกจารลงด้วยครั่งที่แสดงอยู่บนแผ่นหลังของเขาก็ทำหน้าที่ได้สมบูรณ์
“ตัวหนังสือเหล่านี้หมายถึงสิ่งใดกันไท่เว่ย์” ดวงตาสีฝ้าที่เต็มไปด้วยคำถามทอดมองคนไข้กิตติมศักดิ์ของเขา
“เป็นสารจากกองร้อยของข้าเอง ข้าต้องขออภัยด้วยท่านลี่อินที่ทหารของเข้าทำการบังอาจเยี่ยงนี้ ทว่าพวกเขาคงเกรงว่าข้าจะไม่ได้รับสารนี้ด้วยตนเอง จึงได้คิดทำ” เซวียนจางหย่งประสานมือก้มหัวลงคำนับลี่อิน เจ้าของดวงตาสีฝ้าได้แต่พยักหน้าให้อย่างช้า ๆ จำใจเข้าใจในวิถีของชาวยุทธ์ที่เขาไม่มีวันเข้าใจ
“ตั่วฟางซื่อ ข้าคงไม่อาจอยู่ให้ท่านได้รักษาตามระยะเวลาที่กำหนดไว้ได้ ด้วยกองกำลังชนกลุ่มน้อยที่เข้ามารุกรานอาจสร้างความไม่มั่นคงให้บ้านเมือง ข้าจำเป็นต้องกลับค่ายหัวเมืองเหนือให้เร็วที่สุด” ลี่อินพยักหน้าอย่างเข้าใจว่าการศึกไม่อาจไร้ผู้นำ
“ทว่าหากไม่รักษาต่อเนื่อง อาการของท่านจะแย่ลง ข้าจึงจะให้อาเหมยและอาอวี่ไปกับท่านด้วย เพื่อให้การรักษาท่านอย่างต่อเนื่อง อาเหมยจะปรุงยาให้ท่านในทุกวันเช่นเคย และอาอวี่จะฝังเข็มเดินปราณให้ท่าน ตัวท่านจงอย่าหลงลืมขับปราณด้วยไท่จี๋เฉฺวียนในทุกวันอย่าให้ล่วงยามอิ๋นอย่างเคร่งครัด” เซวียนจางหย่งได้ยินเช่นนั้นก็คุกเข่าลงอย่างมิได้ถือศักดิ์ที่เหนือกว่า เขาทำท่าจะจดศีรษะลงกับพื้น พาให้ลี่อินต้องเข้ามาช้อนไหล่ทั้งสองข้างระงับการกระทำของเขาไว้
“ไท่เว่ย์ ข้าลี่อินภักดีต่อแผ่นดิน การให้ความช่วยเหลือท่านเป็นการรู้คุณแผ่นดิน เช่นนั้นจึงไร้เหตุให้ท่านก้มหัวให้ข้าเช่นนี้”
“หามิได้ตั่วฟางซื่อ ข้าคำนับท่านในฐานะเซวียนจางหย่ง ผู้ไข้ที่ได้รับความกรุณาจากท่าน” ลี่อินได้ยินเช่นนั้นจึงรับการคำนับจากเขา ก่อนที่จะช้อนไหล่กว้างของเขาขึ้นเฉกเช่นผู้ใหญ่เอ็นดูเด็ก
“ท่านจะออกเดินทางเมื่อใดไท่เว่ย์ ข้าจะได้ให้อาอวี่กับอาเหมยเตรียมตัว”
“ยามอิ๋นข้าจะออกเดินทาง” จางหย่งประสานมือพร้อมกับคำนับผู้อาวุโสตรงหน้า “ข้าลาขอรับตั่วฟางซื่อ” แท้จริงแล้วด้วยบรรดาศักดิ์ของไท่เว่ย์ไม่จำเป็นต้องคำนับคนธรรมดาอย่างเขาก็ย่อมได้ ทว่าชายผู้นี้นบน้อมและรู้บุญคุณผู้ใหญ่อยู่หลายส่วน เจ้าของฝ่ามือเหี่ยวย่นจึงตัดสินใจวางฝ่ามือลงบนไหล่ของเขาแล้วตบเบา ๆ แสดงการรับรู้สองถึงสามที ก่อนที่เจ้าของใบหน้าคมจะเงยหน้าขึ้นมาสบตาแล้วส่งยิ้มให้ แล้วจึงลุกเดินออกพ้นประตูจวนไป
…
“เจ้ามาก็ดีแล้วหลี่หลิวอวี่ เจ้ามานั่งข้างข้านี่เถิด” เด็กหนุ่มที่ตรงเข้ามาตั้งใจจะถามไถ่อาการของศิษย์ผู้พี่ ขานรับผู้เป็นอาจารย์แล้วเบนเข็มตรงเข้าหาลี่อินในทันที “ขอรับท่านอาจารย์” พลางสายตาก็เหลือบไปเห็นเก้าอี้ว่างเปล่าอยู่มุมหนึ่งจึงคว้าติดมือเอามาหย่อนสะโพกลงข้างลี่อิน
“ท่านอาจารย์มีสิ่งใดจะให้ข้ารับใช้หรือขอรับ” ซุ่มเสียงกระตือรือร้นเอ่ยถาม
“อาอวี่เจ้าจงไปตระเตรียมข้าวของเพื่อที่จะเดินทางไปทัพเหนือกับไท่เว่ย์ในยามอิ๋น”หลี่หลิวอวี่ที่กำลังตั้งใจฟัง ตาโตอ้าปากในทันที “ว่าอย่างไรนะขอรับ เหตุใดจึงเร่งรีบเช่นนี้” เด็กหนุ่มนึกสงสัย
“ชายแดนเหนือถูกรุกราน ไท่เว่ย์ไม่อาจละทิ้งหน้าที่ได้” น้ำเสียงแห้งสากในลำคอ
“แต่ว่าไท่เว่ย์เพิ่งจะดีขึ้นเองนะขอรับ จะเดินทางได้หรือขอรับ” เด็กหนุ่มนึกเป็นห่วง
“ข้าจึงต้องให้เจ้าและอาเหมยติดตามไปให้การรักษาแก่ท่านไท่เว่ย์ด้วยอย่างไรล่ะ”
“แต่ ท่านอาจารย์ขอรับ ข้ายังเรียนกับท่านไม่จบเลยนะขอรับ ข้าประหม่าเหลือเกินขอรับ ไท่เว่ย์เป็นคนสำคัญ หากข้าทำพลาด บ้านเมืองอาจระส่ำได้ด้วยฟางซื่อเช่นข้า”
“เจ้าจงชื่อมั่นในตนเอง นึกถึงตอนที่ได้ร่ำเรียนให้ดี แล้วเจ้าจะทำได้” ลี่อินเอ่ยพูด นัยน์ตาสีฝ้าของเขาทอดมองเด็กหนุ่มตรงหน้า ก่อนที่จะพูดต่อด้วยน้ำเสียงเนิบนาบสั่งสอน
“เจ้าต้องดูแลอาเหมยและรักษาไท่เว่ย์ให้ดีขึ้นแทนข้า และตั้งใจฝึกการทหาร เจ้าจะเติบโตเป็นฟางซื่อหลวงที่เก่งกาจการรักษาในกองทัพ” มือที่ยับย่นจับลงบนไหล่ของเด็กหนุ่ม พลันน้ำตาของหลี่หลิวอวี่ก็ไหลออกมาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ด้วยรู้สึกใจหายเพราะเขาไม่เคยจากหุบเขาหมื่นพิษนี้ไปนับตั้งแต่ลี่อินพาเขามาอยู่ที่นี่ตลอดระยะเวลาสิบห้าปีที่ผ่านมา
…
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?