ดวงเดือนเคลื่อนคล้อยเข้าปักษ์ที่สองของการรักษา ผู้ไข้อย่างเซวียนจางหย่งแข็งแรงขึ้นนับจากวันแรกที่เขาเดินทางมาถึงเป็นอย่างมาก ทั้งยังคุ้นเคยกับหุบเขาหมื่นพิษแห่งนี้ยิ่งขึ้น ทว่ายังมีบางสิ่งที่ถึงอย่างไรก็ไม่มีทางลดราวาศอกให้เขาเอาเสียเลย
“ดื่มเข้าไปเถิดเจ้าค่ะ สองสัปดาห์ล่วงผ่านแล้ว ท่านยังจะไม่คุ้นเคยกับกลิ่นยาอีกหรือเจ้าคะ?” เด็กสาวปรายหางตามองคนตัวโตใจปลาซิวอย่างขุนศึกสะท้านฟ้าเซวียนจางหย่ง
“ข้าว่ารสชาติมันนับวันยิ่งจะประแล่มประหลาดจากที่ข้าเคยดื่มในครั้งแรก ๆ อยู่นะ” คนยกจอกยาขึ้นดื่มขมวดคิ้วแน่นแค่นกลืนยาที่ปรุงให้เข้มข้นขึ้นด้วยฝีมือการปรุงของฟางซื่อฝึกหัดเช่นสวี่กงเหมย
เด็กสาวได้ยินเช่นนั้นก็กลั้นยิ้มจนแก้มป่องให้คนวางจอกยาลงเห็นเป็นพิรุธ “นี่เจ้า แกล้งข้าใช่หรือไม่”
“ไม่ใช่นะเจ้าคะ ข้าแค่นึกถึงเรื่องสนุกที่เพิ่งพบเจอมาระหว่างทางก็เท่านั้นเอง ข้าจะขบขันเพราะเห็นผู้ไข้ดื่มยาไปด้วยเหตุใดหรือเจ้าคะ” เด็กสาวฝืนกลั้นยิ้มแสร้งทำหน้าตึงขึงขังไว้ในที ก่อนที่จะรีบเก็บจอกยาพร้อมด้วยหม้อยาลงตะกร้า
“ข้าลาเจ้าค่ะ” เด็กสาวย่อตัวถอนสายบัวราวกับม้าดีดกะโหลก แล้วพลุนพลันออกจากประตูสวนกับเสิ่นเฉิงที่กำลังนำสำรับอาหารเช้าเข้ามาในจวน
“กลับแล้วเหรอขอรับ” เด็กสาวแย้มยิ้มพยักหน้าตอบ เดินห่างออกมาได้สองสามก้าวก็วิ่งกลับเข้าไปยังจวนอย่างรีบร้อนอีกครั้ง
“ท่านเสิ่นเฉิง ท่านอย่าลืมสัญญาที่ให้ไว้กับข้านะเจ้าคะ แล้วข้าจะให้พี่รองทำลิ่วเซียนนุ่ม ๆ พิเศษ ๆ ไว้ให้ท่าน” เด็กสาวทวงสัญญา พลางความรู้สึกก็สัมผัสได้ถึงการถูกสายตาของใครบางคนจับจ้องมองมา จึงได้เหลือบตามองให้คนลอบมองได้รู้ตัว ก่อนที่จางหย่งจะแสร้งทำเป็นไม่สนใจเบนสายตาไปมองทางอื่น
“แม่นางเหมยช่างรู้ใจของข้าจริง ๆ” เสิ่นเฉิงแววตาสดใสเมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาโปรดปราน
“ไม่ลืมก็ดีละล่ะ ข้าไปล่ะนะท่านเสิ่นเฉิง”เด็กสาวบุ้ยปากให้คนหันกลับมามองครั้งหนึ่งก่อนที่จะก้าวฉับไวออกไปจากจวน
คล้อยหลังสวี่กงเหมยไว ๆ เสิ่นเฉิงนำสำรับออกมาแต่งโต๊ะ กลิ่นอาหารยังคงยั่วยวนไท่เว่ย์ให้ได้น้ำลายสอในทุกมือ และทุกมื้อที่เขาต้องได้รับอาหารที่ไม่ถูกปากแต่ถูกโภชนาการเสมอ
“เมื่อไหร่ข้าจะได้ชิมอาหารสำรับอื่น ๆ บ้าง” ชายหนุ่มกอดอกแน่นหน้าตาขึงขังอย่างไม่พอใจ
“ก็เมื่อตั่วฟางซื่อท่านอนุญาตกระมังขอรับ ข้าเองก็ไม่รู้เรื่องการรักษาสักเท่าไรขอรับ” เสิ่นเฉิงขมีขมันจัดสำหรับให้ผู้เป็นนายก่อนที่จะยิ้มให้สำรับของตนที่กลิ่นกรุ่นตรงหน้าจนน้ำลายสอ
“เจี่ยะปึ่งขอรับไท่เว่ย์” จางหย่งมองสำรับกับข้าวของตนอย่างบอกบุญไม่รับ ก่อนที่ท้องของเขาจะร้องโครกครากจนเสิ่นเฉิงได้ยินถนัดหู
“ไท่เว่ย์ปวดท้องหนักหรือขอรับ” เสิ่นเฉิงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงเป็นใย แต่มือก็ยังไม่หยุดโกยข้าวเข้าปาก
“ข้าถ่ายหนักแล้ว ทว่าเหมือนจะกำลังจะปวดอีก” มือกร้านลูบหน้าท้องที่แข็งตึงไปด้วยกล้ามเนื้อของตนเอง ก่อนที่โครกใหญ่จะดังขึ้นอย่างห้าวหาญจนกึกก้องไปทั่วบริเวณ
เสิ่นเฉิงย่นจมูกเข้าหากัน พลางก็ครางน้ำเสียงในคอ “ฮืมมมม”เขากลั้นหายใจพร้อม ๆ กับที่กลืนข้าวลงคออย่างลำบาก ก่อนที่จะออกปากแนะนำผู้เป็นนาย
“ไท่เว่ย์ไปทุ่งเถิดขอรับ ข้าว่าปราณของท่านรุนแรงนัก” จางหย่งพยักหน้ารับ ก่อนที่จะเดินกุมท้องออกไปทางด้านหลังจวน ครั้นก็นึกถึงรสชาติของสมุนไพรของเช้าวันนี้
‘...ตัวแสบ’ ชายหนุ่มนั่งลงถ่ายหนักกลางทุ่งอยู่นานสองนาน จิตใจก็วุ่นวายนึกถึงแต่ใบหน้าที่ฉายยิ้มของสวี่กงเหมย เขานึกอยู่แล้วว่าในยาสมุนไพรมื้อของเช้านี้มีรสชาติแปลกไปกว่าเดิมมากนัก ไม่คิดเลยว่านางจะแกล้งเขาได้จนเพียงนี้
…
“อาอวี่ ปรุงยาให้ข้าหน่อยสิ” น้ำเสียงเหนื่อยหอบของเสิ่นเฉิงร้อนรน
“ท่านเจ็บป่วยตรงไหนหรือท่านเฉิง” หลี่หลิวอวี่กวาดตาจับอาการคนตรงหน้าที่กำลังกระหืดกระหอบ “ข้าจะได้ไปบอกท่านอาจารย์...ให้”
“มิใช่หรอก แต่เป็นไท่เว่ย์น่ะขอรับ ธาตุเดินหนักเหลือเกินขอรับ ไปทุ่งอยู่หลายรอบแล้วก็มิบรรเทา จนข้าไม่อาจทนดูได้จนต้องรีบมานี่ล่ะขอรับ” หลี่หลิวอวี่อ้าปากค้างเมื่อได้ยินคำขอร้องของคนเหงื่อกาฬแตกทั้งเนื้อตัว
“ข้าปรุงยาไม่เป็นหรอกขอรับ ข้าร่ำเรียนวิชาฝังเข็มจากอาจารย์ ปรุงยาไม่เป็นขอรับท่านเฉิง” เสิ่นเฉิงอ้าปากค้างทันทีที่ได้ยิน แล้วเขาจะช่วยผู้เป็นนายของเขาได้อย่างไรกัน
“นายของท่านไม่เป็นอะไรมาหรอกท่านเฉิง ถ่ายหนักอีกสักสี่ห้ารอบก็น่าจะทุเลาแล้วล่ะ มิต้องปรุงยาวิเศษขนานใดหรอกเจ้าค่ะ คนแข็งแรงอย่างกับยักษ์เฝ้าประตูอย่างนั้นหนักกว่านี้สิบเท่าก็ไม่มีปัญหาหรอก” เจ้าของใบหน้าสวยพูดไปจีบปากจีบคออย่างสาแก่ใจ ไม่ทันได้หันมองชายอาวุโสที่เดินตรงมาหาพวกเขาที่กำลังจับกลุ่มพูดคุยกัน
“เอะอะอะไรกัน อาเหมย อาอวี่...” เสียงของลี่อินดังขึ้นทำให้เสียงของทุกคนในบริเวณเงียบลง โดยเฉพาะเจ้าของริมฝีปากบางบิดเม้มกันอย่างสงบราวกับไม่เคยขยับปากพูดสิ่งใดเลย
“อาเหมยขอรับอาจารย์...”หลี่หลิวอวี่ยกไม้ยกมือขอโอกาสพูดก่อน ทว่าโดนมือบางฟาดลงที่ริมฝีปากดังเพี้ยะจนต้องหยุดพูด
“อะไรกัน...อาเหมย” ลี่อินมองหน้าผู้เป็นธิดาหนึ่งเดียวของเขาก็รู้ได้ในทันทีว่านางเล่นสนุกไม่เข้าท่าเข้าเสียแล้ว
“ไม่มีอะไรเจ้าค่ะท่านพ่อ ลูกสับสนเรื่องตัวยานิดหน่อย น่าจะหยิบหวงเหลียนหนักมือไปหน่อย ทำให้ธาตุหนักของไท่เว่ย์ถูกทะลาย การบกพร่องเรื่องนี้ลูกขอรับผิดเองเจ้าค่ะ” เด็กสาวรีบออกรับผิด ด้วยไม่อยากจะถูกลี่อินซักฟอกจนสาวไปถึงต้นเหตุที่แท้จริง
“ถ้าเป็นเช่นนั้น ให้ผู้ผูกเป็นผู้แก้เองก็แล้วกัน” ลี่อินตัดสินด้วยน้ำเสียงเรียบ เขารู้ดีว่าสิ่งที่สวี่กงเหมยกล่าวนั้นเป็นเพียงข้ออ้าง เพราะเขารู้จักนางดีกว่าใครจึงได้ให้นางสานศาสตร์ปรุงยานี้ต่อจากเขา
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?