ตอนที่ 8. ผ่านคืนเลวร้าย

อีธานยึดกายหญิงสาวไว้นานเท่าไรไม่อาจทราบ รู้สึกตัวอีกทีก็เป็นเช้าวันถัดมาแล้ว

หลังจากที่โดนกระทำจนร่างกายเรียกว่าแทบจะยับเยิน ฟ้าณดารู้สึกตัวอีกทีก็คือตอนที่เธออยู่ในอ้อมแขนของชายปริศนา โดยที่ตัวเขานอนหลับตาพริ้มท่าทางสบายอารมณ์เหลือเกิน

ดวงตากลมโตที่มักส่องประกายอ่อนโยน ในตอนนี้กลับกลายเป็นความหมองหม่น มันเริ่มจะรื้นน้ำใสจากความเสียใจและหวาดกลัวที่เอ่อท้น

ก่อนจะส่งเป็นหยาดน้ำตาไหลอาบแก้ม..

ทำไมคนอย่างเธอต้องมาเจอเรื่องโหดร้ายแบบนี้ ฟ้าณดาไม่เข้าใจว่าตัวเองเคยไปทำร้ายใครไว้อย่างนั้นหรือ เรื่องแย่ ๆ ถึงต้องมาเกิดกับเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ตั้งแต่ตอนเด็กมาก็ไม่เคยมีชีวิตสุขสบาย ต้องปากกัดตีนถีบ กลัวว่าตัวเองจะอดตายอยู่นับครั้งไม่ถ้วน มาตอนนี้ที่ชีวิตเริ่มเข้าที่เข้าทางก็กลับต้องมาโดนข่มขืนอีก แล้วจะไปแจ้งความเอาผิดอะไรยังไงก็ไม่รู้ เพราะที่นี่ไม่ใช่ในเมืองไทยนี่นา

เมืองไทย...จริงสิ! วันนี้ต้องกลับแล้วไม่ใช่เหรอ?

นึกได้แล้วหญิงสาวก็พยายามควานหาโทรศัพท์มือถือ ดูนาฬิกาก็พบว่าอีกไม่นานจะถึงเวลาที่ต้องเดินทางออกจากโรงแรม ดวงตาของเธอยิ่งเบิกกว้าง หัวใจเต้นระทึกด้วยความกังวล

ถ้าหากคนอื่นมาตามตัวเธอ แล้วพบว่าไม่ได้อยู่ที่ห้อง ฟ้าณดาต้องโดนถามแน่ว่าหายไปไหนมา

เธอรู้สึกว่านี่เป็นเรื่องน่าอายเหลือเกิน พรหมจรรย์ที่ต้องเสียให้กับผู้ชายที่ไม่รู้จักก็ว่าแย่มากแล้ว ยังต้องกลัวคนอื่นรู้อีก แบบนี้เธอจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนได้

ด้วยความรู้สึกในทางลบมันถาโถม ทำให้ฟ้าณดาตัดสินใจรีบสวมเสื้อผ้า กะว่าจะออกจากห้องไปทั้งอย่างนั้น

ระหว่างสวมเสื้อผ้าอยู่ในห้องน้ำ หญิงสาวมองร่างกายของตัวเองซึ่งเต็มไปด้วยร่องรอยจากการกระทำอันหนักหน่วงเมื่อวาน เธอรู้สึกทั้งสมเพช ทั้งรังเกียจจนไม่รู้จะยอมรับได้อย่างไร สุดท้ายน้ำตาที่ยังคงไหลไม่หยุดถึงได้ยิ่งรินอาบหน้า

เธอร้องไห้ปานจะขาดใจ..แต่ก็ทำได้เพียงเท่านั้น ตอนนี้ไม่มีเวลาแล้ว เมื่อก้าวขาออกจากห้องนี้ เธอจะต้องแสร้งทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ก่อนจากไป เธอไม่แม้แต่จะอยากมองหน้าชายคนนั้นเลยด้วยซ้ำ ด้วยกลัวว่าหากเข้าไปใกล้แล้วเขารู้สึกตัวขึ้นมา เธออาจจะโดนทำร้ายหนักกว่าเดิมก็ได้

ร่างบางพยายามพาตัวเองออกจากห้อง ขึ้นลิฟต์กลับไปที่ห้องพักของตัวเอง ซึ่งก็โชคดีแล้วที่ไม่มีใครมาเห็นเข้าระหว่างทาง

ฟ้าณดาเป็นคนเตรียมตัวพร้อมเสมอ เสื้อผ้ากับของใช้เธอเก็บใส่กระเป๋าไว้ล่วงหน้าแล้ว เพียงแค่ยกกระเป๋าขึ้นรถก็พร้อมไปสนามบินได้เลย

ในตอนนั้น เสียงข้อความดังขึ้นให้เธอหยิบโทรศัพท์มาดู เป็นณิชาที่ส่งข้อความมาถามว่าเธออยู่ที่ไหน พร้อมส่งรูปมาให้ดูว่าตรงล็อบบี้ข้างล่างนั่นทุกคนรอเธออยู่คนเดียว

เห็นแบบนี้ฟ้าณดาจะไม่ลนลานได้อย่างไร เธอคิดแต่เพียงว่าต้องรีบแล้ว จะเสียเวลามากไปกว่านี้ไม่ได้ ถ้าหากคนอื่นทิ้งเธอไปหมด แล้วไปไม่ทันเวลาขึ้นเครื่อง ตัวเธอเองคงไม่มีปัญญาซื้อตั๋วเครื่องบินแสนแพงบินกลับไทยได้แน่

เรื่องของผู้ชายที่ข่มเหงรังแกเธอจึงถูกโยนทิ้งไปทันที ตอนนี้ฟ้าณดาต้องรีบขนของลงไปชั้นล่าง

“นั่นไง! ฟ้า! ทางนี้ ๆ”

เสียงของณิชาดังมาแต่ไกลเหมือนเดิม ให้ฟ้าณดาเดินไปหากลุ่มของพนักงานสาขาไทยที่เตรียมตัวเดินทางกลับพร้อมกัน

แต่เมื่อได้เห็นสภาพของหญิงสาวแล้ว เพื่อนรวมงานก็ต่างพากันตกใจ “ฟ้าไม่สบายเหรอ?”

“อื้อ..มีไข้นิดหน่อย”

เสียงของเธอแหบแห้งเหมือนคนเป็นไข้จริง ๆ แต่เป็นเพราะเมื่อคืนเธอกรีดร้องจนเสียงหายต่างหาก

หนำซ้ำเพราะร้องไห้หนัก เลยทำให้ตาบวม ใบหน้ายังหลงเหลือรอยแดงอยู่ และท่าทางของเธอก็ดูอ่อนเพลียมากเหลือเกิน

“แกน่าจะมีไข้อ่อน ๆ...กินยาหรือยัง?” ณิชาเอามือแตะหน้าผากแล้วรับรู้ว่าอุณหภูมิร่างกายเพื่อนสูงกว่าปกติเล็กน้อย

ความจริงฟ้าณดาก็ไม่นับว่าโกหกเสียทีเดียว ก็เธอโดนอีธานจัดการทั้งคืนจนไม่ได้พัก แล้วยังตกใจแทบสิ้นสติ ไม่แปลกที่ร่างกายจะปรับตัวไม่ทันจนทำให้เป็นไข้

“ฉัน..ไม่มียา” ฟ้าณดาส่ายหน้าเบา ๆ เริ่มรู้สึกเหมือนศีรษะหนักขึ้นทุกที

“พี่มีอยู่ในกระเป๋า รอเดี๋ยวนะ”

ในตอนนั้น ศรัณย์เข้ามาได้จังหวะพอดี เขารีบไปรื้อหายาแก้ไข้ที่พกติดมาจากเมืองไทย ยื่นมาให้ฟ้าณดาพร้อมน้ำหนึ่งขวด

“กินแล้วอาจจะง่วงนะ แต่ไว้ไปนอนบนเครื่องเอา ตื่นมาน่าจะรู้สึกดีขึ้น”

เขาว่าอย่างนั้น หญิงสาวก็รับยามาพร้อมส่งคำขอบคุณคืนไป

ในโลกนี้ยังมีผู้ชายที่ดีมาก ๆ อย่างศรัณย์อยู่ ทำให้เธอใจชื้นได้บ้าง

เมื่อกินยาเม็ดแรกเข้าไป บวกกับที่แทบไม่ได้นอนมาทั้งคืน เพียงขึ้นรถบัสได้เท่านั้นฟ้าณดาก็เกือบจะหลับจนเลยที่หมาย โชคดีที่ได้ณิชาคอยช่วยดูแลอยู่ตลอด

“มิน่า.. เมื่อวานฉันส่งข้อความหาแกแล้วแกไม่ตอบ เพราะไม่สบายนี่เอง”

เพื่อนว่าอย่างนั้น ไม่ได้รู้ความจริงเลยว่าฟ้าณดาถูกใครก็ไม่รู้ลากไปข่มเหงจนถึงตอนรุ่งสาง

แต่แบบนี้ก็ดีแล้ว ฟ้าณดาไม่อยากให้ใครมารับรู้ความผิดพลาดของเธอ เธอโทษตัวเองว่าไว้ใจคนมากไป และระวังตัวน้อยเกินไป ถึงได้เจอเหตุการณ์เลวร้ายอย่างนั้น

เรื่องเมื่อคืนจะต้องติดอยู่ในความทรงจำของเธอ เรียกว่าฝังแน่นอย่างที่ไม่มีทางลบเลือนได้ง่าย ๆ และมันจะทำให้มุมมองของเธอที่มีต่อผู้ชายเปลี่ยนไป กลายเป็นระวังตัวจนเข้าขั้นระแวงเลยทีเดียว

ฟ้าณดาที่อ่อนแอจะต้องไม่มีอีก เรื่องเมื่อคืนก็ถือเสียว่าเป็นคราวซวยของเธอเอง ช่างมันแล้วเดินหน้าต่อเถอะ..

เธอพยายามคิดแบบนั้น แต่ในความเป็นจริง คนที่พึ่งเจอเรื่องเลวร้ายมา จะให้ยอมรับแล้วลุกเดินต่อได้เลยนั้น เรียกว่าแทบจะเป็นไปไม่ได้

ตอนขึ้นมาบนเครื่องบิน เธอแทบไม่พูดอะไรสักคำ เพื่อนร่วมงานอย่างณิชาก็เป็นห่วง

“ฟ้า แกโอเคไหม” ถึงถามไปอย่างนั้นก็เถอะ แต่ดูจากสีหน้าแล้วเพื่อนของเธอห่างไกลจากคำว่าสบายดีไปมาก

ฟ้าณดาเพียงพยักหน้ารับเบา ๆ เพราะเธอไม่อยากเป็นภาระให้เพื่อนในการเดินทางกลับบ้านครั้งนี้

เพียงได้นอนสักงีบทุกอย่างจะดีขึ้น...

คิดว่านะ..

เพียงหลับตาและปล่อยตัวตามสบายบนเบาะนั่งผู้โดยสารเครื่องบิน ซึ่งไม่ได้ให้ความสบายอะไรมากนัก ภาพความทรงจำอันขมขื่นก็เริ่มผุดขึ้นมาในหัวฟ้าณดาไม่หยุด

ขอบตาเธอเริ่มร้อนผ่าว มันคล้ายจะเผลอปล่อยน้ำใสออกมาอีกแล้ว แต่เธอต้องพยายามกลั้นไว้ ข่มอารมณ์ให้เป็นปกติที่สุด

ในขณะเดียวกันนั้นเอง...ทางฝั่งของคนที่ยังอยู่โรงแรม

อีธานลืมตาขึ้นมาแบบงัวเงีย เขารู้สึกปวดหัวแทบระเบิดจากฤทธิ์ยาที่คงค้างอยู่ในร่างกาย

แต่ทำไมมันรู้สึกโล่ง ๆ

ชายหนุ่มมองไปรอบห้อง ก่อนจะชะงักค้างเมื่อภาพเหตุการณ์เมื่อคืนผุดขึ้นมาในหัว

ความทรงจำของเขาเลือนรางกว่าความทรงจำของฟ้าณดามาก แต่ก็ยังพอรู้ว่าตัวเองทำอะไรลงไปบ้าง

ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยทำ และไม่คิดจะทำมาก่อนในชีวิต

เขา..ข่มขืนผู้หญิงคนหนึ่งไป

เมื่อมองไปข้างกาย เขาพบรอยเลือดหลายหยดเป็นหลักฐานคาผ้าปูที่นอนสีขาว ยังมีร่องรอยของเหลวจากร่างกายชายหนุ่ม แห้งกรังซ้ำยังกระจายไปทั่วอีก

แล้วตอนนี้เธออยู่ที่ไหน..?

ชายหนุ่มเดินเข้าไปในห้องน้ำ แต่มันกลับว่างเปล่า ในห้องนี้มีแต่เสื้อผ้าของเขาที่กองอยู่บนพื้น ราวกับเรื่องเมื่อคืนเป็นเพียงความฝันด้วยซ้ำ

แต่อีธานมั่นใจว่ามันเป็นความจริง แม้ไม่รู้จักชื่อและหน้าตา แต่เขายังจดจำทั้งกลิ่นกาย และสัมผัสตราตรึงจากเธอได้อย่างแม่นยำ

ต้องรีบหาตัวเธอให้เจอแล้ว..

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ