ฟ้าณดาก้าวเข้าสู่ห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมหรู ความคิดหนึ่งแล่นผ่านสมองของเธอ 'ระยะเวลาสามเดือนนี่มันผ่านไปเร็วจริง ๆ นะ...'
วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เธอและพนักงานคนอื่น ๆ จากสาขาประเทศไทยจะได้อยู่ที่ประเทศอังกฤษ ก่อนจะต้องเดินทางกลับในวันถัดไป ด้วยเหตุนี้ พนักงานจากบริษัทแม่ที่อังกฤษจึงจัดงานเลี้ยงส่งขึ้นในห้องโถงสุดหรูของโรงแรมที่ Star Entertainment จองไว้ให้พนักงานจากสาขาไทยได้เข้าพัก
"ฟ้า! ทางนี้ ๆ"
เสียงตะโกนเรียกดังมาจากทางมุมหนึ่งของห้องจัดเลี้ยงกว้างขวาง ให้ฟ้าณดาหันไปมองทางต้นเสียง ซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้หากไม่ใช่ณิชา เพื่อนร่วมงานที่เธอสนิทด้วยที่สุด
“อย่าเสียงดังสิยัยชา ฉันเกรงใจคนอื่นเขา” ฟ้าณดารีบเข้าไปกระซิบปรามเบา ๆ ณิชาก็เพียงส่งยิ้มแห้งหัวเราะแก้เขิน “ก็ฉันกลัวแกไม่ได้ยินไง”
ไม่จริงล่ะ ดูจากท่าทางแล้วณิชาน่าจะตื่นเต้นที่ได้เจอผู้คนมากมายในห้องจัดเลี้ยงสุดหรูนี่มากกว่า จากปกติที่เป็นคนท่าทางกระโตกกระตากอยู่แล้ว ก็เลยยิ่งทำตัวไม่ถูกเข้าไปใหญ่
“คุยอะไรกันสาว ๆ”
เสียงทักทายดังขึ้นด้านหลังฟ้าณดา เป็นรองหัวหน้าแผนกอย่างศรัณย์ และเขาก็จะได้รับรอยยิ้มสดใสตอบกลับจากณิชา “พี่ศรัณย์ติดพูดเหมือนคนแก่อีกแล้ว”
“อะไร พี่แค่เรียกพวกเราว่าสาว ๆ เองนะ”
“ก็นั่นแหละค่ะ แค่เรียกแบบนี้ก็ดูเหมือนลุงข้างบ้านชาแล้ว”
โดนแซวอย่างนี้ ศรัณย์ก็ได้แต่ขำแห้งตอบรับเท่านั้นเอง
“ว่าแต่..ไม่ไปแลกคอนแทคติดต่อกับพวกผู้จัดการหรือพนักงานบริษัทแม่เอาไว้หน่อยเหรอ เผื่อวันหน้าวันหลังได้มีโอกาสกลับมาเยือนบริษัทแม่อีกไง”
“เอ๋? จะได้มาอีกเหรอคะ?”
ฟ้าณดาเป็นคนถามกลับ แค่ได้ยินอย่างนี้ก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมาบ้างแล้ว
ศรัณย์มองแววตาเปล่งประกายของเธอแล้วก็เพียงยักไหล่ตอบเบา ๆ “ก็เผื่อพี่อรเขาจะสนใจส่งใครมาไง ยิ่งเราสองคนเป็นคนเก่ง เขาก็คงไม่อยากให้เสียโอกาสหรอกมั้ง”
“หูย~ ถ้าหนูได้มาอังกฤษต้องคิดถึงคนที่ไทยมากแน่เลยค่ะ” ณิชาแกล้งบอกเป็นนัย คล้ายประจบศรัณย์แบบทีเล่นทีจริง อีกฝ่ายก็หัวเราะตอบ
“คงไม่ใช่พี่แล้วล่ะที่เราจะคิดถึง ได้ข่าวว่าเตรียมเดตกับหนุ่มอังกฤษนี่น้องชา”
“โถ่ พี่ศรัณย์รู้ทันหนูตลอดเลย”
ทั้งสองคุยเล่นกันไปแบบนั้น จนกระทั่งมีเสียงแจ้งเตือนข้อความจากโทรศัพท์ของณิชาดังขึ้นมา เจ้าตัวหยิบมาเปิดอ่านแล้วก็อมยิ้มแบบหุบไม่ลง
“ขอตัวก่อนนะคะ พอดีมีคนอยากคุยด้วยเป็นการส่วนตัว” เธอว่าสีหน้ากระดี๊กระด๊า ให้ศรัณย์แซวกลับ “หนุ่มอังกฤษที่คุย ๆ ไว้ล่ะสิ”
“พี่ศรัณย์ไม่ต้องพูดแล้วน่า~”
ดูเธออายม้วนต้วนก่อนเดินหลบไปอีกทางอย่างนั้น ทั้งรองหัวหน้าแผนกและเพื่อนร่วมงานต่างก็ต้องพากันขำ
แล้วความสนใจของชายหนุ่มก็หันเหกลับมาที่ฟ้าณดาอีกครั้ง
“ว่าแต่เราเถอะ มายืนหงอยอยู่คนเดียวตรงนี้จะดีเหรอ?”
“ใครว่ายืนหงอยล่ะคะ ฟ้าก็แค่ไม่อยากเป็นจุดสนใจของงาน ขอดูคนอื่นกินเลี้ยงแล้วก็ดื่มฉลองกัน แค่นี้ก็สนุกมากแล้วล่ะค่ะ”
“อืม.. งั้นอยากดื่มอะไรไหม เดี๋ยวพี่ไปหยิบให้”
ความเป็นสุภาพบุรุษที่ฉายออกมาจากทั้งทางสีหน้า แววตา ทุกคำพูดและการกระทำ ทำให้ศรัณย์เป็นที่รักของทุกคน แม้แต่ฟ้าณดาก็ยังแอบชื่นชมเขาอยู่ลึก ๆ เลยทีเดียว
“ไม่เป็นไรค่ะ ฟ้าไม่เคยดื่ม กลัวจะสร้างปัญหานะคะ”
ฟ้าณดาเป็นผู้หญิงเรียบร้อย และเธอไม่ค่อยชอบของพวกนี้สักเท่าไร กลัวว่าถ้าดื่มแล้วควบคุมตัวเองไม่อยู่จะเกิดเรื่องวุ่นวายเอาได้
ถึงจะดูใสซื่อก็เถอะ แต่เธอก็พอจะเอาตัวรอดได้อยู่บ้าง เมื่อรู้ว่าอะไรไม่ดีก็จะไม่เข้าใกล้เด็ดขาด
“ความจริงเราผ่อนคลายหน่อยก็ได้นะ ทางบริษัทเตรียมห้องพักเอาไว้ให้ด้วย เผื่อพนักงานคนไหนดื่มหนักหรืออยากพักผ่อนก็เข้าไปใช้ได้ฟรี”
ศรัณย์คงจะบอกเพราะหวังดี ฟ้าณดาก็เพียงยิ้มรับไว้ “ได้ค่ะ งั้นไว้ถ้าฟ้าเหนื่อยแล้ว จะไปหาที่นั่งพักแล้วกันค่ะ”
ระหว่างนั้น เธอยังคงมองดูผู้คนในงาน ข้างกายคือชายหนุ่มรุ่นพี่รองหัวหน้าแผนกที่ดูท่าทางไว้ใจได้ ทั้งคู่เพียงดื่มด่ำความสนุกอยู่ในมุมสงบตรงนี้ต่อไป
ส่วนกลางเวทีตรงนั้น นอกจากการกินดื่มสังสรรค์ ก็ยังมีงานจับรางวัลของพนักงานดีเด่นจากทั้งสองสาขาด้วย ที่เหลือก็เป็นการร้องเพลง เล่นเกม และพูดกล่าวความในใจก่อนจากลา
ฟ้าณดาก็ดูมีอารมณ์ร่วมอยู่บ้าง แต่เธอจะมารู้สึกหมดสนุกก็ตอนที่โทรศัพท์ขึ้นเตือนว่าแบตเตอรี่ใกล้หมด
“เดี๋ยวฟ้าขอตัวสักครู่นะคะ” เธอหันไปบอกศรัณย์
“น้องฟ้าจะไปไหนเหรอ?”
“กลับไปชาร์ตแบตโทรศัพท์นะคะ สักชั่วโมงก็น่าจะพอแล้ว”
“อ๋อ ให้พี่ไปเป็นเพื่อนไหม?”
เขาคงเป็นห่วงตามประสา แต่ฟ้าณดาไม่ได้หัวอ่อนถึงขั้นคล้อยตามไปทั้งหมด อย่างน้อยเธอก็รู้จักป้องกันตัวและระวังอันตราย ถึงอย่างไรผู้ชายกับผู้หญิงอยู่ในห้องเดียวกันทั้งที่ไม่ได้เป็นอะไรกัน มันก็ไม่เหมาะสมอยู่ดี
“ไม่อยากรบกวนพี่ค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ”
เธอปลีกตัวจากไปโดยเร็ว โดยที่ศรัณย์ไม่มีโอกาสได้รั้งเอาไว้เลย
ชายหนุ่มได้เพียงมองตามไป แล้วก็ทอดถอนใจ..เพราะเขาพยายามหาโอกาสจีบรุ่นน้องคนนี้อยู่นาน ทว่าเธอดูไม่มีทีท่าจะใจอ่อนเลยสักนิด
ในขณะเดียวกัน บรรยากาศในงานเลี้ยงฉลองดูจะเปลี่ยนไปในทันทีเมื่อชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งเดินเข้ามา ทุกสายตาจับจ้องไปที่เขาราวกับมีออร่าเปล่งประกายออกมา
“เชิญทางนี้ครับท่านประธาน”
เลขาที่เดินตามมาผายมือให้เขา ซึ่งมีฐานะเป็น CEO คนปัจจุบันของ star entertainment ชื่อของชายหนุ่มก็คือ ‘อีธาน ฮาเวนฟอร์ด’ หรือก็คือลูกชายเพียงคนเดียวของผู้ก่อตั้งบริษัทอย่าง โอลิเวอร์ และศลิษา ฮาเวนฟอร์ดนั่นเอง
อีธานเป็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ อายุสามสิบปีแต่ดูอ่อนกว่าวัยมาก ด้วยรูปร่างล่ำบึกสูง 189 เซนติเมตร อีธานเป็นลูกครึ่งอังกฤษ-ไทย เขาได้ยีนส์เด่นของทั้งสองประเทศมาอย่างลงตัว ใบหน้าคมเข้มแบบชาวอังกฤษ ดวงตาและผมสีน้ำตาลออกบลอนด์ ทำให้เขาเป็นที่สนใจของทุกคน โดยเฉพาะสาวๆ ในงาน
“สนุกกันต่อเถอะ วันนี้เป็นวันของพวกคุณทุกคน ผมไม่อยากทำให้บรรยากาศมันกร่อย”
อีธานกล่าวก่อนจะเผยรอยยิ้มนิด ๆ ที่มีอานุภาพสูง ทำเอาสาวน้อยสาวใหญ่ต่างก็ใจละลายกันไปเป็นแถบ
เดิมทีเขาเป็นชายหนุ่มมาดนิ่งสุขุม และดูไม่ค่อยจะชอบงานประเภทนี้ ไม่ชอบที่ที่มีคนเยอะและเสียงดัง พวกพนักงานเลยไม่ค่อยจะได้เห็นท่านผู้นำของ star entertainment มากนักในชีวิตประจำวัน
แต่วันนี้เขามาเพื่อเป็นตัวแทนบิดามารดาที่ติดธุระกะทันหัน และต้องทำหน้าที่มอบรางวัลให้พนักงานดีเด่น
แต่ดูเหมือนว่าตั้งแต่ก่อนที่เขาจะมา งานมันก็เริ่มไปสักพักใหญ่ ๆ แล้ว อีธานเลยได้เพียงยืนมองเหล่าพนักงานเล่นสนุกกัน โดยมีเลขาคนสนิทชื่อ ‘โนอา’ คอยรอรับคำสั่งอยู่ข้างกาย
“จะว่าไป ปีนี้มีพนักงานจากสาขาไทยมาเยอะเหมือนกันนะ” เขาพูดกับโนอา เลขาหนุ่มวัยเดียวกัน
“เห็นว่ามีเด็กมากความสามารถมาเยอะครับ ยังมีเด็กทุนมหาวิทยาลัยด้วย”
โนอาแจ้งไปตามจริง ซึ่งก็ไม่ใช่ข่าวใหญ่ที่น่าสนใจตรงไหนหรอก..
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?