ตอนที่ 4. งานเลี้ยงส่ง

ฟ้าณดาก้าวเข้าสู่ห้องจัดเลี้ยงของโรงแรมหรู ความคิดหนึ่งแล่นผ่านสมองของเธอ 'ระยะเวลาสามเดือนนี่มันผ่านไปเร็วจริง ๆ นะ...'

วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เธอและพนักงานคนอื่น ๆ จากสาขาประเทศไทยจะได้อยู่ที่ประเทศอังกฤษ ก่อนจะต้องเดินทางกลับในวันถัดไป ด้วยเหตุนี้ พนักงานจากบริษัทแม่ที่อังกฤษจึงจัดงานเลี้ยงส่งขึ้นในห้องโถงสุดหรูของโรงแรมที่ Star Entertainment จองไว้ให้พนักงานจากสาขาไทยได้เข้าพัก

"ฟ้า! ทางนี้ ๆ"

เสียงตะโกนเรียกดังมาจากทางมุมหนึ่งของห้องจัดเลี้ยงกว้างขวาง ให้ฟ้าณดาหันไปมองทางต้นเสียง ซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้หากไม่ใช่ณิชา เพื่อนร่วมงานที่เธอสนิทด้วยที่สุด

“อย่าเสียงดังสิยัยชา ฉันเกรงใจคนอื่นเขา” ฟ้าณดารีบเข้าไปกระซิบปรามเบา ๆ ณิชาก็เพียงส่งยิ้มแห้งหัวเราะแก้เขิน “ก็ฉันกลัวแกไม่ได้ยินไง”

ไม่จริงล่ะ ดูจากท่าทางแล้วณิชาน่าจะตื่นเต้นที่ได้เจอผู้คนมากมายในห้องจัดเลี้ยงสุดหรูนี่มากกว่า จากปกติที่เป็นคนท่าทางกระโตกกระตากอยู่แล้ว ก็เลยยิ่งทำตัวไม่ถูกเข้าไปใหญ่

“คุยอะไรกันสาว ๆ”

เสียงทักทายดังขึ้นด้านหลังฟ้าณดา เป็นรองหัวหน้าแผนกอย่างศรัณย์ และเขาก็จะได้รับรอยยิ้มสดใสตอบกลับจากณิชา “พี่ศรัณย์ติดพูดเหมือนคนแก่อีกแล้ว”

“อะไร พี่แค่เรียกพวกเราว่าสาว ๆ เองนะ”

“ก็นั่นแหละค่ะ แค่เรียกแบบนี้ก็ดูเหมือนลุงข้างบ้านชาแล้ว”

โดนแซวอย่างนี้ ศรัณย์ก็ได้แต่ขำแห้งตอบรับเท่านั้นเอง

“ว่าแต่..ไม่ไปแลกคอนแทคติดต่อกับพวกผู้จัดการหรือพนักงานบริษัทแม่เอาไว้หน่อยเหรอ เผื่อวันหน้าวันหลังได้มีโอกาสกลับมาเยือนบริษัทแม่อีกไง”

“เอ๋? จะได้มาอีกเหรอคะ?”

ฟ้าณดาเป็นคนถามกลับ แค่ได้ยินอย่างนี้ก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมาบ้างแล้ว

ศรัณย์มองแววตาเปล่งประกายของเธอแล้วก็เพียงยักไหล่ตอบเบา ๆ “ก็เผื่อพี่อรเขาจะสนใจส่งใครมาไง ยิ่งเราสองคนเป็นคนเก่ง เขาก็คงไม่อยากให้เสียโอกาสหรอกมั้ง”

“หูย~ ถ้าหนูได้มาอังกฤษต้องคิดถึงคนที่ไทยมากแน่เลยค่ะ” ณิชาแกล้งบอกเป็นนัย คล้ายประจบศรัณย์แบบทีเล่นทีจริง อีกฝ่ายก็หัวเราะตอบ

“คงไม่ใช่พี่แล้วล่ะที่เราจะคิดถึง ได้ข่าวว่าเตรียมเดตกับหนุ่มอังกฤษนี่น้องชา”

“โถ่ พี่ศรัณย์รู้ทันหนูตลอดเลย”

ทั้งสองคุยเล่นกันไปแบบนั้น จนกระทั่งมีเสียงแจ้งเตือนข้อความจากโทรศัพท์ของณิชาดังขึ้นมา เจ้าตัวหยิบมาเปิดอ่านแล้วก็อมยิ้มแบบหุบไม่ลง

“ขอตัวก่อนนะคะ พอดีมีคนอยากคุยด้วยเป็นการส่วนตัว” เธอว่าสีหน้ากระดี๊กระด๊า ให้ศรัณย์แซวกลับ “หนุ่มอังกฤษที่คุย ๆ ไว้ล่ะสิ”

“พี่ศรัณย์ไม่ต้องพูดแล้วน่า~”

ดูเธออายม้วนต้วนก่อนเดินหลบไปอีกทางอย่างนั้น ทั้งรองหัวหน้าแผนกและเพื่อนร่วมงานต่างก็ต้องพากันขำ

แล้วความสนใจของชายหนุ่มก็หันเหกลับมาที่ฟ้าณดาอีกครั้ง

“ว่าแต่เราเถอะ มายืนหงอยอยู่คนเดียวตรงนี้จะดีเหรอ?”

“ใครว่ายืนหงอยล่ะคะ ฟ้าก็แค่ไม่อยากเป็นจุดสนใจของงาน ขอดูคนอื่นกินเลี้ยงแล้วก็ดื่มฉลองกัน แค่นี้ก็สนุกมากแล้วล่ะค่ะ”

“อืม.. งั้นอยากดื่มอะไรไหม เดี๋ยวพี่ไปหยิบให้”

ความเป็นสุภาพบุรุษที่ฉายออกมาจากทั้งทางสีหน้า แววตา ทุกคำพูดและการกระทำ ทำให้ศรัณย์เป็นที่รักของทุกคน แม้แต่ฟ้าณดาก็ยังแอบชื่นชมเขาอยู่ลึก ๆ เลยทีเดียว

“ไม่เป็นไรค่ะ ฟ้าไม่เคยดื่ม กลัวจะสร้างปัญหานะคะ”

ฟ้าณดาเป็นผู้หญิงเรียบร้อย และเธอไม่ค่อยชอบของพวกนี้สักเท่าไร กลัวว่าถ้าดื่มแล้วควบคุมตัวเองไม่อยู่จะเกิดเรื่องวุ่นวายเอาได้

ถึงจะดูใสซื่อก็เถอะ แต่เธอก็พอจะเอาตัวรอดได้อยู่บ้าง เมื่อรู้ว่าอะไรไม่ดีก็จะไม่เข้าใกล้เด็ดขาด

“ความจริงเราผ่อนคลายหน่อยก็ได้นะ ทางบริษัทเตรียมห้องพักเอาไว้ให้ด้วย เผื่อพนักงานคนไหนดื่มหนักหรืออยากพักผ่อนก็เข้าไปใช้ได้ฟรี”

ศรัณย์คงจะบอกเพราะหวังดี ฟ้าณดาก็เพียงยิ้มรับไว้ “ได้ค่ะ งั้นไว้ถ้าฟ้าเหนื่อยแล้ว จะไปหาที่นั่งพักแล้วกันค่ะ”

ระหว่างนั้น เธอยังคงมองดูผู้คนในงาน ข้างกายคือชายหนุ่มรุ่นพี่รองหัวหน้าแผนกที่ดูท่าทางไว้ใจได้ ทั้งคู่เพียงดื่มด่ำความสนุกอยู่ในมุมสงบตรงนี้ต่อไป

ส่วนกลางเวทีตรงนั้น นอกจากการกินดื่มสังสรรค์ ก็ยังมีงานจับรางวัลของพนักงานดีเด่นจากทั้งสองสาขาด้วย ที่เหลือก็เป็นการร้องเพลง เล่นเกม และพูดกล่าวความในใจก่อนจากลา

ฟ้าณดาก็ดูมีอารมณ์ร่วมอยู่บ้าง แต่เธอจะมารู้สึกหมดสนุกก็ตอนที่โทรศัพท์ขึ้นเตือนว่าแบตเตอรี่ใกล้หมด

“เดี๋ยวฟ้าขอตัวสักครู่นะคะ” เธอหันไปบอกศรัณย์

“น้องฟ้าจะไปไหนเหรอ?”

“กลับไปชาร์ตแบตโทรศัพท์นะคะ สักชั่วโมงก็น่าจะพอแล้ว”

“อ๋อ ให้พี่ไปเป็นเพื่อนไหม?”

เขาคงเป็นห่วงตามประสา แต่ฟ้าณดาไม่ได้หัวอ่อนถึงขั้นคล้อยตามไปทั้งหมด อย่างน้อยเธอก็รู้จักป้องกันตัวและระวังอันตราย ถึงอย่างไรผู้ชายกับผู้หญิงอยู่ในห้องเดียวกันทั้งที่ไม่ได้เป็นอะไรกัน มันก็ไม่เหมาะสมอยู่ดี

“ไม่อยากรบกวนพี่ค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ”

เธอปลีกตัวจากไปโดยเร็ว โดยที่ศรัณย์ไม่มีโอกาสได้รั้งเอาไว้เลย

ชายหนุ่มได้เพียงมองตามไป แล้วก็ทอดถอนใจ..เพราะเขาพยายามหาโอกาสจีบรุ่นน้องคนนี้อยู่นาน ทว่าเธอดูไม่มีทีท่าจะใจอ่อนเลยสักนิด

ในขณะเดียวกัน บรรยากาศในงานเลี้ยงฉลองดูจะเปลี่ยนไปในทันทีเมื่อชายหนุ่มร่างสูงคนหนึ่งเดินเข้ามา ทุกสายตาจับจ้องไปที่เขาราวกับมีออร่าเปล่งประกายออกมา

“เชิญทางนี้ครับท่านประธาน”

เลขาที่เดินตามมาผายมือให้เขา ซึ่งมีฐานะเป็น CEO คนปัจจุบันของ star entertainment ชื่อของชายหนุ่มก็คือ ‘อีธาน ฮาเวนฟอร์ด’ หรือก็คือลูกชายเพียงคนเดียวของผู้ก่อตั้งบริษัทอย่าง โอลิเวอร์ และศลิษา ฮาเวนฟอร์ดนั่นเอง

อีธานเป็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ อายุสามสิบปีแต่ดูอ่อนกว่าวัยมาก ด้วยรูปร่างล่ำบึกสูง 189 เซนติเมตร อีธานเป็นลูกครึ่งอังกฤษ-ไทย เขาได้ยีนส์เด่นของทั้งสองประเทศมาอย่างลงตัว ใบหน้าคมเข้มแบบชาวอังกฤษ ดวงตาและผมสีน้ำตาลออกบลอนด์ ทำให้เขาเป็นที่สนใจของทุกคน โดยเฉพาะสาวๆ ในงาน

“สนุกกันต่อเถอะ วันนี้เป็นวันของพวกคุณทุกคน ผมไม่อยากทำให้บรรยากาศมันกร่อย”

อีธานกล่าวก่อนจะเผยรอยยิ้มนิด ๆ ที่มีอานุภาพสูง ทำเอาสาวน้อยสาวใหญ่ต่างก็ใจละลายกันไปเป็นแถบ

เดิมทีเขาเป็นชายหนุ่มมาดนิ่งสุขุม และดูไม่ค่อยจะชอบงานประเภทนี้ ไม่ชอบที่ที่มีคนเยอะและเสียงดัง พวกพนักงานเลยไม่ค่อยจะได้เห็นท่านผู้นำของ star entertainment มากนักในชีวิตประจำวัน

แต่วันนี้เขามาเพื่อเป็นตัวแทนบิดามารดาที่ติดธุระกะทันหัน และต้องทำหน้าที่มอบรางวัลให้พนักงานดีเด่น

แต่ดูเหมือนว่าตั้งแต่ก่อนที่เขาจะมา งานมันก็เริ่มไปสักพักใหญ่ ๆ แล้ว อีธานเลยได้เพียงยืนมองเหล่าพนักงานเล่นสนุกกัน โดยมีเลขาคนสนิทชื่อ ‘โนอา’ คอยรอรับคำสั่งอยู่ข้างกาย

“จะว่าไป ปีนี้มีพนักงานจากสาขาไทยมาเยอะเหมือนกันนะ” เขาพูดกับโนอา เลขาหนุ่มวัยเดียวกัน

“เห็นว่ามีเด็กมากความสามารถมาเยอะครับ ยังมีเด็กทุนมหาวิทยาลัยด้วย”

โนอาแจ้งไปตามจริง ซึ่งก็ไม่ใช่ข่าวใหญ่ที่น่าสนใจตรงไหนหรอก..

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ