ตอนที่ 9. ปลอบใจ

เรื่องเลวร้ายที่ผ่านมา ฟ้าณดาจะไม่ขอจดจำอะไรนอกจากใบหน้าของชายคนที่ย่ำยีเธอในคืนนั้น

เมื่อตั้งใจไว้อย่างนั้นแล้ว หลังผ่านมาหนึ่งสัปดาห์ หญิงสาวก็เริ่มรู้สึกดีขึ้น แต่มันก็ยังไม่ได้กลับมาเหมือนเดิมเสียทีเดียว

ที่สำคัญกว่านั้น คือเธอพึ่งนึกขึ้นได้ว่าลืมกินยาคุมฉุกเฉิน ในเมื่อมันผ่านมาตั้งหลายวันขนาดนี้ จะกินก็คงไม่ทันแล้ว

ฟ้าณดาเริ่มรู้สึกกังวลอีกครั้ง เธอพยายามเสิร์ชในอินเทอร์เน็ตดูว่าโอกาสตั้งท้องจากการมีอะไรกับคู่นอนครั้งแรกมีสูงมากหรือไม่...ซึ่งผลมันก็ไม่ได้ทำให้เธอโล่งใจมากขึ้นเลยสักนิด

เพราะแบบนี้ ฟ้าณดาถึงต้องมาหาที่พึ่งทางใจหนึ่งเดียวของเธออย่างเพื่อนรักที่ชื่อนัทธมล

“ว่าไง ไปทำงานที่นู่นสนุกไหม?”

นัทธมลเปิดประตูบ้านมาต้อนรับฟ้าณดาอย่างดี ถึงกระนั้นก็ยังสังเกตได้ว่าสีหน้าของเพื่อนดูเหมือนมีเรื่องไม่สบายใจ เธอจึงถามต่อ “งานเหนื่อยมากเลยเหรอ?”

“งานน่ะไม่เท่าไหร่หรอก แต่มีเรื่องอื่นให้ฉันเครียดมากกว่า”

ฟ้าณดาเกริ่นเสียงค่อย นัทธมลก็เริ่มขมวดคิ้วมุ่น “เล่าให้ฉันฟังได้ไหม”

“อื้อ”

เพื่อนรักย่อมเป็นห่วงกันเสมอ แม้จะห่างหายกันไปสักพัก แต่นัทธมลไม่เคยลืมฟ้าณดา และไม่เคยทำตัวห่างเหินกันเลย แม้ตัวเธอจะมีชื่อเสียงโด่งดังมากแล้วก็ตาม

ตอนนี้นัทธมลเป็นอินฟลูเอ็นเซอร์ชื่อดัง เรียกว่าไปไหนแทบไม่มีใครไม่รู้จักเธอ โดยคอนเทนต์ส่วนมากก็จะเป็นไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่แม้ความจริงเธอจะเป็นลูกคุณหนู แต่กลับมีความติดดินและเรียบง่าย ยังมีการตัดต่อที่ดูสบายตาสร้างความเพลินแบบไม่หวือหวาจนเกินไป คนถึงได้ชอบดูช่องของเธอเพราะถือเป็นช่องฮีลใจอันดับต้น ๆ เลยก็ว่าได้

เจ้าของบ้านพาเพื่อนขึ้นไปนั่งคุยกันบนห้องนอนเหมือนเมื่อสมัยก่อน ตอนยังเป็นเด็กมัธยม พื้นที่ส่วนตัวนี้เธอมักแชร์มันให้กับฟ้าณดาประจำเวลามีการบ้านหรือมีรายงานต้องเร่งส่ง ซึ่งฝ่ายที่ชอบทำไม่ทันก็มักจะเป็นนัทธมลนี่แหละ

“ไหน มีอะไรแกลองเล่ามาซิ”

เธอว่าน้ำเสียงทะเล้น เพราะไม่ชอบความซีเรียสจริงจัง ฟ้าณดาก็เพียงระบายยิ้มบาง

ถ้าหากการไปอังกฤษคราวนี้เธอได้รับประสบการณ์ดี ๆ กลับมา ก็คงจะสามารถเล่าทุกเรื่องได้อย่างเต็มปาก และมีความรู้สึกเต็มใจอยากจะเล่ามากกว่านี้

“คือ..ฉันไปอยู่ที่นู่นตั้งสามเดือน” ฟ้าณดาเกริ่นขึ้นมา นัทธมลก็มองตาปริบ ๆ “อื้อ ฉันรู้ ก็แกบอกฉันเองนี่”

ยิ่งดูท่าทางของเพื่อน เธอก็ยิ่งรู้สึกแปลกใจ เพราะฟ้าณดาทำตัวดูมีพิรุธจริง ๆ เหมือนมีเรื่องอะไรกลุ้มใจจนต้องปกปิดเอาไว้

“สามเดือนที่ฉันไปอยู่นั่น ทำให้รู้จักคนเยอะมาก เรียกว่ามีคอนเนคชั่นกับคนที่บริษัทแม่เต็มไปหมดเลยล่ะ”

“อื้อ ก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอฟ้า”

พอเพื่อนตอบรับอย่างนั้น รอยยิ้มของฟ้าณดาก็ดูเศร้าหมองลงไปอย่างเห็นได้ชัด

“แต่ว่า..ฉันก็ไม่ได้รู้จักคนทั้งหมดอยู่ดี ก็เลยไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร”

หืม..?

“ผู้ชายคนไหนฟ้า?” นัทธมลขมวดคิ้วยุ่ง เพราะตั้งแต่รู้จักฟ้าณดามา เธอไม่เคยพูดเรื่องผู้ชายคนไหนให้ฟังเลย เพราะไม่มีความสนใจเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ เหมือนคนทั่วไป

เรื่องนี้พอจะอธิบายได้ว่าเพราะฟ้าณดาเป็นเด็กกำพร้า เติบโตมาจากความไม่พร้อมของผู้เป็นพ่อและแม่ เธอจึงมองว่าการมีความรักเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิต ดังนั้นถ้าเธอไม่ได้อยู่ในจุดที่พร้อม ก็จะไม่ขอเปิดรับใครเข้ามาในหัวใจเด็ดขาด

“แกไปชอบคนที่อังกฤษเหรอ?”

นัทธมลอยากรู้ว่าเรื่องเป็นอย่างไรมาอย่างไร แต่เธอไม่กล้าจะเอ่ยหยอกล้อเพื่อนเหมือนที่หากเป็นคนอื่นก็คงจะแซวยับ เพราะดูท่าทางฟ้าณดามีสีหน้าอมทุกข์ บางทีมันอาจจะไม่ใช่เรื่องความรักก็ได้

แล้วลางสังหรณ์ของนัทธมลก็แม่นยำมาก เพราะฟ้าณดาส่ายหน้าตอบ

“ตรงกันข้ามเลยล่ะ...ฉันเจอผู้ชายคนหนึ่งที่ทำให้เกลียดเข้าไส้ก็ว่าได้”

หลังจากพูดออกไปแล้ว ฟ้าณดาก็เริ่มเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดในวันที่เลวร้ายที่สุดของชีวิตเธอให้เพื่อนรักเพียงคนเดียวฟัง พลางน้ำตาก็ไหลออกมาอย่างไม่สามารถจะห้ามได้

ถึงตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ฟ้าณดาจะพยายามปลอบใจตัวเอง แล้วก็เอาความสนใจทั้งหมดไปทุ่มเทให้กับการทำงาน เพื่อลืมเรื่องในวันนั้น แต่ความจริงมันก็เหมือนจะไม่ได้ช่วยอะไรมากเลย

ก็แผลใจมันเกิดขึ้นมาแล้ว..ยังไม่ได้รับการเยียวยารักษา มันจะไปหายได้อย่างไรกัน

เมื่อเล่าจบ นัทธมลก็ตกตะลึงไปชั่วขณะทีเดียว กว่าจะพูดอะไรออกมาได้

“แกได้แจ้งตำรวจไหมฟ้า?”

ฟ้าณดาส่ายหน้า..

“แล้ว..แล้วแกถ่ายรูป หรือมีหลักฐานอะไรที่พอจะเอาผิดผู้ชายคนนั้น หรืออย่างน้อยก็พอจะระบุตัวตนได้บ้างไหม?”

“ไม่มีเลยแนท เช้านั้นฉันไม่มีสติเลย”

ฟ้าณดายอมรับตามตรง เธอโทษตัวเองทุกวันว่าทั้งหมดเป็นเพราะความโง่ของเธอเอง ถึงทำให้เรื่องมันแย่ลงไปถึงขนาดนี้

“ถ้าฉันไม่ประมาทแต่แรกก็คงไม่เป็นอย่างนี้”

ว่าตัวเองเสร็จแล้วก็ราวกับเขื่อนน้ำตาพังครืน ฟ้าณดาไม่คิดจะเก็บกลั้นความเสียใจอีกต่อไป

“แกอย่าโทษตัวเองอย่างนั้น แกเป็นเหยื่อในเรื่องนี้นะ คนที่ผิดคือไอ้สารเลวนั่นต่างหาก”

นัทธมลเข้ามากอดปลอบเพื่อน เธอเข้าใจดีว่าฟ้าณดารู้สึกอย่างไร อีกอย่างคือเรื่องนี้เพื่อนเธอไม่ได้ผิดตรงไหนเลย คนที่สมควรโดนกล่าวว่า และโดนลงโทษตามกฎหมาย ก็คือผู้ชายคนนั้นต่างหาก

“แล้วนี่แกได้กินยาคุมฉุกเฉินไหม?” นัทธมลถาม เผื่อจะได้รับข่าวที่ทำให้สบายใจขึ้นมาได้บ้าง

ทุกวันนี้มีข่าวออกมาเยอะแยะไป.. ว่ามีเหยื่อที่โดนข่มขืนแล้วตั้งท้องโดยไม่ตั้งใจ เธอย่อมไม่อยากให้เพื่อนรักเผชิญชะตากรรมอันเลวร้ายอย่างนั้นแน่

“ฉันไม่ได้กิน กลับมาถึงที่ไทยก็ป่วยนอนซมหลายวัน แล้วก็ต้องทำงานส่งย้อนหลัง จนลืมเรื่องกินยาไปเลย”

ฟ้าณดาสะอึกสะอื้น นัทธมลก็ลูบหลังปลอบอยู่เหมือนเดิม “ไม่เป็นไรแก ฉันรู้ว่าแกเหนื่อยมาก แกไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น ฉันจะอยู่ข้าง ๆ แกเอง”

เพียงเรื่องที่ฟ้าณดาเจอมันก็ย่ำแย่พอแล้ว นัทธมลจึงคิดว่าการพูดกับเพื่อนประมาณว่า ‘แล้วทำไมไม่กินยาป้องกัน’ หรือ ‘ทำไมแกไม่แจ้งตำรวจ หรือขอความช่วยเหลือ’ มันไม่ได้ช่วยอะไรเลย นอกจากทำให้สภาพจิตใจของเพื่อนมีแต่จะพังกว่าเดิม

“แนท..แกว่าฉันจะโชคร้ายซ้ำซ้อนไหม?”

แน่นอน ตอนนี้ฟ้าณดาต้องกลุ้มใจเรื่องที่จะท้องหรือเปล่า

การอุ้มท้อง คลอดลูก จนกระทั่งรับภาระเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่งจนกว่าจะโต ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลย ยิ่งสำหรับผู้หญิงตัวคนเดียวที่ใช้ชีวิตประจำวันปกติก็ยากลำบากมากพอแล้วแบบฟ้าณดา ทุกปัญหามันดูจะใหญ่ท่วมหัวเธอไปหมดในตอนนี้

ด้วยหน้าที่ของความเป็นเพื่อนที่ดี นัทธมลย่อมตอบว่า “คนดี ๆ อย่างแก พระเจ้าต้องเห็นใจบ้างสิวะ ใครมันจะไปซวยได้ตลอดไปล่ะ”

ในใจเธอก็ไม่ได้มั่นใจอะไรขนาดนั้นหรอก แต่ก็ขอพูดไปก่อน อย่างน้อยก็น่าจะเรียกคืนรอยยิ้มของฟ้าณดากลับมาได้ หลังจากที่ไม่มีมาตลอดหลายวันนี้

“จริงเหรอ..” ฟ้าณดาช้อนดวงตาซึ่งมีน้ำตาคลอหน่วยมองเพื่อน นั่นยิ่งดูน่าสงสารไปกันใหญ่

“จริงสิ จากนี้ต้องไม่มีเรื่องร้ายอะไรเกิดขึ้นแน่นอน ฉันเชื่ออย่างนั้น”

นัทธมลพยายามจูงใจให้ฟ้าณดาคิดแต่เรื่องดี ๆ พร้อมกันนั้นในหัวเธอก็คิดแล้วว่าจากนี้จะต้องคอยดูแลเพื่อนอย่างใกล้ชิด เพราะไม่รู้ว่าวันไหนสภาพจิตใจของฟ้าจะดิ่ง และมันจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

“อืม.. ฉันหวังว่ามันจะเป็นอย่างนั้นนะ”

ฟ้าณดาเริ่มกลับมามีรอยยิ้มอีกครั้ง แล้วก็เริ่มปาดน้ำตา เตรียมเผชิญหน้ากับทุกปัญหาต่อจากนี้

ต้องผ่านมันไปให้ได้สิ..

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ