เมื่อถึงวันถ่ายโฆษณาจริง ๆ ฟ้าณดากับนัทธมลก็พาสองเด็กฝาแฝดไปยังสตูดิโอที่จีจี้นัดไว้
“มาแล้วค่ะเจ๊~” นัทธมลส่งเสียงดังมาแต่ไกล ให้จีจี้และเหล่าทีมงานเบื้องหลังพากันหันมอง
จีจี้เป็นสาวประเภทสองที่แม้ว่าหน้าตายังหลงเหลือความเป็นชายอยู่มาก และรูปร่างก็สูงใหญ่บึกบึน แต่การแต่งตัวของเธอนับว่าเป็นสาวเปรี้ยวคนหนึ่งก็ว่าได้ ทั้งเสื้อสายเดี่ยวสีส้มจี๊ดจ๊าดข้างใน และกระโปรงสั้นเลยเข่าสีดำ สวมเสื้อคลุมผ้าพลิ้วสีดำตัวนอกเอาไว้ เครื่องประดับแต่ละชิ้นก็ใหญ่ ๆ ทั้งนั้น
ฟ้าณดาเห็นแล้วก็อึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะรีบดึงสติตัวเอง ยกมือไหว้เธอ “สวัสดีค่ะพี่จีจี้ ฟ้านะคะ”
“สวัสดีจ้า ไม่ต้องเกรงใจกันนะ เรียกเจ๊จีจี้เหมือนยัยเด็กกะโปโลนี่ก็ได้”
จีจี้ทักทายอย่างเป็นกันเอง แล้วยังหันมาเรียกนัทธมลว่าเป็นเด็กกะโปโลอีก ซึ่งนัทธมลก็ไม่ยอมอยู่แล้ว
“เด็กกะโปโลอะไรคะเจ๊ แฟนคลับหนูเรียกหนูว่าคนสวยทั้งนั้น”
“ย่ะ แม่คนสวย แต่นิสัยเหมือนเด็กห้าขวบ”
ทั้งคู่ว่ากันไปมาอย่างนั้น มันเป็นเพราะพวกเขาทำงานด้วยกันมานานเลยสนิทสนมกันมาก ฟ้าณดาก็ขำเบา ๆ
“อ๊ะ! ไหนเจ๊ขอดูหน้าน้องแฝดหน่อยสิฟ้า” จีจี้เหมือนพึ่งนึกได้ว่าที่ตัวเองมาที่นี่วันนี้ก็เพื่อทำงาน
และเมื่อฟ้าณดาอุ้มไอเดนกับอาเบลไปใกล้ ๆ จีจี้ก็ต้องทำหน้าตาเอ็นดู มีเสียงเล็กเสียงน้อยเวลาเล่นก็เด็กน้อยทั้งสอง
“น่ารักจังเลย คนไหนไอเดน คนไหนอาเบลล่ะเนี่ย~”
เพราะเด็กทั้งสองเป็นแฝดแท้ เลยแทบจะแยกหน้าไม่ออกเลย ถ้าไม่ใช่คนเป็นแม่อย่างฟ้าณดา
“คนนี้ไอเดนค่ะพี่ ส่วนคนนี้อาเบล”
“เก่งจัง แยกออกได้ไงเนี่ย” จีจี้ทำตาโต ก่อนจะโดนนัทธมลว่าให้ “ก็ฟ้าเป็นแม่นี่คะเจ๊ ถ้าแยกไม่ออกก็แย่เกินไปแล้วนะ”
“หล่อนไม่ขัดฉันสักทีจะได้ไหม”
จีจี้ปรายตามอง แต่กลับได้รับเสียงหัวเราะชอบใจจากนัทธมลกลับมาแทน
คุยเล่นกันอยู่ตรงนั้นพักหนึ่ง จีจี้ก็ชวนทั้งคู่เข้าไปข้างในสตูดิโอสำหรับการถ่ายทำโฆษณา ให้เตรียมตัวถ่ายโฆษณาแพมเพิส ซึ่งวันนี้ไอเดนกับอาเบลก็ให้ความร่วมมือดีมาก นอกจากไม่ร้องงอแงเยอะแล้ว ยังยิ้มแย้มให้กล้องอีก จนกลายเป็นได้ซีนดี ๆ ไปเยอะ ขนาดตากล้องยังชมความน่ารักและฉลาดของเด็กทารกแบบไม่ขาดปาก
“ฟ้าดูสิ ลูกค้าดูชอบมากเลยล่ะ”
จีจี้เข้ามากระซิบบอกฟ้าณดา ก่อนจะบุ้ยปากไปทางลูกค้าซึ่งนั่งดูอยู่ไม่ไกลจากจุดที่เซตฉากเอาไว้
“อย่างนี้ก็ดีสิคะ เผื่อเด็ก ๆ จะได้มีงานเยอะขึ้น”
หลายวันมานี้ ฟ้าณดาเริ่มคิดเรื่องเส้นทางอนาคตของลูก เธอรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากที่นัทธมลติดต่อจีจี้ให้ อย่างน้อยถึงมีงานไม่เยอะ แต่ก็ยังพอได้ค่านมค่าแพมเพิสมาให้เด็ก ๆ ใช้
แต่ถ้าวันข้างหน้าจีจี้ป้อนงานให้เรื่อย ๆ แล้ว มันก็ยิ่งดีใหญ่เลย เพราะเธอจะได้เก็บเงินส่วนนี้เอาไว้ให้ลูกเป็นค่าเล่าเรียน
“พี่จีจี้คะ ถ้ามีงานไหนที่พอจะเอามาให้ฟ้ากับลูก ๆ ได้ ติดต่อมาได้เสมอเลยนะคะ”
เธอหันไปบอกจีจี้ แววตาสวยหวานเป็นประกายความหวัง ให้อีกฝ่ายยิ่งรู้สึกเอ็นดูคนเป็นแม่ด้วย
จีจี้ทำงานในวงการบันเทิงมานาน เจอคนมาก็มาก ทำให้เธอมองจะมองออกว่าคนแบบไหนมีนิสัยเป็นอย่างไร แค่เพียงได้มองตาก็เหมือนจะรู้พื้นฐานนิสัยแล้ว
ซึ่งคนอย่างฟ้าณดาเนี่ย เรียกว่าเป็นคนน่าสงสารเลย เพราะความเป็นคนดีเลยทำให้เธอสามารถโดนสังคมรังแกได้บ่อย ๆ
“ได้เลยฟ้า ถ้ามีงานอะไรเจ๊จะขยันป้อนมาให้แน่นอน”
เธอรับปากอย่างนั้น ยิ่งรู้มาจากนัทธมลว่าฟ้าณดาเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวทั้งที่อายุยังน้อยขนาดนี้เพราะอะไร ความเห็นอกเห็นใจก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นไปอีก
พักหนึ่ง จีจี้ก็เหมือนจะพึ่งนึกขึ้นได้
“จริงสิ ตอนนี้เจ๊รับงานจากลูกค้ามางานหนึ่ง เป็นอาหารเสริมของคุณแม่หลังคลอดลูก แล้วก็มีครีมบำรุงผิวสำหรับหน้าท้องที่แตกลายด้วย ฟ้าอยากลองรับไหม”
“เอ๋.. ไม่ใช่ว่าเขาอยากได้ดาราดังเหรอคะ?”
ฟ้าณดาเริ่มไม่มั่นใจ เพราะเธอเป็นแค่คนธรรมดา แต่จีจี้ไล่สายตามองรูปร่างและผิวพรรณของเธอแล้วก็เห็นว่าดี
“ดาราดังน่ะค่าตัวแพงจะตาย ลูกค้าเขาอยากได้รีวิวจากคนที่ใช้จริงด้วย อีกอย่างเพจของเรามีคนตามตั้งเยอะ พี่ว่าเวิร์ค”
ไม่พูดเปล่า จีจี้ยังยกนิ้วโป้งให้อีกด้วย ฟ้าณดาก็ค่อยมั่นใจมากขึ้น “งั้นฟ้ารับค่ะพี่ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ”
“ไม่เป็นไรจ้า ก็ถือว่าช่วย ๆ กัน”
“คุยอะไรกันคะ?” ตอนนั้นนัทธมลเดินเข้ามาร่วมวงสนทนาพอดี และเมื่อจีจี้บอกว่าจะป้อนงานให้ฟ้าณดากับลูกแฝดเรื่อย ๆ เธอก็ดีใจตามไปด้วย
“ดีเลยฟ้า มีงานก็มีเงินเข้ามาไม่ขาด แกจะได้ไม่ต้องลำบากแล้ว”
“อื้อ ขอบคุณมาก ๆ นะ”
วันวันหนึ่งไม่รู้ว่าฟ้าณดาพูดขอบคุณกับคนอื่นไปกี่ครั้ง แต่นิสัยแบบนี้แหละที่ทำให้ไม่ว่าไปที่ไหนใคร ๆ ก็เอ็นดูและพร้อมจะหยิบยื่นความช่วยเหลือไปให้
หลังจากนั้นไอเดนกับอาเบลก็เริ่มจะมีชื่อเสียงขึ้นมา เพราะได้ถ่ายโฆษณาสินค้าเด็กหลายตัว ไม่ว่าจะเป็นแพมเพิส นมผง เสื้อผ้า รวมไปถึงของเล่นสำหรับเสริมสร้างพัฒนาการของเด็กด้วย
ระหว่างที่ถ่ายโฆษณาอยู่นั้น นัทธมลก็จะคอยเก็บภาพเบื้องหลังการถ่ายทำ ไปทำเป็นคลิปสั้น ๆ ลงในเพจของฟ้าณดา ให้เหล่าแฟนคลับได้เข้าไปดูแล้วก็คอมเมนต์ชื่นชมความน่ารักของเด็กน้อยทั้งสอง
แล้วไอเดนกับอาเบลก็เป็นเด็กที่ท่าทางฉลาดมาก นอกจากเวลาหิวหรืออยากเปลี่ยนผ้าอ้อมก็จะไม่มีงอแงเลย ยังดูเป็นเด็กที่มีพัฒนาการด้านอารมณ์ดีพอ ๆ กับพัฒนาการด้านความรู้ด้วย
นอกจากชื่นชมความน่ารักแล้ว ยังมีคนชื่นชมการเลี้ยงดูของฟ้าณดา เพราะเธอเลี้ยงลูกได้ดีมาก ทำให้เด็กเติบโตมาได้อย่างมีคุณภาพ อะไรไม่ดี ไม่ควรทำ เธอก็จะสอนเลยแต่ไม่ดุจนทำให้เด็กกลัว เรียกว่าเป็นคนที่ใจเย็น มีเหตุผล และมองโลกในแง่ดีสุด ๆ
แน่นอนว่านี่เป็นอีกสิ่งที่ตกหัวใจเหล่าแฟนเพจผู้ชาย จนกลายเป็นมีแต่คนอยากสมัครเป็นสามีเธอ ต่อให้ต้องเลี้ยงดูลูกแฝดในฐานะพ่อบุญธรรมก็ไม่เป็นไร
แม้แต่ศรัณย์เอง แม้ว่าจะหายหน้าหายตาไปนาน และไม่ได้ทักมาหาเธอเหมือนเมื่อสมัยก่อน ตอนที่ยังไม่รู้ว่าฟ้าณดาท้อง แต่เวลาได้เจอหน้ากัน เขาก็จะถามไถ่สารทุกข์สุขดิบเธออยู่เสมอ
อย่างเช่นวันนี้ตอนที่ฟ้าณดาฝากลูกไว้กับนัทธมลและเข้ามาทำธุระที่บริษัท
“ฟ้า.. ไม่คิดจะหาพ่อให้สองแฝดหน่อยเหรอ”
คำถามนี้ศรัณย์ส่งมาพร้อมความคาดหวัง และฟ้าณดาก็รู้ดีว่าที่เขาถามแบบนี้เพราะอะไร
“ไม่ใช่ทุกคนจะรับฟ้ากับลูกได้ตลอดนะคะ เรื่องพ่อใหม่ของเด็ก ๆ น่ะ ฟ้าไม่เคยคิดถึงเลยค่ะ”
เธอปฏิเสธอย่างหนักแน่น เพราะไม่มั่นใจในตัวศรัณย์
ท่าทางของเขาเป็นสิ่งที่เธอเดาไม่ถูก เลยกลัวว่าถ้าหากวันหนึ่งเขาได้แล้วทิ้งเหมือนกับที่เธอเคยโดนมาครั้งหนึ่ง มันอาจจะทำให้ยิ่งผิดหวังก็ได้
“พี่รู้ว่าฟ้าไม่ไว้ใจผู้ชายคนไหน แต่ของแบบนี้ถ้าเปิดใจสักหน่อยก็ไม่เสียหายนี่”
เขาก็ช่างพยายามดีจริง ๆ...
ฟ้าณดาอยากถอนหายใจดัง ๆ แต่เพราะเกรงใจเลยยังทำเพียงมองตอบเขานิ่ง ๆ ต่อไป
“ขอโทษค่ะ แต่ฟ้าไม่กล้าเปิดใจในตอนนี้แน่”
เมื่อก่อนเธอลำบากกว่านี้มาก แต่ก็ยังผ่านทุกเรื่องมาได้ด้วยตัวเอง ตอนนี้เธอคงไม่หวังให้ผู้ชายที่ไหนมาคอยช่วยหรอก
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?