สี่ปีผ่านไปอย่างรวดเร็วนับจากวันที่ฟ้าณดาได้รับทุนการศึกษาจาก Star Entertainment จนถึงวันที่เธอก้าวเข้าสู่โลกแห่งการทำงานอย่างเต็มตัว ด้วยการเป็นนักเรียนทุนเมื่อเรียนจบก็ต้องกลับมาทำงานตามสัญญาที่ได้ลงนามไว้ เธอได้เข้าทำงานที่บริษัท Star Entertainment สาขาประเทศไทย พร้อมกับเพื่อนร่วมคณะอีกสองสามคนที่ได้รับทุนเช่นเดียวกัน
Star Entertainment ไม่ใช่เพียงแค่บริษัทธรรมดา แต่เป็นยักษ์ใหญ่ในวงการแฟชั่นระดับโลก ที่ครอบคลุมตั้งแต่การออกแบบเสื้อผ้าสำหรับชนชั้นสูงไปจนถึงชนชั้นกลาง และยังมีการจัดแฟชั่นโชว์แทบทุกฤดูกาล การได้เข้าทำงานที่นี่จึงเปรียบเสมือนการได้ก้าวเข้าสู่เส้นทางแห่งความสำเร็จตั้งแต่ก้าวแรก
ฟ้าณดาตระหนักดีถึงโอกาสทองนี้ เธอทุ่มเทให้กับการทำงานอย่างเต็มที่ตั้งแต่วันแรกที่เข้ามา ผลงานของเธอโดดเด่นจนเป็นที่ประจักษ์แก่รุ่นพี่และเพื่อนร่วมงาน และได้รับคำชมจากหัวหน้าแผนกอย่าง 'อรอุมา' อยู่เสมอ
ในเช้าวันหนึ่ง อรอุมาเดินเข้ามาในออฟฟิศด้วยรอยยิ้มกว้าง เธอประกาศเสียงดังท่ามกลางความสนใจของทุกคน
"งานแฟชั่นโชว์ที่มิลานคราวก่อน พวกผู้ใหญ่ชมกันไม่ขาดปากเลยว่าทีมเราทำออกมาได้ดี ต้องขอบคุณทุกคนมากนะที่ทุ่มเทเพื่อ Star Entertainment ของเรา"
เสียงปรบมือดังขึ้นทั่วออฟฟิศ ทุกคนต่างรู้สึกภูมิใจในผลงานของตัวเอง โดยเฉพาะฟ้าณดาที่รู้สึกว่าความพยายามของเธอได้รับการยอมรับ
ในโลกของแฟชั่นระดับสูง การดูแลเสื้อผ้าของนางแบบ นายแบบ และศิลปินในสังกัดของ Star Entertainment ไม่ใช่เพียงแค่งานธรรมดา แต่เป็นศิลปะที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญขั้นสูง ฟ้าณดาได้เรียนรู้อย่างรวดเร็วว่า ศิลปินและดาราดังระดับโลกส่วนใหญ่มีความพิถีพิถันในการแต่งกายอย่างที่เธอไม่เคยจินตนาการมาก่อน
ทุกรายละเอียด ตั้งแต่การเลือกผ้า การตัดเย็บ ไปจนถึงการปรับแต่งให้พอดีกับรูปร่างของแต่ละคน ล้วนต้องทำด้วยความประณีตและใส่ใจ บางครั้ง การแก้ไขเพียงเล็กน้อยอาจใช้เวลาหลายชั่วโมง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่สมบูรณ์แบบ
"การทำงานกับคนดังไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ" อรอุมาเคยบอกกับทีมในวันแรกของการทำงาน "พวกเขามีวิสัยทัศน์เฉพาะตัว และบางครั้งก็เปลี่ยนใจในนาทีสุดท้าย เราต้องพร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์"
ความท้าทายไม่ได้อยู่แค่การทำให้ศิลปินพอใจ แต่ยังต้องคำนึงถึงความต้องการของผู้บริหารบริษัทด้วย บ่อยครั้งที่ทีมต้องสร้างสมดุลระหว่างวิสัยทัศน์ทางศิลปะและความต้องการทางธุรกิจ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
แม้จะเผชิญกับความกดดันมหาศาล แต่ทีมของ Star Entertainment ก็ยังสามารถสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมได้อย่างต่อเนื่อง ไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ ให้เห็น ทุกชิ้นงานที่ออกมาล้วนสมบูรณ์แบบ สร้างความประทับใจให้กับทั้งศิลปินและผู้ชมเป็นอย่างสูง
ฟ้าณดารู้สึกทั้งตื่นเต้นและท้าทายกับงานนี้ เธอตระหนักดีว่าทุกวันคือการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และโอกาสในการพัฒนาฝีมือของเธอให้ก้าวไกลยิ่งขึ้น แม้จะเหนื่อยล้า แต่เธอก็รู้สึกภูมิใจทุกครั้งที่เห็นผลงานของทีมปรากฏบนเวทีแฟชั่นโชว์ระดับโลก
อรอุมากวาดตามองไปรอบๆ ก่อนจะหยุดที่กลุ่มพนักงานใหม่ "โดยเฉพาะเด็กใหม่รุ่นนี้ ไม่เสียแรงที่ตั้งความหวังเอาไว้สูงนะ" ว่าพลางหญิงวัยเกือบกลางคนก็ปรายตามาทางกลุ่มที่พึ่งจบใหม่และเข้ามาทำงานได้ไม่นาน แน่นอนว่ามีฟ้าณดาอยู่ในนั้นด้วย
ฟ้าณดารู้สึกถึงสายตาอิจฉาจากรุ่นพี่บางคน แต่เธอพยายามไม่ใส่ใจ เธอรู้ดีว่าตัวเองทำงานหนักและสมควรได้รับคำชม
แม้คำชมนี้อาจจะเรียกสายตาอิจฉาจากพวกรุ่นพี่บางคน แต่อรอุมาไม่ได้สนใจเท่าไร สำหรับเธอแล้ว ใครทำดีก็ย่อมต้องได้รับคำชมเชย อีกทั้งเธอยังเชื่อมั่นในความไฟแรงของเด็กจบใหม่มาแต่ไหนแต่ไร เมื่อได้รับการตอบสนองเป็นผลลัพธ์อันน่าทึ่ง มันก็อดไม่ได้ที่จะมอบรางวัลอยู่แล้ว
อรอุมายิ้มกว้างขึ้นอีก "และนี่ยังไม่หมดนะคะ เมื่อเช้าพี่ไปคุยกับพวกผู้ใหญ่ข้างบนมา เขาว่าจะจัดโครงการให้พนักงานใหม่ที่สาขาประเทศไทยได้ไปดูงานที่อังกฤษด้วยนะ"
"จริงเหรอคะ!" เสียงของ 'ณิชา' เพื่อนร่วมงานวัยเดียวกันกับฟ้าณดาดังขึ้นอย่างตื่นเต้น
อรอุมาพยักหน้า "จริงสิ พี่ส่งรายชื่อไปเรียบร้อยแล้วด้วย บังคับว่าทุกคนต้องสะดวกไปนะจ๊ะ"
หัวหน้าแผนกสุดใจดีอย่างอรอุมาตั้งเป้าไว้แล้ว เธอจะส่งเด็ก ๆ ที่ปั้นมากับมือเหล่านี้ไปที่อังกฤษ เพื่อให้ ได้เปิดหูเปิดตา ที่บอกว่าเป็นการดูงานก็หมายถึงจะได้พักผ่อนไปด้วยในตัว
ณิชาวิ่งเข้าไปกอดอรอุมาด้วยความดีใจ "พี่อรใจดีที่สุดเลย!"
อรอุมาหัวเราะ พลางผลักศีรษะณิชาเบาๆ "ไม่ต้องมาประจบพี่ เก็บแรงไว้เลียขาผู้ใหญ่ที่นู่นดีกว่า"
"ได้ค่ะ หนูจะเอาให้ขาชุ่มทุกคนเลย" ณิชาตอบกลับอย่างติดตลก ทำให้ทุกคนหัวเราะครืน ฟ้าณดาที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุดก็ยังกลั้นไม่อยู่
“ไม่ต้องมาขำเพื่อนเลยยัยฟ้า เราก็ต้องไปตั้งใจเลียขาผู้ใหญ่ที่นู่นให้เต็มที่เหมือนกัน” อรอุมายังคงกล่าวกลั้วหัวเราะอยู่เช่นเดิม
เรื่องพวกนี้ไม่ใช่ความแปลกประหลาดอะไร และไม่ใช่เรื่องน่ารังเกียจด้วย เพราะการเสนอตัวทำงาน แสดงความสามารถอันโดดเด่น สำหรับอรอุมา เธอมองว่ามันเป็นการแสวงหาโอกาสให้ตัวเอง ถึงจะโดนมองว่าเลียแข้งเลียขาบ้าง แต่ถ้าได้ดีแล้วมันก็นับว่าคุ้มค่าที่จะทำ
แน่นอน..เธอสอนเด็กทุกรุ่นที่เข้ามาให้รู้จักแสวงหาผลประโยชน์ จนได้ดิบได้ดี มีไปทำงานกับสาขาต่างประเทศตั้งหลายคนแล้ว
“ไม่ต้องห่วงค่ะพี่อร” ฟ้าณดารับปากอย่างนั้น แม้ความจริงทุกคนที่นี่จะรู้ดีว่านิสัยจริง ๆ เธอค่อนข้างขี้อายและไม่กล้าแสดงออกมากนักก็ตาม
ฟ้าณดารู้สึกตื่นเต้นกับโอกาสที่กำลังจะมาถึง แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกกังวลเล็กน้อยกับความท้าทายที่รออยู่ข้างหน้า เธอตั้งใจว่าจะทำให้ดีที่สุดและคว้าโอกาสนี้ไว้ให้แน่น เพื่อสร้างอนาคตที่สดใสให้กับตัวเองและทำให้ทุกคนที่เชื่อมั่นในตัวเธอภูมิใจ
แต่เอาเถอะ เรื่องนั้นก็ส่วนเรื่องนั้น แต่ไหนแต่ไรมาฟ้าณดาเองก็ไม่ใช่คนงอมืองอเท้า เธอรู้จักเอาตัวรอดได้อยู่หรอก เพราะเท่าที่ดูแล้วมีพื้นเพมาจากความยากลำบาก ต้องปากกัดตีนถีบพอสมควร
อรอุมามีรอยยิ้มภูมิใจ เธอรู้พื้นเพของฟ้าณดาจากการอ่านประวัติคร่าว ๆ ก่อนที่หญิงสาวจะเข้ามาทำงาน เนื่องจากเธอเป็นเด็กทุน เลยทำให้หัวหน้าคนนี้สนใจเป็นพิเศษด้วย
“ดีมาก.. เอ้า! แยกย้ายจ้า หมดข่าวดีแล้ว ทำงานกันต่อได้”
อรอุมาตบมือเรียกสติให้ทุกคนก้มหน้าจดจ่อกับการออกแบบเสื้อผ้าคอลเล็คชั่นต่อไป ณิชาที่นั่งข้างฟ้าณดายังมีสีหน้าตื่นเต้นไม่หาย
“นี่ฟ้า เย็นนี้ไปช็อปปิ้งเสื้อโค้ทกัน ได้ยินว่าที่อังกฤษอากาศเริ่มหนาวแล้ว”
“ใจเย็น ๆ สิยัยชา จะได้ไปเมื่อไรยังไม่รู้เลย”
ฟ้าณดาต้องบอกให้เพื่อนร่วมงานลดอาการตื่นเต้นลงบ้าง แม้ตัวเองจะพึ่งส่งข้อความไปบอกเพื่อนสนิทอย่างนัทมลก็ตาม
ก็ข่าวดีอย่างนี้ จะให้บอกช้าได้ไงล่ะ..
“ได้ไปเมื่อไรก็ช่าง ยังไงก็ถือว่าได้ไปแล้วนี่”
ณิชายังคงมีประกายวาววับส่องจากดวงตา ก่อนหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา กดเข้าแอปพลิเคชันช็อปปิ้งออนไลน์อย่างรวดเร็ว
ขณะที่ทุกคนกำลังคุยกันอย่างตื่นเต้น เสียงหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง "เด็กใหม่ปีนี้ฝีมือดีจังเลยนะ ขนาดเล่นไปทำงานไปก็ยังโดนชมเลย"
ฟ้าณดาหันไปมอง เห็น 'รัศมี' หรือที่ทุกคนเรียกว่า 'ลูกหมี' รุ่นพี่ที่ทำงานมานาน กำลังยืนมองพวกเธอด้วยสายตาไม่เป็นมิตร
ณิชาตอบกลับด้วยรอยยิ้มเสแสร้ง "พอดีหนูทำงานเสร็จไปส่วนหนึ่งแล้วนะคะ เลยกะว่าจะพักสักห้านาที แค่นี้พี่อรเขาคงไม่ว่าอะไรหรอกมั้งคะ"
ลูกหมีทำหน้าไม่พอใจ "พี่อรให้ท้ายเด็กจนเหลิงหมดแล้วมั้ง ถ้าเป็นเด็กพี่ คงจะทำงานได้มีประสิทธิภาพกว่านี้"
ว่าจบลูกหมีก็เดินกลับไปที่โต๊ะของตัวเอง เหมือนจงใจทิ้งระเบิดอารมณ์ให้ณิชาต้องเข่นเขี้ยวในใจ
เมื่อลูกหมีเดินจากไป ณิชาทำท่าจะโต้ตอบ แต่ฟ้าณดารีบห้ามไว้ "ชา แกอย่าไปต่อล้อต่อเถียงกับพี่ลูกหมีเลย มันไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นหรอก"
ฟ้าณดากระซิบเตือน ด้วยความที่เป็นคนอ่อนน้อมแต่ไม่อ่อนแอ เธอจึงไม่อยากเข้าไปยุ่งหรือมีปากเสียงกับใครให้ขุ่นข้องใจ กะว่าจะตั้งใจทำงานและเดินตามเส้นทางชีวิตของตัวเองเท่านั้น
ณิชาถอนหายใจอย่างหงุดหงิด "แกก็ดูยัยพี่นั่นสิ ว่าฉันไม่พอ ยังมาว่าพี่อรอีก แบบนี้ใช้ได้ที่ไหน"
ฟ้าณดาตบไหล่เพื่อนเบาๆ "เอาน่า เดี๋ยวเย็นนี้ฉันไปเป็นเพื่อนแกแล้วกันนะ ดูเสื้อผ้าสำหรับไปอังกฤษ"
เมื่อฟ้าณดาบอกแบบนั้น ณิชาก็ยิ้มกว้าง ความไม่พอใจหายไปในทันที "โอเค ห้ามเบี้ยวนะ"
แค่นี้บรรยากาศในการทำงานก็จะดีขึ้นแล้ว ค่อยทำงานง่ายขึ้นหน่อย
ฟ้าณดายิ้มตอบ เธอชอบความสงบและไม่ชอบความขัดแย้ง แม้จะไม่ใช่คนยอมคนง่ายๆ แต่เธอก็เลือกที่จะหลีกเลี่ยงปัญหาและมุ่งมั่นกับงานของตัวเองมากกว่า
ระหว่างนั้น อรอุมาแอบมองอยู่ที่โต๊ะของตัวเอง สแกนดูนิสัยของรุ่นน้องในแผนกคร่าว ๆ ก็รู้อยู่ว่าใครเป็นแบบไหน และคนอย่างณิชากับฟ้าณดานี่แหละที่ดูน่าคบหามากที่สุด เทียบกับรุ่นน้องที่อายุไม่ได้ห่างกับเธอมากเท่าไรอย่างรัศมีแล้ว เรียกว่าแม้จะไม่เก่งเท่าแต่ก็ทำงานด้วยกันง่ายกว่าตั้งเยอะ
ตามที่อรอุมาตั้งใจไว้ คือหลังจากส่งเด็ก ๆ ในแผนกไปดูงานเสร็จ กลับมาเธอจะเริ่มมอบหมายงานยาก เพื่อพัฒนาพวกเขาไปอีกขั้น จากนั้นค่อยให้ไปเติบโตที่อังกฤษเหมือนอย่างรุ่นที่ผ่านมา
ถ้าเป็นไปได้น่ะนะ..
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?