ตอนที่ 15. เอาตัวรอด

เวลาเก้าเดือนผ่านไปไวกว่าที่คิดจริง ๆ ในที่สุดลูกแฝดก็คลอดออกมาแล้ว

อ้อ.. แล้วยังเป็นเด็กผู้ชายทั้งคู่อีกด้วย

ย้อนกลับไปเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ตอนที่รู้เพศลูกแล้ว ฟ้าณดาก็ตัดสินใจเลือกชื่อได้ทันที

“เจ้าหนูชื่ออะไรบ้างนะฟ้า”

วันนี้เพื่อนที่บริษัทพากันมาเยี่ยมเธอที่โรงพยาบาล และเป็นอรอุมาที่ถามขึ้น

“คนพี่ชื่อไอเดน คนน้องชื่ออาเบลค่ะพี่อร” ฟ้าณดาตอบอย่างภาคภูมิใจ

“เป็นชื่อที่เพราะมากเลยฟ้า” นี่เป็นคำชมจากณิชา สีหน้าของเธอดูตื่นเต้นเป็นพิเศษทีเดียว

“อื้ม พี่ก็ว่าชื่อนี้ดูเหมาะดีนะ” ส่วนนี่เป็นศรัณย์พูดยิ้ม ๆ พลางหันมามองหน้าคนท้องที่ยังดูไม่หายซีด

นอกจากอรอุมา ณิชา และพี่ ๆ คนอื่นในแผนกที่สนิทกัน น่าแปลกที่วันนี้ศรัณย์เองก็มาเยี่ยมเธอด้วย แม้ช่วงก่อนออกจากบริษัทจะไม่ได้คุยกันเลย ตอนนั้นเขายังพยายามหลบหน้าเธอด้วยซ้ำ

คงรู้สึกผิด เลยอยากกลับมาตีสนิทอีกครั้งละมั้ง...

ฟ้าณดาดูออก เพราะศรัณย์เผยมันออกมาทางสีหน้าทั้งหมด ซึ่งเธอก็ไม่ได้สนใจอะไรหรอก ใครดีมาเธอก็พร้อมจะดีตอบอยู่แล้ว ขอแค่ไม่ล้ำเส้นกันก็เป็นพอ

เธอคุยกับพวกพี่ ๆ ที่บริษัทจนกระทั่งหมดเวลาเยี่ยม เมื่อทุกคนทยอยกลับกันไปหมด ฟ้าก็ไปป้อนนมลูก ๆ ที่ยังต้องนอนแยกกันอยู่

“กินเก่งกันจังเลยนะ”

เธอแอบแซวเจ้าเด็กแฝด เพราะเด็ก ๆ ดูดเต้าแรงมาก ยิ่งตอนที่หิวพร้อมกันนี่เรียกว่าทำเอาคนเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวเหนื่อยเลย

ดวงตาเปล่งประกายของผู้เป็นแม่มองลูกน้อยของเธอด้วยความรักใคร่ ทั้งไอเดนและอาเบลดูหน้าตอนแรกเกิดก็รู้ว่าเป็นลูกฝรั่ง เพราะผมสีน้ำตาลออกทองระยิบระยับ ผิวก็ขาวปานหยวกกล้วย แก้มแดงสุกปลั่งและริมฝีปากอมชมพูน่ารักไปหมด

เมื่อให้นมลูกเสร็จเรียบร้อย หญิงสาวก็กลับมาที่ห้องพัก ซึ่งก็มีเพื่อนรักอย่างนัทธมลนั่นแหละที่มานอนเฝ้า

“ให้นมลูกเรียบร้อยแล้ว” ฟ้าณดาบอก ให้หญิงสาวแว่นหนาเตอะเงยหน้าขึ้นมาจากจอแล็ปท็อปของตัวเอง “ฉันซื้อกับข้าวมาเรียบร้อย กินกัน”

“อื้อ.. ให้แกะให้ไหม”

ฟ้าณดาเสนอ แต่นัทธมลต้องรีบยกมือห้ามไว้ “หยุดค่ะสาว คนพึ่งคลอดต้องพักผ่อนนะ ให้ฉันทำเองดีกว่า”

“แต่แกยุ่งนี่นา” ฟ้าณดาก็ยังคงเกรงใจกันจนถึงตอนนี้อยู่ดี

ก็ดูสภาพเพื่อนเธอสิ โทรมเสียยิ่งกว่าอะไร หน้าตาก็ไม่แต่ง น้ำแทบไม่อาบ ผมก็ไม่สระ สวมแว่นหนาเตอะ เสื้อผ้าที่ใส่มาโรงพยาบาลก็เหมือนเสื้อผ้าอยู่บ้าน บางทีถึงขั้นใส่ชุดนอนเดินลงไปซื้อขนมในร้านสะดวกซื้อใกล้ ๆ เลยด้วยซ้ำ

ก่อนหน้านี้นัทธมลรับงานรีวิวสินค้าเยอะขึ้น ทั้งต้องถ่ายรูป ถ่ายคลิป คิดแคปชั่น คิดสคริปต่าง ๆ เมื่ออัพรูปลงโซเชียลเสร็จแล้วก็ต้องนั่งตัดต่อจนหลังขดเป็นกุ้ง แถมยังต้องหอบอุปกรณ์ทำงานมาที่โรงพยาบาลเพื่อเฝ้าฟ้าณดาอีก

แต่ทั้งหมดนั่นนัทธมลเต็มใจทำอยู่แล้ว เธอถึงกับรีบวิ่งมาแย่งถุงกับข้าวจากฟ้าณดา ก่อนจะดันหลังอีกคนไปที่เตียง กดให้ยอมนอนลงดี ๆ

“ถึงยุ่งแค่ไหนฉันก็ต้องกิน แล้วแกก็หัดทำตัวเหมือนคนพึ่งคลอดหน่อยสิ ถ้าจะทำทุกอย่างเองก็เกินไปแล้วนะ”

การว่าแบบเหมือนไม่อยากว่านั่นทำให้ฟ้าณดาต้องขำออกมาเบา ๆ แล้วก็ยอมแต่โดยดี เพราะไม่อยากทำตัวดื้อด้านให้เพื่อนยิ่งเหนื่อยใจกว่าเดิม

“แนท ฉันว่าจากนี้เรื่องทำขนมฉันอาจจะไม่ค่อยมีเวลาทำแล้วล่ะ”

ฟ้าณดาเกริ่นขึ้น นัทธมลก็เงยหน้าจากจานข้าวมันไก่ของตัวเอง ขยับแว่นหนาเตอะให้เข้าที่อีกครั้ง “อื้อ ฉันเองก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน”

ตอนช่วงก่อนคลอด เพจขนมของฟ้าณดาเริ่มจะร้างเพราะเธอลุกขึ้นมาทำไม่ไหว ท้องที่มีเด็กผู้ชายอยู่ในนั้นถึงสองคนทั้งใหญ่และหนักจนทำให้ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างเธอใช้ชีวิตลำบากขึ้นมากทีเดียว

แล้วใช่ว่าเมื่อคลอดเสร็จทุกอย่างจะกลับคืนสู่สภาวะปกติได้ เพราะร่างกายของคนเราต้องการการปรับสภาพอีกนานหลายเดือน ยิ่งฟ้าณดาต้องเตรียมรับมือกับการดูแลลูกแบบเหนื่อยคูณสองด้วยแล้ว ยิ่งไม่ต้องเดาให้ยากเลยว่าจะเหนื่อยขนาดไหน

“เอาอย่างนี้ไหมฟ้า ถ้าแกว่างก็ค่อยเปิดรอบให้ลูกค้ามาสั่งขนมอีก แต่กำหนดเวลาไว้ ถ้าใครสั่งไม่ทันก็รอรอบถัดไปเอา”

ไอเดียของนัทธมลนับว่าดีจริง ๆ ฟ้าณดาเองก็เห็นด้วย เพราะเธอจะได้มีเวลาเลี้ยงลูกเต็มที่ ไม่ต้องเหนื่อยลุกขึ้นมาทำขนมตลอดเหมือนเมื่อก่อน

แต่มันติดอยู่อย่างเดียว...

“ถ้าฉันไม่หารายได้เสริม แล้วลูกจะกินอะไรล่ะแนท”

น้ำเสียงของฟ้าณดาดูเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด เพราะเธอรู้ว่าลำพังรายได้จากการรับจ้างเป็นฟรีแลนซ์ออกแบบเสื้อผ้าให้ star entertainment มันไม่พอสำหรับเลี้ยงดูลูกในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้แน่นอน

“ค่านม ค่าผ้าอ้อมไม่ใช่ถูก ๆ เลย” ยิ่งพูดฟ้าณดาก็ยิ่งมีสีหน้าสลด เธอเริ่มคำนวณค่าใช้จ่ายในหัวกับเงินเก็บที่มีอยู่ตอนนี้ อย่างมากที่สุดก็คงยื้ออยู่ได้อีกครึ่งปีเท่านั้น

นัทธมลเองก็เครียดไม่ต่างกัน เพราะกลัวว่าสถานการณ์ของเพื่อนจะเข้าขั้นวิกฤตในสักวัน

การเลี้ยงลูกเป็นเรื่องยากถ้าสภาพการเงินไม่พร้อม เพราะเด็กต้องเติบโตขึ้นทุกวัน ภาระที่คนเป็นแม่ต้องแบกรับต่อจากนี้จึงเรียกว่าหนักหนาสาหัส ยิ่งมีลูกแฝดก็คูณสองเข้าไปเลย

“เอาอย่างนี้ เดี๋ยวฉันไปคิดมาให้ มันต้องมีสักทางสิ”

นัทธมลรับปาก ก่อนจะเริ่มเปิดแล็ปท็อปขึ้นมาอีกครั้ง

ไม่ใช่อะไรหรอก เธอตั้งใจจะตัดคลิปต่อให้เสร็จก่อนนั่นแหละ เพราะนัทธมลจะหัวโล่งตามปริมาณงานในมือ เธอเชื่อว่าถ้าจัดการอะไรไม่เสร็จ ไอเดียดี ๆ ก็จะไม่เกิดขึ้นมา

คืนนั้น หลังจากที่ตัดคลิปเสร็จตอนตีสาม ฟ้าณดาหลับไปเรียบร้อยแล้ว นัทธมลก็เกิดหิวขึ้นมาเลยเดินลงไปยังร้านสะดวกซื้อซึ่งอยู่ข้างตึกผู้ป่วย

ระหว่างที่หยิบของที่อยากกินอยู่นั้น เดินไปเดินมาหญิงสาวก็ไปสะดุดตากับผ้าอ้อมยี่ห้อหนึ่งที่มีขายเป็นห่อเล็ก ๆ ในร้าน

เด็กทารกที่เป็นพรีเซ็นเตอร์หน้าตาน่ารักใช้ได้ เป็นเด็กผู้ชายที่รู้เลยว่าโตมาต้องหล่อเหมือนดาราหรือไม่ก็นายแบบชาวจีนแน่ ๆ

แล้วทำไมไม่หาพรีเซ็นเตอร์เด็กฝรั่งบ้างล่ะ...?

เมื่อความคิดนี้เกิดขึ้นแล้ว เธอก็เบิกตากว้างทันที ก่อนจะรีบหยิบโทรศัพท์มือถือมากดโทรออกไปหาใครคนหนึ่ง

“เจ๊~ ว่างไหมอะ?”

เมื่อคนปลายสายกดรับแล้ว นัทธมลก็กรอกน้ำเสียงสดใสลงไปทันที

[ไม่ว่างค่ะอีเวร กูจะนอน!]

“อุ้ย.. ขอโทษค่ะเจ๊ หนูลืมไปว่านี่ตีสามแล้ว”

นั่นสินะ เวลานี้ใครมันจะมารับสายเธอ ถ้าไม่ใช่เจ๊จีจี้ หญิงสาวในร่างกะเทยบึกบึนคนนี้

“หนูขอเวลาแป๊บนะเจ๊ มีเรื่องอยากให้ช่วย”

[มีอะไรก็ว่ามา จีจี้ต้องนอนนะคะ ถ้าตื่นมาหน้าเหี่ยวฉันเล่นงานหล่อนแน่แม่ชะนีน้อย]

จีจี้ว่าเล่น นัทธมลก็ขำเสียงดังก่อนพูดธุระ “เจ๊ช่วยหางานให้เพื่อนหนูหน่อยสิ นางพึ่งคลอดลูกแล้วไม่มีค่านมค่าผ้าอ้อม”

[ใช่เพื่อนที่เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวป้ะ?]

“ใช่ค่ะเจ๊ คนนั้นแหละ ชื่อยัยฟ้า”

ช่องของนัทธมลดังมาก ทำให้เธอมีคนรู้จักเยอะ จนตอนนี้คนก็รู้จักฟ้าณดาเยอะตามไปด้วย

[เออ ๆ ไว้เจ๊ดูให้ละกัน ของแค่นี้จีจี้จัดให้ได้อยู่แล้ว]

“ขอบคุณค่ะเจ๊ กราบงาม ๆ เลย”

[เปลี่ยนจากกราบเป็นปล่อยเจ๊ไปนอนค่ะ]

ว่าเสร็จจีจี้ก็ตัดสายไปเลย แต่ก็ทำให้นัทธมลโล่งใจขึ้นมาก

เท่านี้ฟ้าณดากับลูกแฝดก็มีทางรอดแล้วล่ะ

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ