ตอนที่ 5. คนรู้จัก

งานเลี้ยงนี่เริ่มจะดำเนินยืดเยื้อเกินไปหรือเปล่า..?

นั่นคือความคิดของอีธาน เมื่อมองไปทางไหนก็เจอแต่เรื่องน่าเบื่อ แม้ว่าความจริงบรรยากาศรอบตัวเขาจะดูครึกครื้นมากก็ตาม

“โนอา ต่อจากนี้มีขั้นตอนอะไรสำคัญอีกไหม?”

ชายหนุ่มหันไปถามเลขาที่ยืนเยื้องไปทางด้านหลังไม่มาก โนอาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดูตารางก่อนตอบ “ไม่มีครับ”

“งั้นฉันกลับล่ะ”

“แต่คุณจะไม่อยู่กล่าวอะไรกับพวกพนักงานสาขาที่ไทยหน่อยเหรอ? รองหัวหน้าแผนกดีไซน์ฝั่งนั้นก็อยู่ในงานนี้นะ”

รองหัวหน้าแผนกดีไซน์..ถ้าจำไม่ผิดจะชื่อ ‘ศรัณย์’ สินะ

อีธานครุ่นคิด ก่อนจะหันไปสั่งโนอาอย่างไม่ค่อยใส่ใจ “ฝากนายไปคุยกับเขาแล้วกัน ฉันจะกลับก่อน”เดิมทีอีธานไม่ได้สนใจงานเล็ก ๆ น้อย ๆ พวกนี้ อีกอย่างรองหัวหน้าแผนกอย่างศรัณย์นั่นเขาก็ไม่ได้มีความจำเป็นต้องพบเป็นการส่วนตัวด้วย ว่าง่าย ๆ คือขี้เกียจให้คนอื่นมาเข้าหาแล้วก็ประจบเสียจนน้ำลายแห้งนั่นแหละ

อีธานเป็นคนขี้รำคาญมาแต่ไหนแต่ไร เรื่องไหนเขาคิดว่าไม่สำคัญหรือไม่จำเป็นก็ให้โนอาจัดการให้ทั้งหมด

โนอาที่เป็นเลขามาตั้งแต่เรียนจบก็ชินนิสัยนี้เสียแล้ว เพราะความจริงเขาเป็นเพื่อนกับอีธานมาตั้งแต่สมัยเด็ก พ่อแม่ของโนอาก็ทำงานให้โอลิเวอร์และศลิษา พ่อแม่ของอีธานมาตลอดเช่นกัน

“เข้าใจแล้วครับ”

หลังรับคำสั่งแล้วโนอาก็ปลีกตัวออกไป ส่วนอีธานก็เตรียมเดินออกจากงาน

“ไม่ได้เจอกันนาน ทำไมรีบกลับจังเลยคะ”

ทว่าเท้าของชายหนุ่มกลับต้องหยุดชะงัก เมื่อได้ยินเสียงทักทายของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นด้านหลัง

“คาเมเลีย? คุณก็มาด้วยเหรอ?”

หญิงสาวผู้มีชื่อว่า ‘คาเมเลีย’ คนนี้คือหนึ่งในหุ้นส่วนของบริษัท star entertainment แต่เธอไม่ได้เป็นหุ้นส่วนรายใหญ่อะไรหรอก เพียงอาศัยว่ารู้จักอีธานตั้งแต่สมัยเรียน ก็เลยขอเขาถือหุ้นเพียงไม่กี่เปอร์เซ็นต์ ไว้กินเงินปันผลเล็กน้อยเท่านั้น

น่าแปลกที่เธอสนใจมางานเลี้ยงของพนักงานด้วย ทั้งที่หุ้นส่วนรายใหญ่หรือฝ่ายบริหารคนอื่นไม่ได้อยากจะมาด้วยซ้ำ

“ฉันมาเพราะคิดว่าจะต้องได้เจอคุณแน่ ๆ น่ะ” คาเมเลียกล่าวกลั้วหัวเราะเบาๆ “ตั้งแต่คุณขึ้นรับตำแหน่งประธาน เราก็แทบไม่ได้เจอกันเลย”

ฟังอย่างนั้นอีธานก็เริ่มครุ่นคิด แม้สีหน้ายังนิ่งอยู่

ที่ผ่านมา เวลาคนมีเรื่องอยากคุยกับเขาก็มักไม่พ้นขอร้องอะไรสักอย่าง โดยมากเป็นเงินทอง ซึ่งเป็นผลประโยชน์ที่ได้เร็วและง่ายที่สุด

แต่คาเมเลียคนที่เขารู้จักมาตั้งแต่สมัยเรียนจะขอร้องเรื่องเงินเหรอ?... เธอก็ดูไม่ได้เดือดร้อนอะไรนี่

เพราะความไว้ใจ ไม่ได้คิดอะไรมาก อีธานจึงสลัดความคิดในทางลบออกไป “งั้นเราไปหามุมสงบ ๆ นั่งคุยกันสักหน่อยก็ได้”

“คุณนี่ยังไม่ชอบที่เสียงดังเหมือนเดิมเลยสินะ”

เธอขำเบา ๆ พูดเหมือนรู้จักเขาเสียทุกด้านอย่างนั้น

แต่ช่างเถอะ เรื่องเท่านี้จะถือสาทำไมกัน

“เชิญ” ชายหนุ่มผายมือก่อนจะเดินเคียงข้างไปกับหญิงสาวคนนั้น ออกจากห้องจัดเลี้ยงอันคึกคักไปยังมุมโซฟาหรูไม่ห่างจากล็อบบี้มากนัก

“ขอไวน์ขาวสองแก้วสิ”

เมื่อนั่งลงแล้ว บริกรผู้รู้หน้าที่ก็เดินเข้ามาหา หวังรอรับใช้ลูกค้าพิเศษอย่างอีธานและคาเมเลีย ซึ่งเธอก็สั่งไวน์รสชาติดียี่ห้อแพงที่มั่นใจว่าถูกปากอีกฝ่ายแน่นอน

อย่างที่บอกว่าเธอรู้จักเขามานาน เรื่องเท่านี้ย่อมรู้ดีอยู่แล้ว

เมื่อบริกรเดินจากไปแล้ว หญิงสาวจึงหันมาประสานมือเท้าคาง มีรอยยิ้มมอบให้ฝ่ายตรงข้าม

“แล้วช่วงนี้งานคุณเป็นยังไงบ้าง?”

“ก็เรื่อย ๆ นะ ส่วนใหญ่ผมแค่เป็นธุระให้พ่อแม่ ส่วนเรื่องการตัดสินใจในธุรกิจ ผมยังไม่มีอำนาจทุกส่วน”

อีธานตอบอย่างถ่อมตัวและยังดูคล้ายตั้งใจปัดความรับผิดชอบนิด ๆ ด้วย ตามนิสัยเดิมของเขาที่ไม่ชอบให้ใครเข้ามาวุ่นวายด้วยมากนั่นแหละ

ก็ถ้าหากคนรู้ว่าเขาถือกรรมสิทธิ์ มีอำนาจในส่วนไหนบ้าง คนก็จะยิ่งอยากวิ่งเข้ามาหาเขาเพิ่มขึ้นอีก มีแต่เรื่องน่าปวดหัวรออยู่ทั้งนั้น

“คุณนี่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะ”

แต่มีหรือที่คาเมเลียจะรู้ไม่ทัน คำตอบที่เขาว่าออกมานั่นเรียกว่าทำลายความมั่นใจของเธอไม่ได้เลยสักนิด

“ว่าแต่ ที่คุณบอกว่ามีเรื่องอยากคุยกับผมนี่มันเรื่องอะไรเหรอ?” อีธานเริ่มเข้าเรื่องเลย

“อ้อ.. ฉันว่าอยากจะเปิดบริษัทขึ้นมาน่ะ ก็นะ..ตอนนี้ฉันอายุสามสิบแล้ว ยังไม่มีธุรกิจอะไรเป็นของตัวเองเลย พ่อกับแม่ก็พูดแต่ว่าอยากให้แต่งงาน แต่ฉันรู้สึกว่าชีวิตยังไม่มั่นคงมากพอ”

“อืม.. เข้าใจล่ะ”

ชายหนุ่มไม่ใช่คนเข้าใจอะไรยาก เพียงเธอเอ่ยปากว่าอยากเปิดบริษัท เขาก็รู้เลยว่าคำต่อไปจะต้องเป็นประโยคขอร้องให้เขาเอาเงินมาร่วมลงทุนด้วยแน่นอน

“คุณอยากเป็นหุ้นส่วนบริษัทฉันไหม?”

เป็นอย่างที่คิดจริง ๆ

“แล้วคุณจะเปิดบริษัทอะไร?” แน่นอนว่าอีธานจำเป็นต้องถาม ก่อนจะตอบตกลงหรือปฏิเสธ

“เป็น..” คำพูดของคาเมเลียหยุดไว้เท่านั้น เมื่อบริกรชายเดินกลับมาพร้อมไวน์ขาวสองแก้วและชุดอาหารเล็ก ๆ ที่รสชาติเข้ากัน

“สมกับเป็นโรงแรมของที่บ้านคุณ อาหารรสชาติดีไม่มีเกรดตกจริง ๆ”

คาเมเลียเอ่ยปากชมเมื่อดื่มไวน์เข้าไปหนึ่งจิบ ดวงตาของเธอเปล่งประกายแพรวพราวราวกับห่างหายจากการดื่มมาแสนนาน

อีธานก็คิดว่าคงต้องพักเรื่องเครียดลงหน่อย อีกทั้งอยู่กับคนรู้จัก เขาสามารถทำตัวผ่อนคลายได้อยู่บ้าง จึงยกแก้วไวน์ขึ้นจิบตาม

ก็เป็นอย่างที่คาเมเลียบอก โรงแรมหรูแห่งนี้เป็นอีกหนึ่งในกิจการใหญ่ยักษ์ของครอบครัวฮาเวนฟอร์ดซึ่งแน่นอนว่าตอนนี้ตัวอีธานเป็นประธานสูงสุด

“อืม.. รสชาติดีจริง ๆ”

เขาเองก็ยังต้องเอ่ยปากชม ไม่เสียแรงที่ให้คนเข้ามาตรวจสอบคุณภาพอาหารและการจัดการห้องพักทุก ๆ สามเดือน

ตัวอีธานเป็นคนเข้มงวด หากเรื่องไหนที่เกี่ยวกับงาน แม้แต่รายละเอียดเล็กน้อยเขาก็ปล่อยผ่านไม่ได้เด็ดขาด คนที่ทำงานกับเขาจึงต้องมีคุณภาพมากเป็นพิเศษ และต้องเก่งสมกับที่เขาจ่ายเงินเดือนแสนแพงให้ด้วย

“แล้วเรื่องบริษัทที่ว่าน่ะ เป็นธุรกิจอะไรเหรอ ขอรายละเอียดเพิ่มหน่อยสิ”

เมื่อรู้สึกว่าอารมณ์ดีขึ้น อีธานก็ถามต่อ มีรอยยิ้มนิด ๆ ที่มุมปาก ซึ่งหญิงสาวฝั่งตรงข้ามมองแล้วถึงกับเหม่อไปหลายวินาทีกว่าจะมีสติขึ้นมาได้

“ฉันว่าจะทำแบรนด์เครื่องประดับของตัวเองน่ะ”

“อืม.. น่าสนใจ”

ถ้าเป็นธุรกิจที่น่าจะเอามาเกี่ยวข้องกับ star entertainment ได้มันก็นับว่าคุ้มค่าที่จะลงทุนอยู่

อีธานยกแก้วขึ้นดื่มอีกจิบ ก่อนจะชะงักเมื่อได้ยินคำถามต่อมาของคาเมเลีย

“ว่าแต่ปีนี้คุณก็สามสิบแล้ว พ่อกับแม่คุณเคยเปรย ๆ เรื่องแต่งงาน หรือเรื่องหาลูกสะใภ้บ้างไหม”

แววตาของเธอเก็บความอยากรู้อยากเห็นไว้ไม่มิด แต่เมื่อรู้ตัวว่าถูกชายหนุ่มจ้องอย่างสงสัยก็กลายเป็นกล่าวกลั้วหัวเราะอีกหน

“ขอโทษที ๆ ฉันไม่ตั้งใจละลาบละล้วง แค่อยากรู้ว่ามีแต่พ่อแม่ของฉันหรือเปล่าที่เร่งเร้าจะให้หาคู่ชีวิตให้ได้”

ก็แล้วไป..

ทีแรกอีธานรู้สึกหวาดเสียวกับคำถามนั้นไม่น้อย เพราะที่ผ่านมาไม่ใช่ว่าไม่เคยมีผู้หญิงเข้าหาเขา ซึ่งเขาก็ทำแค่คบเล่นๆ ควงแก้เบื่อไปเรื่อย ไม่ได้คิดจริงจังกับใคร

แล้วคำถามแบบนี้ก็มักจะถูกส่งมาจากผู้หญิงทุกคนที่เขาเคยควง เลยไม่ได้คิดว่าจะมาได้ยินจากปากคาเมเลีย คนที่รู้จักกันมานานหลายปี

“คุณพ่อคุณแม่ก็มีพูดบ้างว่าอยากอุ้มหลานเร็ว ๆ แต่ฉันว่าคงอีกนานกว่าจะลงหลักปักฐาน”

เขาสนุกกับชีวิตที่เป็นอยู่ตอนนี้ บวกกับไม่เจอผู้หญิงที่ถูกใจเลยสักคน

คาเมเลียฟังอย่างนั้นก็เพียงพยักหน้าตอบรับเบา ๆ “ฉันเข้าใจคุณนะ”

เข้าใจ..แต่ไม่รับปากว่าอยากจะใช้ชีวิตโสดต่อไปเรื่อย ๆ เหมือนกัน

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ