ร่างของหานว่านอี้ถูกดันให้เอนลงบนฟูกนุ่มอย่างเบาแรงก่อนที่ชุยเทียนหนิงจะทาบทับกายตามลงมา สองมือหนาโอบประคองร่างบอบบางของสตรีอันเป็นที่รักไว้อย่างทะนุถนอม
“ข้ารักเจ้านะว่านอี้” ชุยเทียนหนิงกล่าวก่อนจะจุมพิตลงบนหน้าผากมนของภรรยา
“ข้าก็รักท่านเจ้าค่ะ”
สองสายตาสบกันพลันริมฝีปากก็ประกบเข้าหาอีกฝ่ายราวกับมีแรงดึงดูดที่เชื่อมชุยเทียนหนิงกับหานว่านอี้เอาไว้ ไร้ซึ่งประโยคเอื้อนเอ่ยใด ๆ ต่อ ฝ่ายสามีก็เริ่มประโคมฝ่ามือลูบไล้เนื้อนวลอย่างถวิลหา
“อื้ออ ท่านพี่ หากท่านสัมผัสข้าเช่นนี้ล่ะก็...” เสียงหวานครางเครือพร้อมบิดเร่ากาย อาภารณ์ค่อย ๆ ถูกปลดเปลื้องออกทีละชิ้นจนร่างขาวนวลเปลือยเปล่าในที่สุด
“ข้าจะสัมผัสเจ้าให้มากกว่านี้อีกฮูหยินของข้า เตรียมใจเอาไว้ได้เลย” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏบนใบหน้าของบุรุษหนุ่ม
ริมฝีปากประกบเข้าหากันอีกครา สองร่างเปลือยเปล่าแนบชิด ก่อนที่ชุยเทียนหนิงจะรั้งเรียวขาของภรรยาผู้เป็นที่รักขึ้นพาดบ่า เม็ดบัวตูมเด่นสง่าล่อตาล่อใจจนร่างกำยำอดไม่ได้ที่จะแวะเชยชมมันสักหน่อย
สองนิ้วที่ว่างก็ทำหน้าที่ชำแรกผ่านกลีบดอกไม้สีชมพูที่กำลังปิดสนิทเข้าไปเพื่อเป็นการเตรียมพร้อมให้แก่ภรรยา เพื่อที่นางจะได้รับตัวตนของเขาเข้าไปแบบไม่เจ็บมาก
“อื้มม”
ชุยเทียนหนิงทำเช่นนั้นอยู่ไม่นานนักธารน้ำสีใสก็เริ่มหล่อลื่นเคลือบนิ้วทั้งสองของเขาจนเมื่อมั่นใจว่านางพร้อมแล้ว ร่างสูงจึงเริ่มสอดใส่แก่นกายของตนเองเข้าไปภายในช่องทางที่คับแคบ
“อ่าา ฮูหยิน เจ้ายังคงคับแน่นอยู่ทุกคราที่ข้าได้สัมผัส” เสียงแหบพร่ากระซิบชิดริมหูของนางพร้อมกับขบกัดเบา ๆ ทำเอาขนอ่อนที่ต้นคอของหานว่านอี้ลุกชันด้วยความเสียวซ่าน
แม้จะผ่านไปหลายปีแต่การมีสัมพันธ์ทางกายกับหานว่านอี้ก็ยังคงน่าตื่นเต้นและสดใหม่ดั่งคราแรกที่ได้ร่วมรักกันอยู่เสมอ ดวงหน้าหวานแสดงสีหน้าน่าชังออกมาทำเอาชุยเทียนหนิงอยากจะกลั่นแกล้งนางให้ดิ้นพล่านอยู่ภายใต้อาณัติของตน แต่เขาก็ยังคงพยายามขยับอย่างอ่อนโยนเพื่อให้นางได้ปรับตัว
“มะ ไม่ต้องเป็นห่วงข้า เร็วกว่านี้อีกท่านพี่ อ๊าา” เสียงหวานเอ่ยร้องขอ เป็นนางเองเสียด้วยซ้ำที่ขยับร่อนเอวเข้าสู้กับสามี
ทุก ๆ การขยับเคลื่อนท่อนเนื้อพองใหญ่ก็ครูดกับผนังอ่อนนุ่ม เสริมสร้างความเสียวกระสันได้ไม่น้อย ซ้ำส่วนปลายยังย้ำโดนจุดไวสัมผัสของนางจนหานว่านอี้น้ำตาคลอ
ห้วงเวลาแห่งกามารมณ์ดำเนินไปอย่างเชื่องช้า เสียงครางหวิวสลับกับเสียงของร่างกายช่วงล่างที่กระทบกันดังเคล้าคลอไปกับเสียงลั่นเอี๊ยดอ๊าด ของเตียง
“อ่าา อี้เอ๋อร์ เจ้าอยากได้ลูกสาวหรือลูกชาย” จู่ ๆ ชุยเทียนหนิงก็เอ่ยถามออกมาเช่นนั้นทั้งที่เขาเองก็ยังเคลื่อนกายเข้าออกไม่หยุด
“อ๊ะ! อ๊าา! ถามทำไมตอนนี้เล่าเจ้าคะ อ๊ะ ไม่ว่าหญิงหรือชายไหนข้าก็รักทั้งนั้น” เสียงหวานตอบกระท่อนกระแท่น แรงจากสะโพกสอบที่โหมลงมาหานางนั้นทำเอาศีรษะนางโยกคลอน
“เช่นนั้นข้าทำให้เจ้าทั้งคู่เลยดีหรือไม่ คนแรกเป็นหญิงก่อนน่าจะดีมิใช่น้อย อาา”
เมื่อใกล้ถึงขอบฝั่งฝันเอวหนาก็ขยับถี่รัวขึ้นก่อนจะปลดปล่อยธารน้ำกามจนล้นทะลักช่องทางของหานว่านอี้
“แฮ่ก...ข้าขออีกรอบได้หรือไม่” ผู้เป็นสามีเอ่ยถามทั้งที่ตนเองยังหอบอยู่เสียด้วยซ้ำ
“พะ...พอแล้ว เดี๋ยว! ท่านพี่!”
ยังไม่ทันที่นางจะได้เอ่ยอะไรต่อ สามีผู้แสนขยันก็เริ่มกิจกรรมกามด้วยเพลิงราคะที่โชติช่วงอีกครั้ง
หลายเดือนต่อมา
“นี่มันก็หลายเดือนแล้วนะท่านพี่ ท่านคิดจะจับข้ากินทุกคราที่หลังแตะฟูกหัวแตะหมอนเลยหรือไร” หานว่านอี้บ่น
หลายเดือนมานี้นางแทบจะไม่ได้หลับไม่ได้นอนเนื่องจากสามีตัวดีของนางเอาแต่ทำการบ้านไม่หยุดหย่อน ที่น่าแปลกใจไปกว่านั้นก็คือแม้จะร่วมหลับนอนกันมากเพียงใดนางก็ยังไม่ตั้งครรภ์เสียทีจนยามนี้สตรีร่างบางเริ่มจะทนไม่ไหว
“หากเป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ดีแน่ ข้าคงเพลียจนตายเสียก่อน ไปกันเถอะ ข้าจะพาท่านไปโรงหมอในเมือง” นางเอ่ยกับผู้เป็นสามีก่อนที่จะฉุดเขาให้เดินตาม
“มีเหตุใดต้องไปโรงหมอด้วย ข้าว่าข้าก็ยังมีสมรรถภาพที่แข็งแรงดีอยู่นะ”
“ข้าเชื่อเรื่องนั้น แต่นอกจากเรื่องสมรรถภาพแล้วอาจจะมีเรื่องอื่นก็ได้ที่ไม่ดี ทั้งท่านและข้า ไปเถอะ”
ว่าจบนางก็ไม่รีรอพาชุยเทียนหนิงออกจากเรือนไปในทันที
“ท่านหมอ! ท่านหมอเจ้าคะ ข้าขอรบกวนหน่อย” เสียงหวานเอ่ยเรียกหมอวัยชราเจ้าของโรงหมอหลักประจำเมือง
“อ้าว ว่านอี้ เทียนหนิง พวกเจ้ามีเรื่องอันใดหรือ”
“วันนี้ผู้คนมากันเยอะหรือไม่เจ้าคะ ข้าอยากตรวจร่างกายเสียหน่อย” หานว่านอี้ถาม
“ยังไม่มีใครมาเลย พวกเจ้าเข้ามาก่อนสิ” ท่านหมอชราเอ่ยพร้อมกับเบี่ยงกายให้สองสามีภรรยาเข้าไปด้านใน
หลังจากนั้นก็ใช้เวลาอยู่ไม่นานในการตรวจร่างกายทั้งนางและชุยเทียนหนิง แพทย์ชรามีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาถนัดตา ทำเอาหานว่านอี้เริ่มใจไม่ดี
“เป็นยังไงบ้างเจ้าคะท่านหมอ” นางถาม
“ร่างกายของพวกเจ้าทั้งสองคนแข็งแรงสมบูรณ์ดี”
“แล้วใยจึงทำหน้าเช่นนั้นเล่าขอรับท่านหมอ” ชุยเทียนหนิงไม่เข้าใจ
“มันมีปัญหาอยู่จุดหนึ่งน่ะสิ ข้ากลัวว่าพวกเจ้าจะรับไม่ได้”
“....”
“บอกมาเถอะเจ้าค่ะ ยังไงข้าก็มาตรวจให้ละเอียดเพราะอยากรู้อยู่แล้ว”
“คือว่านะ...ข้าคิดว่าสามีของเจ้าไม่สามารถมีบุตรได้ตลอดชีวิต” เมื่อหมอชราเอ่ยออกมาทั้งสองสามีภรรยาก็พลันเงียบไปในทันที
“วะ…ว่ายังไงนะขอรับ ข้า...”
“อืม เจ้านั่นแหละเทียนหนิง เจ้าเป็นหมัน ข้าเสียใจด้วยนะ”
สีหน้าของชุยเทียนหนิงนั้นราวกับโลกใบนี้กำลังจะถล่มทลายลงเลยก็ว่าได้ บุรุษหนุ่มรู้สึกเคว้งคว้าง ศีรษะหมุนติ้วไปหมด เขาน่ะหรือเป็นหมัน ชุยเทียนหนิงไม่เคยรู้มาก่อนเลย เพราะตลอดชีวิตที่ผ่านมาเขาก็ไม่เคยคิดจะทำลูกกับใครนอกจากหานว่านอี้
ความรู้สึกผิดประเดประดังเข้ามาในจิตใจ คิดว่าบางทีตนเองอาจจะทำให้หานว่านอี้รู้สึกผิดหวังก็ได้ เพราะนางนั้นก็อยากจะมีลูกอีกสักคนสองคนเช่นกัน
“ท่านพี่ ท่านอย่าคิดมากไปเลย ยังไงเราก็มีเจียหาวกับเจียอีอยู่แล้ว ใยต้องกังวลเช่นนั้นด้วย”
“เจ้าไม่โกรธข้าหรือว่านอี้”
“ข้าจะโกรธท่านไปทำไมกัน ถึงแม้ว่าเราจะมีลูกเพิ่มไม่ได้แต่ก็ใช่ว่าเราจะมีความสุขไม่ได้นี่ ขอแค่ข้ามีท่าน เจียหาว แล้วก็เจียอี รวมทั้งแม่นมจี้เหมยกับถงถง เพียงแค่นี้ข้าก็มีความสุขที่สุดในโลกแล้ว”
นางกอดปลอบสามีพร้อมทั้งเอ่ยประโยคที่ทำเอาชุยเทียนหนิงเกือบร่ำไห้ในความซาบซึ้งใจ ความสุขที่ไม่อาจเอื้อมถึงได้กลับได้มาแล้วจากสตรีเพียงนางเดียวก็คือหานว่านอี้ หากไม่มีนาง ชุยเทียนหนิงคงสัมผัสคำว่ารักแท้และความสุขที่สุดได้อย่างยากเย็นกว่านี้นัก
“ขอบคุณนะอี้เอ๋อร์ ข้ารักเจ้านะ”
“ข้าก็รักท่านเทียนหนิง เรากลับเรือนกันเถอะ ลูก ๆ คงรอกินข้าวแล้ว” นางเอ่ยก่อนจะหันไปร่ำลาท่านหมอชราที่ยืนมองหนุ่มสาวเขารักกันยิ้ม ๆ “ข้าขอลานะเจ้าคะ ขอบคุณท่านมากที่สละเวลามาไขความกระจ่างให้”
“กลับกันดี ๆ ล่ะ”
“ขอรับท่านหมอ”
หลังจากนั้นชุยเทียนหนิงและหานว่านอี้ก็เดินกลับเรือนด้วยกันอย่างมีความสุข รอยยิ้มของทั้งคู่ประดับใบหน้าท่ามกลางลมอ่อน ๆ ของต้นฤดูหนาวที่กำลังจะเข้ามา
และแม้ว่าชุยเทียนหนิงกับหานว่านอี้จะไม่สามารถมีบุตรด้วยกันได้อีก แต่กระนั้นบุรุษหนุ่มผู้คลั่งไคล้ในตัวภรรยาอย่างชุยเทียนหนิงก็ยังคงทำให้หานว่านอี้อ่อนเพลียอยู่ได้ทุกค่ำคืน
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?