ตอนที่ 3. อดีตที่ิไม่อาจลืมเลือน

“อานเมิ่งเหยา! นับตั้งนี้เป็นต้นไปเราจบกัน” ประโยคที่ผู้เป็นสามีเอ่ยออกมาทำให้หญิงสาวในวัยสามสิบกว่าแทบจะเข่าทรุดลงไปกองกับพื้น

“นั่นมันไม่ใช่ทางออกที่ดีเลยนะ...” อานเมิ่งเหยาไม่เข้าใจ ทำไมถึงต้องให้มันเป็นเรื่องใหญ่โตขนาดนี้ด้วย

“ดีสิ ในเมื่อเธอมีลูกให้ฉันไม่ได้เธอก็หมดประโยชน์ เพราะนั่นเป็นอย่างเดียวที่ผู้หญิงแบบเธอจะทำได้ไง!!” สามีของอานเมิ่งเหยาตะคอกใส่หน้าของผู้เป็นภรรยา

“ถะ…ถ้างั้นเราก็หารับเลี้ยงเด็กสักคนก็ได้นี่ ทำไมคุณถึงต้องยึดติดขนาดนั้นด้วย” หญิงสาวละล่ำละลักเอ่ย เธอพยายามที่จะอธิบายให้สามีเข้าใจถึงปัญหาของตนเอง แต่อีกฝ่ายนั้นก็ไม่คิดจะฟังอะไรเลย

“มันไม่เหมือนกันเมิ่งเหยา เซ็นซะ แล้วก็ไสหัวไปได้แล้ว! ฉันไม่อยากเห็นหน้าของเธออีก” ใบหย่าถูกโยนลงมาตรงหน้าของอานเมิ่งเหยาอย่างไร้เยื่อใย

“นี่คุณเตรียมพร้อมขนาดนี้เลยเหรอ? ฉันไม่คิดเลยว่าคุณจะตัดกันได้ง่ายขนาดนี้เพียงเพราะฉันท้องไม่ได้ คุณคิดว่าฉันไม่อยากมีลูกรึไง!” หญิงสาวตะโกนกลับ ใบหน้าของเธอนองไปด้วยหยาดน้ำตา

อันที่จริงเธออยากมีลูกใจแทบขาด ลูกของตัวเองที่อุ้มท้องและเลี้ยงดูฟูมฟักมากับมือ เธอเองก็อยากจะเป็นแม่คนเหมือนกัน แต่เพราะอุบัติเหตุรถยนต์พลิกคว่ำที่เกิดขึ้นกับอานเมิ่งเหยานั้น ทำให้เธอไม่สามารถมีลูกได้ตลอดชีวิต เรื่องแบบนี้ไม่มีใครอยากให้มันเกิดขึ้น ยิ่งเป็นเธอที่ต้องทนทุกข์และเจ็บปวดอยู่ในโรงพยาบาลราวกับตกนรกนานนับหลายเดือน แล้วทำไมล่ะ...ทำไมเมื่อเธอฟื้นขึ้นมามีเรี่ยวมีแรง สามารถกลับมาใช้ชีวิตดั่งคนปกติได้แล้วสามีของเธอถึงได้คิดจะผลักไสเธอไป

โลกนี้ช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย อานเมิ่งเหยาได้แต่คิดตัดพ้อโชคชะตาเฮงซวยที่ทำให้เธอต้องมาเจอกับเรื่องงี่เง่านี่ มันไม่มีประโยชน์อะไรเลยที่เธอจะต้องมาโดนแบบนี้ ทุกคนล้วนเจ็บปวดกับเรื่องที่เกิดขึ้น ทำไมสามีของเธอถึงไม่คิดเห็นใจกันบ้างสักนิด

“เธอมองว่ามันเป็นเรื่องแค่นี้งั้นเหรอ!? เรื่องแค่นี้เนี่ยนะ! เธอก็รู้ว่าพ่อแม่ของฉันและญาติ ๆ ทุกคนรอข่าวดีว่าจะได้อุ้มหลานในเร็ววันขนาดไหน แต่เธอกลับประมาทเลินเล่อขับรถออกไปให้มันคว่ำจนต้องเป็นแบบนี้ เธอทำตัวเองนะเมิ่งเหยา” สามีของอานเมิ่งเหยาเอ่ย

“ยิ่งไปกว่านั้น ในยุคข้าวยากหมากแพงแบบนี้ครอบครัวยิ่งต้องการทายาทสืบสกุล โตมาจะได้ช่วยกันทำงานและดูแลเราตอนแก่ แต่เธอเมิ่งเหยา ทั้งหมดมันเป็นเพราะเธอ! ที่ทำให้ความฝันและความคาดหวังของพ่อแม่ฉันต้องพังทลาย”

“แต่ที่ฉันรู้มา คุณกำลังมีผู้หญิงคนใหม่ไม่ใช่หรือไง ในตอนที่ฉันต้องพักรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลคุณก็มีคนใหม่แล้ว มันไม่ยุติธรรมที่จะมาโยนความผิดนี้ให้กับฉันนะ” อานเมิ่งเหยาโต้กลับอีกฝ่ายไปด้วยน้ำเสียงที่ดังไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน

“เหอะ! ใครว่าไม่ใช่ความผิดของเธอ มันคือความผิดของเธอเต็ม ๆ เมิ่งเหยา”

ทุกถ้อยคำที่อีกฝ่ายกล่าวมาล้วนเป็นการโยนภาระมาให้อานเมิ่งเหยาแต่เพียงผู้เดียว แค่เธอต้องประสบอุบัติเหตุมันก็ย่ำแย่มากพอแล้วจริง ๆ แต่เขากลับเห็นแก่ตัว คิดแค่ว่าต้องได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการ ทั้งที่ถ้าเธอท้องขึ้นมาคนอุ้มท้องก็ต้องเป็นเธอ คนเลี้ยงลูกก็ต้องเป็นเธอ ทุก ๆ อย่างล้วนไม่พ้นอานเมิ่งเหยาเอง

ชีวิตนี้เธอไม่คิดเลยว่าจะต้องเกิดมาเพื่อแบกรับทุกอย่างของผู้เป็นสามีแบบนี้ หากรู้ตั้งแต่แรก อานเมิ่งเหยาคงไม่แต่งงานกับเขา ผู้ชายที่ทั้งไร้น้ำยา ไร้ความเป็นผู้นำ แถมยังไร้ความรับผิดชอบ

“ได้! ถ้าคุณพูดขนาดนั้นแล้วฉันก็จะหย่าให้ แต่คุณช่วยจำไว้ข้อนึงนะ ชีวิตนี้คุณจะไม่มีทางได้สิ่งที่คุณตามหาหรอก ถ้าคุณยังเห็นแก่ตัวเอาแต่ได้อยู่แบบนี้ เอาไปซะ นี่ใบหย่าที่คุณต้องการ และหวังว่าเราจะไม่ได้เจอกันอีกตลอดชีวิต!”

อานเมิ่งเหยาเซ็นใบหย่าให้อดีตสามีของตน เธอโยนกระดาษที่มีลายเซ็นของตนเองไปให้อีกฝ่ายก่อนจะขึ้นห้องนอนไปเก็บสัมภาระของตนเอง เธอไม่ได้มีข้าวของอะไรมากนักจึงไม่จำเป็นต้องเก็บนาน และนั่นก็เป็นโชคดีของอานเมิ่งเหยา เพราะเธอไม่อยากจะอยู่ที่นี่ต่ออีกแม้แต่สักวินาทีเดียว

อานเมิ่งเหยาหิ้วกระเป๋าใบเดียวออกจากบ้านที่เป็นดั่งขุมนรกนั่น กะว่าจะเดินออกไปเรียกรถแท็กซี่เพื่อเดินทางกลับบ้านเกิด แต่ไม่คิดว่าจะมีรถเบรกแตกพุ่งเข้ามาหาร่างของเธอ อานเมิ่งเหยาตกใจจนไม่สามารถเปล่งเสียงใด ๆ ออกมาได้ รู้เพียงว่าความเจ็บปวดที่ได้รับจากการกระแทกมันเจ็บจนไม่สามารถประคองสติตนเองได้อีกต่อไป

ไม่น่าเชื่อว่าอานเมิ่งเหยาจะมีรถยนต์เป็นเจ้ากรรมนายเวร เพราะนอกจากจะทำให้ตนเองเกือบตายจนไม่สามารถตั้งท้องได้แล้ว รถยนต์ยังทำให้ตนเองตกตายจริง ๆ อีกด้วย

ชุยเทียนหนิงตั้งใจขับรถม้าด้วยความระมัดระวังเพราะทราบจากบทสนทนาของชายขับรถม้าคนชั่วนั้นว่าหญิงตรงหน้ากำลังตั้งครรภ์ แต่อาการของนางก็น่าเป็นห่วงไม่น้อยจึงจะรอช้าไม่ได้เช่นกัน ผ่านไปหนึ่งชั่วยามชุยเทียนหนิงก็มาถึงเมืองผู้จิ้น เขารีบขับรถม้าตรงไปยังโรงหมอทันที

“ท่านหมอ นางถูกคนทำร้ายมาและนางยังตั้งครรภ์ด้วยขอรับ” ชุยเทียนหนิงเอ่ยแจ้งกับหมอหลังจากที่วางร่างของหานว่านอี้ลงบนเตียงแล้ว

“ได้ ๆ เจ้าออกไปก่อน ข้าจะดูแลนางอย่างดี” ท่านหมอชราคนหนึ่งเอ่ยไล่ชุยเทียนหนิงให้ออกไป พลางหันไปลงมือตรวจร่างกายคนไข้หญิงที่นอนแน่นิ่งบนเตียงต่อไป ชุยเทียนหนิงเห็นว่าคนไข้ถึงมือหมอแล้วจึงได้เดินออกไปนั่งรออยู่ตรงโถงที่ทางโรงหมอจัดไว้ให้กับญาติคนไข้

รอไม่ถึงสองเค่อท่านหมอชราก็เดินออกมา

“ท่านหมอ นางเป็นเช่นไรบ้าง” ชุยเทียนหนิงลุกขึ้นยืน ท่านหมอจึงเดินมายังชายหนุ่มตรงหน้าแล้วเอ่ยว่า

“นางปลอดภัยแล้ว ปล่อยให้นางนอนพักที่โรงหมอสักคืน พรุ่งนี้ถ้าฟื้นแล้วค่อยเดินทางต่อไป ส่วนลูกในท้องเป็นปกติดี เจ้าไม่ต้องเป็นกังวล ถ้าเจ้าต้องการอยู่ดูแลนางก็ไปติดต่อตรงด้านหน้าเพื่อหาห้องพัก แต่ถ้าจะปล่อยนางไว้ก็ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะโรงหมอของข้ามีคนดูแลตลอดเวลา”

ท่านหมอชราแจ้งอาการของคนไข้เสร็จเรียบร้อยแล้วจึงได้ขอตัวกลับไปทำงาน ชุยเทียนหนิงจึงได้ตัดสินใจว่าจะพักที่โรงหมอ เพราะอย่างน้อยก็ได้ช่วยมาแล้วจึงต้องช่วยให้ถึงที่สุด

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ