ตอนที่ 12. ความเปลี่ยนแปลง

เรื่องที่ฟ้าณดาตั้งท้องกลายเป็นข่าวใหญ่ในแผนก ทุกคนต่างก็ช็อกที่ได้ยิน

มันเป็นเพราะพวกเขาต่างก็รู้จักนิสัยของฟ้าณดา ว่าเธอเป็นคนเรียบร้อย อ่อนหวาน แทบไม่รู้จักสู้คน ออกจะรักสงบด้วยซ้ำ เพราะอย่างนั้นเมื่อทุกคนรู้ว่าเธอโดนผู้ชายที่ไหนไม่รู้ที่อังกฤษข่มขืน แล้วก็ต้องปกปิดไว้เพราะความกลัว เลยทำให้เกิดความสงสารเข้าไปใหญ่

“ฟ้า วันนี้โอเคไหม?”

นั่นเป็นคำถามจากณิชา เมื่อฟ้าณดามาถึงที่ทำงาน ซึ่งเธอถามอย่างนี้ทุกเช้า และฟ้าณดาก็จะตอบมาเพียงรอยยิ้มบาง

“ฉันยังโอเค แกไม่ต้องเป็นห่วงหรอกชา”

“ไม่เป็นห่วงได้ไงล่ะ ฉันได้ยินว่าผู้หญิงเราเวลาท้องทีหนึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ” ณิชามีสีหน้าจริงจัง และเธอก็จะย้ำเหมือนเดิมทุกวัน “มีอะไรบอกฉันนะ ฉันจะช่วยแกเอง”

ฟ้าณดามองแววตาของเพื่อนก็เข้าใจ ส่วนหนึ่งคงเพราะณิชารู้สึกผิดที่เธอไม่ได้ดูแลเพื่อนให้ดี จนต้องไปเจอเรื่องเลวร้ายในวันสุดท้ายก่อนกลับไทย

“ขอบคุณนะชา”

ความจริงเรื่องนี้ณิชาไม่ได้ผิดอะไรเลย มันก็เหมือนอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นโดยไม่มีใครคาดฝัน ฟ้าณดาจึงไม่เคยโทษใคร กลับกันคือเธอซาบซึ้งมากกว่าด้วยซ้ำ

“ว่าแต่วันนี้แกเอาอะไรมากินเป็นมื้อกลางวันเหรอ?” ณิชาถามพลางยื่นกระเป๋าข้าวกล่องมาให้ “แกอยากกินกับฉันไหม ฉันทำข้าวมาตั้งสองกล่อง”

ณิชาคงเห็นว่าทุกวันฟ้าณดาจะยุ่งกับงานจนแทบไม่ปลีกตัวไปพัก พอใกล้หมดเวลานั่นแหละถึงลงไปหาซื้อแค่ขนมปังกับนมกินพอประทังไปจนถึงเย็น ซึ่งสำหรับเพื่อนแล้วมองว่ามันน้อยเกินไป ยิ่งตอนนี้ท้องอยู่ก็ยิ่งต้องเสริมโภชนาการ

“ไม่เป็นไรหรอกชา ไม่ต้องลำบากขนาดนี้...”

“ใครว่าฉันลำบากล่ะ ฉันอยากทำต่างหาก” ว่าแล้วณิชาก็หยิบข้าวกล่องทั้งสองใบออกมานำเสนอ “เมื่อเช้าฉันเลือกไม่ได้ เพราะอยากกินทั้งข้าวผัดกุ้ง แล้วก็กะเพราไก่ไข่ดาวแบบไม่เผ็ด สุดท้ายก็เลยทำมันทั้งสองอย่าง...แต่ถ้ากินคนเดียวคงไม่หมดแน่”

คราวนี้ณิชามีการส่งสายตาอ้อนวอนเล็กน้อยมาทางฟ้าณดา สุดท้ายเธอก็ต้องส่ายหน้าเบา ๆ “งั้นฉันช่วยกินก็ได้”

“ฟ้าน่ารักที่สุด!”

ฟ้าณดารู้หรอก นี่เป็นกลยุทธ์ที่ณิชาจะใช้เพื่อช่วยดูแลเรื่องอาหารการกินของเธอ

“งั้นเอาไว้พรุ่งนี้ฉันทำข้าวมาสองกล่องบ้างดีไหม?” ฟ้าณดาเสนอ ณิชาก็ต้องรีบปฏิเสธ “ฉันจะให้คนท้องมาดูแลฉันได้ไงล่ะ ไหนแกจะต้องทำขนมขายอีก”

ตอนนี้ร้านของฟ้าณดาเริ่มจะเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาแล้ว ด้วยความช่วยเหลือจากนัทธมล และลูกค้ารายแรก ๆ ก็หนีไม่พ้นรุ่นพี่และเพื่อนที่ทำงานนี่แหละ

ทุกคนพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือฟ้าณดาจากความสงสารอย่างที่นัทธมลคาดเอาไว้ไม่มีผิด

เว้นก็แต่รองหัวหน้าแผนกอย่างศรัณย์ที่พอรู้เรื่องนี้แล้ว ก็กลายเป็นว่าเขาตีตัวออกห่างจากฟ้าณดาอย่างเห็นได้ชัด

อย่างวันนี้ พอเดินเข้ามาในแผนกแล้วได้เจอหน้ากัน ชายหนุ่มก็ทำเพียงยิ้มทักทายเท่านั้น ไม่ได้เข้ามาทำท่าเหมือนอยากดูแลอย่างเมื่อก่อน แล้วบางครั้งยังทำเป็นเย็นชาใส่ด้วย เดาว่าเขาคงรู้สึกแย่ที่เธอตั้งท้องกับหนุ่มอังกฤษละมั้ง

ซึ่งแน่นอนว่าการกระทำที่เปลี่ยนไปของเขาทำให้ณิชาสังเกตได้ และแอบรู้สึกหมั่นไส้อยู่ลึก ๆ

“ไอ้พี่หน้าหม้อนั่น เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังตีนเลยนะ”

ณิชาแอบก่นด่า แววตาของเธอที่มองตามหลังศรัณย์บ่งบอกว่าไม่สบอารมณ์สุด ๆ ซึ่งฟ้าณดาก็ต้องคอยเตือนสติเพื่อนไว้

“ช่างเถอะชา มันก็ไม่ผิดที่พี่ศรัณย์จะเปลี่ยนไป” เธอลูบแขนเพื่อนพลางบอก หวังให้อีกฝ่ายใจเย็นลง “อีกอย่าง เป็นฉันเองที่เมื่อก่อนไม่รับน้ำใจจากเขา มาตอนนี้ถ้าจะอยากให้เขาทำดีด้วยเหมือนเดิมมันก็แปลกแล้วล่ะ”

“แต่เขาควรจะสงสารแกบ้าง แล้วก็สำนึกด้วยว่าที่แกต้องเจอเรื่องแย่ ๆ ส่วนหนึ่งก็เพราะการดูแลหละหลวมของเขาเอง”

“การดูแลอะไรล่ะชา ทั้งฉันทั้งเขาโตแล้วนะ แล้วสถานะก็เป็นพนักงานบริษัท เป็นแค่เพื่อนร่วมงาน ไม่ใช่ผู้ปกครองสักหน่อย ทำไมเขาจะต้องมาดูแลฉันด้วยล่ะ”

ถึงไม่ได้รู้สึกดีกับศรัณย์ แต่ฟ้าณดาไม่เคยคิดโทษเขาเลย เพราะแม้ว่าศรัณย์จะมาคุยกับเธอน้อยลง แต่เขาก็ไม่ได้ถึงขั้นทำท่ารังเกียจหรือด่าทอให้เธอเจ็บใจสักหน่อย

เขาย่อมรู้สึกเสียใจ ด้วยความที่ตอนแรกตั้งใจจะจีบฟ้าณดา แต่ดันโดนใครก็ไม่รู้ตัดหน้าไปนั่นแหละ

“ว่าไงจ๊ะน้องฟ้า ช่วงนี้ขนมขายดีรึเปล่า?”

เสียงใครบางคนดังขึ้นขัดจังหวะระหว่างที่ฟ้าณดากำลังคุยกับณิชา ให้เธอทั้งคู่หันไปมองพร้อมกัน

เป็นรัศมี รุ่นพี่หน้าสวยที่เอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้ม

แต่รอยยิ้มนี้ ดูยังไงก็ไม่มีความจริงใจอยู่เลย...

“ก็เหมือนเดิมค่ะพี่ลูกหมี พึ่งจะเปิดร้าน ลูกค้ายังไม่เยอะเท่าไรค่ะ” ฟ้าณดายิ้มตอบอย่างสุภาพ

“อืม.. พี่เข้าใจนะ นอกจากร้านจะพึ่งเปิดแล้วยังต้องรอให้ลูกค้ารู้สึกสงสารที่เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวอีก ถึงจะกดสั่งขนมได้ ถ้าเขาไม่สงสารก็ขายยากหน่อย”

คำพูดของเธอ ฟังอย่างไรก็รู้ว่าตั้งใจดูถูกฟ้าณดา นั่นทำให้ณิชาทนไม่ได้ เธอต้องลุกขึ้นปกป้องเพื่อนทันที

“ลูกหมี งานเธอเสร็จเหรอ ถึงมาคุยเรื่องส่วนตัวเอาตอนนี้”

แต่ก่อนที่ณิชาจะได้ว่าอะไรออกไป เสียงของหัวหน้าแผนกก็ดังขึ้นเสียก่อน ทำให้รัศมีแอบหันไปมองด้วยหางตา ซึ่งอรอุมาก็สู้กลับด้วยสีหน้าเคร่งขรึมไม่แพ้กัน

“เธอชอบบอกให้รุ่นน้องทำงานให้เต็มเวลาเองไม่ใช่เหรอ ตัวเองต้องเป็นตัวอย่างที่ดีด้วยสิ อย่าดีแต่พูด”

โดนเข้าไปอีกดอก รัศมีก็ต้องมีอึ้งไป ก่อนจะทำปั้นปึ่งเดินกระแทกเท้าเสียงตึงตังกลับไปที่โต๊ะของตัวเอง

แล้วอรอุมาก็จะทำทีเข้ามาตรวจงานการออกแบบของฟ้าณดากับณิชา ความจริงคือเธอเพียงตั้งใจเข้ามากระซิบเตือน

“ยัยชา เราไม่ต้องไปเสียเวลาตบตีกับรุ่นพี่เลย ยังไงก็ไม่ชนะ”

“แต่พี่เขาว่าเพื่อนชานี่คะ” ณิชาไม่ยอม

“คนมันมีปาก อยากพูดอะไรมันก็พูดได้ทั้งนั้น เราอยู่เฉย ๆ ไปเถอะ เดี๋ยวไม่โต้ตอบมาก ๆ เข้าเรื่องมันก็จบเอง”

ถึงตัวอรอุมาจะสอนแบบนั้นก็เถอะ แต่เมื่อครู่เป็นเธอเองไม่ใช่เหรอที่ออกโรงปกป้องฟ้าณดา

ณิชาอยากเถียง แต่สุดท้ายก็ไม่พูด แล้วยังรู้สึกขอบคุณที่หัวหน้าแผนกของเธอใจกว้างขนาดนี้

แต่หลังจากนี้ เรื่องราวมันคงไม่ง่ายเหมือนเดิมแล้วล่ะ.. เพราะรัศมีไม่ค่อยจะยอม เหมือนเธอมีไฟอิจฉาสุมอยู่ในใจมาตั้งแต่ต้น เมื่อเห็นว่ารุ่นน้องล้มก็พร้อมซ้ำเติมทุกเมื่อ

ที่สำคัญคือ ระยะหลัง ๆ มา ฟ้าณดาเริ่มจะมาทำงานไม่ไหว เธอมีอาการแพ้ท้องรุนแรง และการทำงานก็ล่าช้าลงมาก ต้องเข้าโรงพยาบาลเป็นว่าเล่นเลยทีเดียว รัศมีก็เลยยิ่งจับจ้องเป็นพิเศษ ยังแอบเอาไปนินทาว่าร้ายลับหลังอีก

ในที่สุด อรอุมาก็คุยกับฟ้าณดา เธอมองว่าถ้าหากมาที่บริษัทบ่อย ๆ นอกจากฟ้าณดาจะต้องเสียเงินค่าเดินทางแล้ว ยังมีเรื่องความไม่สะดวกสบายหลาย ๆ อย่าง จึงตัดสินใจยื่นเรื่องไปทางฝ่ายบริหาร ต้องการจ้างฟ้าณดาไว้เป็นฟรีแลนซ์ที่ส่งแบบมาให้บริษัท คือให้เธอทำงานแบบ work from home แทนที่จะมาที่นี่เต็มตัว

ด้วยความเสียดายฝีมือ ทางผู้บริหารจึงตกลงให้ฟ้าณดาทำงานแบบ work from home ตามที่อรอุมายื่นขอไป

เมื่อมีคำสั่งลงมาแล้ว ฟ้าณดาก็เตรียมเก็บข้าวของ ซึ่งรุ่นพี่และเพื่อนร่วมงานก็คุยกันว่าจะไปเยี่ยมหาที่หอพักบ่อย ๆ แน่นอน โดยเฉพาะณิชาที่มาช่วยเก็บของยันวันสุดท้าย เพราะไม่อยากให้คนท้องต้องขนของหนักเพียงลำพัง

ความใจดีนี้ แน่นอนว่าฟ้าณดาจะไม่มีทางลืมเลย

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ