ตอนที่ 11. เต็มใจช่วย

หลังจากซื้อที่ตรวจครรภ์มาและพบว่ามันให้ผลเหมือนกันเป็นขีดสีแดงสองขีด วันต่อมาซึ่งเป็นสุดสัปดาห์พอดี นัทธมลก็พาฟ้าณดาไปฝากครรภ์ที่โรงพยาบาล

ท่าทางของคนที่กำลังจะเป็นคุณแม่นั้น...ดูไม่มีความสุขเลยสักนิด

“ฟ้า..”

นัทธมลเรียก ทว่าไม่มีคำพูดใดต่อจากนั้น

ของแบบนี้ต้องใช้เวลา คำปลอบใจที่นัทธมลมีก็ได้พูดออกไปหมดแล้ว ที่เหลือคงขึ้นอยู่กับตัวฟ้าณดาเองเท่านั้น

สองเพื่อนรักนั่งจับมือกันเอาไว้ สีหน้าของพวกเธอไม่ต่างกันเท่าไร เป็นอย่างนี้ตั้งแต่ตอนอยู่ที่โรงพยาบาลจนกระทั่งถึงหอพักของฟ้าณดา

ระหว่างนั้น นัทธมลก็คิดว่าเธอจะหาทางช่วยเพื่อนอย่างไร ความจริงเธอเป็นคนรวย จะให้เพื่อนยืมเงินใช้ก่อนช่วงที่ยังลำบากก็ได้ แต่เพราะฟ้าณดาไม่อยากรบกวนถึงได้ไม่เอ่ยขอ

ฉะนั้น..ทางเดียวที่จะช่วยได้ก็คือต้องคิดวิธีหาเงินให้เพื่อน

“แกว่าถ้าฉันทำขนมขายจะดีไหมแนท” ฟ้าณดาครุ่นคิด เธอว่าจะลงทุนเปิดร้านขนมแบบที่ไม่ต้องมีหน้าร้าน แต่เน้นเป็นการขายออนไลน์เอา

“ตอนท้องแก่ แกจะทำไหวแน่นะฟ้า” นัทธมลรู้ว่าฟ้าณดามีความสามารถหลายด้าน เธอทำอาหารเก่ง ขนมก็เช่นกัน เพียงแต่เธอกลัวว่าถ้าฟ้าณดาต้องทำทั้งงานประจำ ทำทั้งร้านขายขนมเพื่อหาเลี้ยงชีพ อาจจะเหนื่อยสายตัวแทบขาด ไหนจะต้องอุ้มท้องอีก

“ก็คงมีแต่ต้องทำให้ไหว” ฟ้าณดาตอบสีหน้าสลด

เธอไม่เคยตั้งท้อง ไม่รู้หรอกว่าต่อจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น และเธอจะทำงานไหวไหม แต่ถ้าไม่สู้ก็มีแต่ความลำบากที่รออยู่เท่านั้น เธอยอมไม่ได้หรอก

อีกอย่าง...ตอนนี้เธอไม่ได้อยู่ตัวคนเดียวแล้วด้วย ในท้องที่ยังไม่ทันโตนี่มีชีวิตน้อย ๆ รอที่จะเกิดมาดูโลกอยู่ เธอไม่อยากให้ลูกต้องลำบากในอนาคต ตอนนี้ทำอะไรได้ก็ขอทำไปก่อน

เมื่อฟ้าณดาตั้งใจไว้อย่างนั้น นัทธมลก็เอาใจช่วยเต็มที่ เธอเริ่มตั้งแต่ช่วยกันวางแผนว่าจะขายอะไร โปรโมตร้านอย่างไร ก่อนที่ไอเดียดี ๆ จะผุดขึ้นมาในหัวนัทธมล

“ฟ้า ฉันนึกออกแล้ว แกเปิดเพจร้านขนมของคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวดีไหม?”

ฟังอย่างนั้นฟ้าณดาก็ต้องขมวดคิ้ว “จะดีเหรอ?...ฉันอยากให้คนมาซื้อขนมเพราะมันอร่อยมากกว่า”

“ดีสิ!” นัทธมลตาเป็นประกาย “ตอนนี้แกคือคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ต้องทำงานพิเศษหาเงินเพื่อเลี้ยงลูกที่กำลังจะเกิดมา ถ้าทำเพจแบบนี้ทีแรกคนอาจจะเข้ามาซื้อเพราะสงสารแกก่อน แต่พอกินแล้วรู้สึกว่าขนมของแกมันอร่อย ลูกค้าก็จะติดใจกันเองแหละ”

นัทธมลเป็นอินฟลูเอ็นเซอร์ชื่อดัง เธอมีหัวคิดเรื่องทำคอนเทนต์อยู่แล้ว แม้ต้องยอมรับว่าใช้ความสงสารเพื่อล่อลูกค้าและทำให้คนรู้จัก แต่มันก็เป็นวิธีที่จะทำให้ชีวิตของเพื่อนอยู่รอดต่อไปได้

“เดี๋ยวฉันช่วยคิดเรื่องโปรโมตเอง แกมีหน้าที่ทำขนมแล้วก็ทำตัวให้สวย ๆ เข้าไว้ เป็นแม่ค้าขนมที่เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ใครจะไม่อยากอุดหนุนล่ะ”

“แต่จะมีใครว่าฉันเอาลูกมาหากินตั้งแต่อยู่ในท้องไหม?”

ฟ้าณดาเป็นคนขี้กังวล อีกทั้งเธอกลัวว่าคนจะพากันเกลียดจนกลายเป็นว่าทำให้ไม่มีใครมาอุดหนุนของที่เธอทำขายหรือเปล่า

แต่แน่นอนว่านัทธมลไม่คิดอย่างนั้น

“แกเชื่อฉันนะ คนที่จะเกลียดแกเพราะความอิจฉาหรืออะไรก็ตามแต่ มันมีอยู่แล้ว ซึ่งเราก็ไม่ต้องไปสนใจ ช่างหัวมันปะไร” เธอว่าพลางจับไหล่เพื่อนเอาไว้ เขย่าเบา ๆ ให้มั่นใจ “เราไม่ผิดที่ต้องทำมาหากิน และตอนนี้ก็ใช้ความอาภัพของชีวิตแกให้มันเป็นประโยชน์ซะเลย ไหน ๆ โชคชะตาก็อุตส่าห์ให้แกมาแบบเกินขีดจำกัดคนทั่วไปขนาดนี้แล้ว”

ที่เธอว่ามันก็ไม่ผิด ชีวิตของฟ้าณดาราวกับว่าตอนเกิดพระเจ้าจงใจทำให้ชีวิตของเธออาภัพ ต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากเป็นพิเศษอย่างนั้น

“โลกออนไลน์สมัยนี้คนเห็นอกเห็นใจคนที่อาภัพเยอะแยะไป ดังนั้นขอให้แกวางใจ และอย่าปิดบังเรื่องที่ท้อง ไม่ต้องอายใครทั้งนั้น เข้าใจไหมฟ้า”

“อะ..อื้อ”

ฟ้าณดาตอบรับไป แม้ท่าทางของเธอจะยังดูไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ก็ตาม

ถ้าเทียบกัน นัทธมลเหมือนเป็นเจ้าแม่โลกโซเชียล ซึ่งต่างจากเธอที่เป็นเพียงคนธรรมดา หนำซ้ำคือแม้แต่แอคเคาท์ส่วนตัวเธอยังแทบจะไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลยด้วยซ้ำ เพราะวัน ๆ เอาแต่ทำงาน นาน ๆ ทีจะได้ไปเที่ยวถ่ายรูปกับเขาสักที

แต่ต่อจากนี้ฟ้าณดาต้องลุกขึ้นมาเปลี่ยนตัวเองใหม่ เธอจะมามัวนั่งเศร้าและหวาดกลัวต่อไปอีกไม่ได้ เพราะเธอไม่ได้ตัวคนเดียว แต่ยังมีลูกในท้องต้องดูแลอยู่อีกทั้งคน

คิดแล้วเธอก็น้ำตาคลอเบ้า ไม่ใช่เพราะความรู้สึกในทางลบหรอก แต่เป็นเพราะความซาบซึ้งที่ได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนรักอย่างนัทธมลต่างหาก

“ขอบคุณนะแนท”

เธอโผเข้ากอดเพื่อนรัก ซึ่งนัทธมลก็จะกอดปลอบ ให้ความอบอุ่นแผ่ไปถึงหัวใจ “ฉันเพื่อนแกนะ ถ้าไม่ช่วยก็แย่เกินไปแล้ว”

นิสัยอย่างหนึ่งที่สองคนนี้เหมือนกันก็คือพวกเธอยึดมั่นในมิตรภาพมาก ฟ้าณดาเป็นคนเพื่อนน้อย ในชีวิตนี้เธอไว้ใจคนเพียงไม่กี่คน ส่วนนัทธมลแม้ตอนนี้เธอจะมีคนรู้จักมากมาย ต้องเข้าสังคมกับคนที่ทำอาชีพเดียวกัน แต่เธอก็นึกถึงฟ้าณดาเป็นคนแรกเสมอ เรียกว่าเป็นเพื่อนแท้เพียงหนึ่งเดียวเลยก็ว่าได้

หลังจากที่วางแผนการเอาชีวิตรอดในอนาคตกันเรียบร้อยแล้ว ฟ้าณดาก็คิดว่าต้องเตรียมตัวรับมือกับการแพ้ท้องต่อจากนี้ และดูแลครรภ์ให้ดีที่สุด

ซึ่งเรื่องนี้นอกจากจะเสิร์ชหาเอาจากอินเทอร์เน็ตแล้ว เธอคิดว่าไปถามผู้มีประสบการณ์น่าจะดีกว่า อย่างน้อยเวลาเจอเรื่องอะไรจะได้ตั้งตัวทัน

คนมีประสบการณ์ แถมยังเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวเพียงคนเดียวที่ฟ้าณดารู้จักก็คืออรอุมา หัวหน้าแผนกสุดใจดีของเธอนั่นเอง

สุดท้ายฟ้าณดาก็ตัดสินใจไปเล่าให้อรอุมาฟังในวันจันทร์ที่ต้องไปทำงานแต่เช้า โชคดีที่อรอุมามีเวลาพักอยู่หลายนาที

และหลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด อรอุมาก็มีสีหน้าตกใจปนสลดทันที

“ฟ้ารู้ไหมว่าไอ้สารเลวคนนั้นมันเป็นใคร”

เธอถามน้ำเสียงกดต่ำด้วยความโกรธที่มีต่อผู้ชายคนนั้น ซึ่งฟ้าณดาก็ได้เพียงส่ายหน้า “ไม่รู้เลยค่ะพี่อร”

“แล้วตาศรัณย์ไปไหน!? ทำไมไม่มาดูแลเราเลย ปล่อยให้ไปเจอคนแบบนั้นได้ยังไง!?”

อรอุมาเริ่มของขึ้น เธอคิดว่าเรื่องนี้ต้องมีคนรับผิดชอบ นอกจากผู้ชายที่ข่มเหงรังแกฟ้าณดาแล้ว ศรัณย์เองเป็นคนที่เธอฝากฝังให้ดูแลลูกน้องในทีม ก็ถือว่าละเลยหน้าที่ไปด้วยเช่นกัน

“เรื่องนี้พี่ศรัณย์ไม่ผิดหรอกค่ะพี่อร เป็นฟ้าเองที่โง่..แล้วก็มัวแต่กลัวจนไม่กล้าบอกใคร”

“อย่าโทษตัวเองสิฟ้า” อรอุมาเข้ามากอดเธอไว้ “ฟ้าตกเป็นเหยื่อในเรื่องนี้นะ ตกอยู่ในสภาวะแบบนั้นเป็นใครก็ต้องกลัว สิ่งที่ควรทำคือเราต้องหาคนผิดมารับโทษ”

น่าเสียดายที่คนผิดที่ว่านั่นเป็นใครก็ไม่รู้ ยังอยู่ไกลถึงประเทศอังกฤษ ทั้งฟ้าณดาและอรอุมาจนปัญญาที่จะตามหา

“ฟ้าไม่รู้จะทำยังไงดีเลยค่ะพี่”

“ไม่ต้องห่วงหรอกฟ้า พี่จะยื่นเรื่องไปทางเบื้องบน ให้เขาช่วยเราอีกที”

“แต่ฟ้าเป็นแค่พนักงานตัวเล็ก ๆ เองนะคะ”

“จะอะไรก็ช่าง นี่มันชีวิตเธอทั้งคนนะฟ้า” อรอุมามีสีหน้าจริงจัง ทำให้อีกฝ่ายมั่นใจมากขึ้น “แล้วจากนี้ มีอะไรก็ปรึกษาพี่ได้ทุกเรื่อง พี่พร้อมช่วยเสมอ”

ฟังอย่างนี้ ฟ้าณดาก็ต้องเผลอปล่อยน้ำตาออกมาเลยทีเดียว

ที่บอกว่าเธออาภัพ ความจริงมันก็เป็นอย่างนั้น แต่ก็ยังนับว่าโชคดีที่คนรอบตัวใจดีกับเธอขนาดนี้

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ