“ลุงหม่ารู้จักแพนด้าไหมคะ” มู่ซีเอ่ยถามหม่าเค่อขึ้นมาเมื่อได้รับอนุญาตให้ทำอาหารได้
“อะไรคือแพนด้า นังหนูซีซี” พ่อครัวหม่าถามกลับทันที เพราะเขาไม่รู้จักแม้แต่น้อย
“อ้อ ลืมไปค่ะ ต้องบอกว่าสงเมา ลุงหม่าเคยเห็นหรือได้ยินมาบ้างไหมคะ” มู่ซีเรียกคำใหม่
“ลุงไม่เคยเห็นหรอก แต่เคยได้ยินเรื่องเล่ามาว่ามันตัวสีดำกับขาว เหมือนหมีตัวใหญ่มาก”
“ใช่ค่ะ ลุงหม่าไปทำผัดผักรวมมิตรมานะคะ ไม่ต้องเยอะ ใส่แคร์รอต ถั่วฝักยาว เห็ดเข็มทอง หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่หมูสับเล็กน้อย เพิ่มพริกหวานชิงเจียวลงไปหน่อยให้มีสีสัน
ส่วนแม่จ๋าเอาข้าวมา เดี๋ยวซีซีจะบอกว่าต้องปั้นอย่างไร ขอสาหร่ายแห้งด้วยนะคะ” มู่ซีเอ่ยบอกพ่อครัวหม่าและแม่บุญธรรมของเธออย่างคล่องแคล่ว
พ่อครัวหม่ารีบไปจัดการตั้งกระทะทำผัดผักรวมมิตรตามที่เด็กหญิงบอก ส่วนหลี่เยว่หรานก็ไปจัดการจานข้าว พร้อมกับหาสาหร่ายแผ่น มาวางไว้บนโต๊ะสำหรับเตรียมวัตถุดิบกลางห้องครัว ส่วนมู่เซียนกับยายหลี่ยืนชมความวุ่นวายอยู่เงียบ ๆ เพราะรู้ตัวว่าช่วยอะไรไม่ได้
“แม่จ๋าปั้นข้าวออกเป็นส่วนหัว ส่วนแขนสองข้าง กับส่วนขาอีกสองข้าง หน้าเจ้าสงเมาแม่จ๋าต้องปั้นให้เป็นรูปวงกลมทำแบน ๆ แล้วตรงส่วนนี้ปั้นให้นูนขึ้นมาหน่อยสำหรับทำเป็นปาก” มู่ซีเอ่ยอธิบายพร้อมกับชี้ไปยังข้าวที่หลี่เยว่หรานกำลังปั้น พร้อมกับบอกว่าต้องหนักตรงไหน เพิ่มตรงไหน สุดท้ายก็ได้หน้าเจ้าสงเมามาตามความพอใจของมู่ซี
“แม่จ๋า เอาสาหร่ายหรือเม็ดงาติดตรงนี้ทำเป็นตา จมูกและปาก ส่วนแขนปั้นข้าวให้เล็กกว่าขา แล้วเอาสาหร่ายมาห่อไว้”
“น่ารักมากซีซี” หลี่เยว่หรานอุทานออกมาเมื่อเห็นหน้าสงเมาเริ่มเป็นรูปร่างขึ้น ก่อนจะถามออกไปด้วยความสงสัย
“แล้วเจ้าสงเมาน้อยไม่มีตัวหรือ”
“มีสิคะแม่จ๋า แต่ว่าเราจะใช้ผัดผักรวมมิตรเป็นตัวของเจ้าสงเมาน้อยแทนค่ะ ลุงหม่าผัดผักรวมมิตรได้หรือยังคะ” มู่ซีตอบหลี่เยว่หรานแล้วหันไปตะโกนถามพ่อครัวหม่าที่ยืนหลังหันผัดให้อยู่
“ได้แล้ว เท่านี้พอไหม” พ่อครัวหม่ายกกระทะเข้ามายังโต๊ะกลางที่สองแม่ลูกจัดการปั้นข้าวอยู่
“ลุงหม่ามีจานแบน ๆ กว้าง สีขาว ขนาดเท่านี้ไหมคะ” มู่ซีเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับทำมือตามขนาดที่เธอคิดว่าเหมาะสม
“มี ๆ เดี๋ยวฉันไปดูเอง” เถ้าแก่หนงได้ยินรีบอาสาไปหยิบจานมาให้ เพราะว่าพ่อครัวของร้านยังถือกระทะอยู่ไม่สะดวก
“นี่ได้ไหม” เถ้าแก่หนงชูจานใบเล็กสีขาวไม่มีลวดลายมาให้
“เยี่ยมเลยค่ะ ลุงเถ้าแก่ ลุงหม่าตักผัดผักรวมมิตรลงไว้บนจานเลยค่ะ พยายามให้อยู่ตรงกลางและไม่ต้องมากนะคะ”
“พอไหมแค่นี้” พ่อครัวหม่าเอ่ยถามหลังจากตักผัดผักลงไปบนจาน
“อีกนิดค่ะ สงเมาน้อยต้องอ้วนๆหน่อย”
เมื่อเห็นพ่อครัวหม่าตักผัดผักลงไปเพิ่มจนเป็นที่พอใจแล้ว มู่ซีจึงได้บอกให้หยุด
“แม่จ๋าต่อไปเอาส่วนหัววางลงตรงนี้ ส่วนขาและส่วนมือวางลงตรงนี้” มู่ซีชี้นิ้วไปยังตำแหน่งบนจานให้กับหลี่เยว่หรานได้วางส่วนต่าง ๆ ลงไป เมื่อหลี่เยว่หรานวางเสร็จเรียบร้อย มู่ซีจึงมองด้วยความภูมิใจ
“มันขาดอะไรไปสักอย่าง” มู่ซียกมือขึ้นจับที่คางทำท่าทางครุ่นคิดแล้วร้องอ้อออกมา
เดินไปดูตะกร้าผักเพื่อหาใบอ่อนของผักมาตกแต่งเจ้าสงเมาให้น่าทานยิ่งขึ้น เมื่อเจอแล้วก็นำมาเสียบบนบริเวณศีรษะสร้างสีสัน เด็กเล็กวัยนี้ไม่ชอบกินข้าวจึงต้องดึงดูดความสนใจ
“เรียบร้อยแล้ว เป็นอย่างไรบ้างคะ”
“มันน่ารักมาก ฉันไม่เคยเห็นการจัดจานแบบนี้มาก่อนเลย” เถ้าแก่หนงอุทานออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เป็นเจ้าของร้านอาหารมานานหลายปีบอกได้เลยว่าการจัดจานวันนี้พ่อครัวหม่าเทียบไม่ติด
“ใช่ ฉันทำอาหารมาตั้งนาน ยังไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้ มันเป็นอะไรที่ง่ายมาก ไม่นึกว่าจะทำออกมาได้สวยงามน่ารักขนาดนี้” พ่อครัวหม่าผู้ขึ้นชื่อเรื่องหลงใหลในอาหารยังอดที่จะเอ่ยชมไม่ได้
“ซีซี แล้วลูกไปรู้เรื่องแบบนี้มาจากไหน” หลี่เยว่หรานเอ่ยถามลูกสาวคนเล็กด้วยความสงสัย
มู่ซีเลยหน้าเสียไปทันที ลืมนึกถึงเรื่องนี้ไปเสียด้วย ทว่ามีเหรอคนยุค 2024 จะมาตกม้าตาย “แม่จ๋าอย่าเพิ่งถาม พวกเราเอาอาหารไปให้คุณชายน้อยลองชิมดูก่อนเถอะค่ะ”
“เดี๋ยว ฉันว่ามันต้องมีชื่อนะ” หลี่เยว่หรานร้องเรียกเถ้าแก่หนงไว้เมื่อเขากำลังถือจานเพื่อนำออกไปให้กับโต๊ะลูกค้าคนสำคัญ
“จริงด้วย นังหนูซีซีคิดว่าตั้งชื่อว่าอะไรดี” เถ้าแก่หนงหยุดฝีเท้าก่อนหันมาเอ่ยเห็นด้วย
“สงเมาขี้เซาค่ะ ลุงเถ้าแก่ใส่เรื่องราวไปหน่อย ว่าถ้าคุณชายน้อยได้กินสงเมาตัวนี้หมด เขาก็จะได้เป็นผู้พิทักษ์ที่สามารถปราบสงเมาได้ เขาจะกลายเป็นวีรบุรุษที่มีแต่คนยกย่อง แค่นี้คุณชายน้อยก็น่าจะรีบกินจนหมดแล้วค่ะ” มู่ซีขยิบตาให้กับเถ้าแก่หนงไปครั้งหนึ่ง ทำให้เถ้าแก่หนงถึงกับหัวเราะให้กับความเจ้าเล่ห์ของเด็กหญิงตัวน้อย
หลังจากที่เถ้าแก่หนงเดินออกจากห้องครัวไป หลี่เยว่หรานก็หันมาคาดคั้นเอาคำตอบจากลูกสาวตัวน้อยทันที คนในชนบทแค่มีอาหารได้กินก็ดีมากแล้ว แต่มู่ซีกลับสามารถคิดอะไรแบบนี้ได้
“ซีซี บอกแม่มาว่าลูกไปรู้เรื่องการทำอาหารแบบนี้ที่ไหน”
“นั่นสิ น้องไปเรียนการทำอาหารแบบนี้มาจากที่ไหน” มู่เซียนเมื่อเห็นว่าเถ้าแก่หนงเดินออกไปแล้ว จึงได้มาสมทบกับหลี่เยว่หรานอีกคน
‘แย่แล้วสิ ทำอย่างไรดีหรือเราคงต้องบอกความจริง เพราะเราก็คิดจะทำอาหารขายอยู่แล้ว ในอนาคตจะได้ไม่ต้องพูดกันให้มากความ’ มู่ซีนิ่งคิดก่อนตัดสินใจเล่าออกมาด้วยน้ำเสียงเบา
“พี่เซียนเซียน แม่จ๋า ยายจ๋า ตอนที่ฉันหัวแตก สลบไม่ได้สติ ฉันฝันว่าได้ไปที่ไหนสักแห่ง ได้ไปเรียนได้ไปเห็นในสิ่งพวกนี้ การทำอาหารของพวกเขาเป็นอะไรที่เหลือเชื่อมาก มันจำติดตามาตั้งแต่ตอนนั้นค่ะ” ระหว่างที่มู่ซีเอ่ยเล่าเธอก็ไขว้นิ้วไว้ทางด้านหลังด้วย เธอไม่ได้บอกเรื่องราวที่แท้จริงแต่ใช้วิธีแต่งเสริมเพื่อไม่ให้พวกเขาตกใจ
ทว่าคำบอกเล่าของมู่ซีนอกจากทุกคนจะไม่สงสัย กลับกลายเป็นว่าทำให้หลี่เยว่หรานถึงกับดึงมู่ซีเข้าไปกอดเอาไว้ มือก็ลูบหลังปลอบใจเสียยกใหญ่
“โธ่เอ๊ยซีซีน้อยลูกแม่ ไม่เป็นอะไรแล้วนะ ตอนนี้ลูกปลอดภัยแล้ว ไม่มีใครมาทำอะไรซีซีของแม่ได้แล้ว”
“ใช่ซีซีของยายมีสวรรค์คุ้มครอง”
“โธ่ซีซี ต่อไปพี่จะดูแลน้องให้ดีกว่านี้” มู่เซียนก็เข้าไปกอดน้องสาวเอาไว้อีกคน
มู่ซีถึงกับหน้าเหว่อ แต่ว่ามันก็เป็นเรื่องดีที่พวกเขาไม่ซักถามอะไรให้มาก เธอมีความตั้งใจว่าจะทำอาหารขาย หลังจากที่เดินผ่านหน้าโรงงานเหล่านั้น ก่อนจะมาถึงร้านอาหารฟางเจียนเว่ยแห่งนี้ ด้วยคุณสมบัติอาหารที่แตกต่างของเธอ มู่ซีมั่นใจว่าเธอต้องทำอาหารขายได้แน่
สามแม่ลูกกอดกันได้ไม่นาน เถ้าแก่หนงเดินหน้ายิ้มกลับเข้ามาในครัว เอ่ยชมเด็กหญิงด้วยน้ำเสียงยินดี “นังหนูซีซีเป็นตัวนำโชคของร้านเราจริง ๆ”
“คุณชายน้อยยอมกินอาหารแล้วเหรอครับเถ้าแก่” พ่อครัวหม่าเอ่ยถาม ก่อนใช้มือปาดเหงื่อในที่สุดเขาไม่ต้องทำอาหารต่อแล้ว!
“ใช่ คุณชายน้อยยอมกินแล้ว คุณนายตงดีใจมาก ที่ร้านเราทำให้คุณชายยอมกินข้าวได้ ยิ่งพอได้ฟังเรื่องเป็นผู้พิทักษ์ คุณชายน้อยยิ่งถูกใจ คุณนายยิ้มจนไม่หุบไปแล้ว” เถ้าแก่หนงบอกอย่างมีความสุข
“ดีจริง ๆ ตอนนี้ไม่มีลูกค้าคนใหม่เข้าร้าน เดี๋ยวลุงหม่าจะจัดอาหารรสเลิศตอบแทนนังหนูซีซีก็แล้วกัน อาหรานพาลูกไปนั่งที่ห้องพักก่อนเถอะ พี่ทำเดี๋ยวเดียวเท่านั้น” พ่อครัวหม่าว่าแล้วก็ไล่ให้บ้านหลี่ไปรอที่ห้องพักพนักงาน ซึ่งเป็นที่เก็บของส่วนตัวกับในนั้นจะมีโต๊ะไว้สำหรับให้พนักงานในร้านกินข้าวกัน
“ขอบคุณพี่หม่านะคะ ไปกันเถอะ” หลี่เยว่หรานว่าแล้วก็พาทุกคนไปนั่งรอที่ห้องพัก เถ้าแก่หนงก็ออกไปต้อนรับลูกค้าต่อ
วันนั้นเถ้าแก่หนงจึงขอให้มู่ซีบอกรายการอาหารที่คิดว่าคุณชายน้อยจะชอบกิน มู่ซีจึงบอกวิธีการทำรวมทั้งสอนพ่อครัวหม่ากับหลี่เยว่หรานหัดทำอีกหลายรายการ เถ้าแก่มอบเงินให้กับมู่ซีจำนวนสิบหยวนเป็นค่าสูตรอาหาร เพราะวันนี้เถ้าแก่ได้เงินพิเศษจากคุณนายตงมาไม่น้อย เถ้าแก่จึงได้เอาเงินตรงนี้อีกห้าหยวนมอบให้มู่ซีด้วย
“เจ้าตัวน้อยของแม่ วันนี้ถึงกลับทำเงินได้ถึงสิบห้าหยวน เกือบเท่าเงินเดือนแม่ทั้งเดือนเลยนะ” หลี่เยว่หรานบีบแก้มที่เริ่มมีเนื้อมีหนังขึ้นบ้างหลังจากมู่ซีได้มาอยู่บ้านหลี่ ได้กินอาหารที่ดี ได้นอนหลับอย่างเพียงพอ ไม่ต้องทำงานหนักมากเท่ากับอยู่บ้านมู่
“น้องสาวของพี่เก่งมาก” มู่เซียนก็เอ่ยชมน้องสาวเช่นกัน
“แม่จ๋า เงินนี้ซีซีขอได้ไหม ซีซีจะเอาไปลงทุนทำอาหารขาย” มู่ซีเอ่ยถามขึ้น
“มันเป็นเงินของลูก ย่อมได้อยู่แล้วว่าแต่ลูกจะทำอาหารขายที่ไหนเหรอ”
“ไว้ลูกจะเล่าให้แม่ฟังที่บ้านนะคะ” มู่ซียิ้มเจ้าเล่ห์ให้กับหลี่เยว่หรานทำให้ถูกดีดหน้าผากหนึ่งครั้ง
“ตัวแค่นี้หัดมีความลับกับแม่นะ”
ตอนเย็นทุกคนกลับถึงบ้านมู่ซีที่ได้เสื้อผ้าชุดใหม่ก็ดีใจมาก หลังจากกินข้าวมื้อเย็นเสร็จ มู่ซีจึงได้เล่าเรื่องที่เธอคิดจะทำให้กับทุกคนฟัง ทุกคนก็เห็นดีด้วย
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?