ตอนที่ 11 หนทางช่างยากเย็น 

 

"คุณนายตงอย่างไรล่ะ" เฉาอวี่ปินเอ่ยเสียงดังและยังมีท่าทีภูมิใจตัวเองที่รู้ว่าใครจะช่วยได้ แววตาของเขาเปล่งประกายด้วยความมั่นใจ แต่ไม่ทำให้สีหน้าของมู่ซีดีใจขึ้นแม้แต่น้อย เธอยังคงนิ่งเฉยราวกับไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูด

"นังหนูซีซีเป็นอะไร เธอรู้จักคุณนายตงเหรอ" เป้าซูอี้ถามด้วยความสงสัย เมื่อเห็นสีหน้าไม่สบายใจของเด็กหญิงตรงหน้า ดวงตาของเธอฉายแววกังวลใจ

"ค่ะ ซีซีเคยไปสอนการทำอาหารให้กับแม่ครัวของคุณชายน้อยเมื่อสองสามวันก่อน" มู่ซีเอ่ยตอบเสียงเบา ก่อนจะเสริมด้วยน้ำเสียงที่แฝงความไม่มั่นใจ "แต่ซีซีไม่คิดว่าคุณนายตงจะสนใจช่วยเหลือค่ะ"

ถึงแม้ว่าคุณนายตงยังเหลือของรางวัลตอบแทนให้กับเธอ แต่มู่ซีต้องการเอาไว้ใช้ยามจำเป็น และเรื่องนี้เกี่ยวกับการค้าขาย ต่อให้ไปบังคับให้ช่วยบางทีธุรกิจของเธออาจถูกล้มตั้งแต่วันแรก 

“ไม่น่าเชื่อ อายุยังน้อยแต่รู้จักคุณนายตงแล้ว” ปินเสี่ยวจวนอุทานอย่างแปลกใจ 

ต้องเข้าใจว่าในเมืองเวยฟางนี้ คุณนายตงเป็นภรรยาของท่านนายพลเป็นที่รู้จักของทุกคน ถึงแม้ว่าคุณนายตงจะไม่จำเป็นต้องรู้จักทุกคนกลับก็ตาม อีกอย่างเรื่องความหลงหลานชายลือเลี่ยงไปทั่วเมืองเลยทีเดียว เสียงซุบซิบนินทาเกี่ยวกับเรื่องนี้ดังอื้ออึงตามท้องถนนและตลาด

“ซีซีว่าพวกลุงกับป้ากินข้าวก่อนเถอะค่ะ เพราะว่ามันเย็นหมดแล้วเสียรสชาติ เรื่องของซีซีเอาไว้ก่อนก็ได้ค่ะ” มู่ซีเห็นว่าทุกคนมัวแต่คุยกับตนเอง ทำให้อาหารบนโต๊ะเย็นชืดไปหมดแล้ว ไอร้อนที่เคยลอยฟุ้งจากจานอาหารได้จางหายไป ทุกคนเมื่อได้ยินเสียงเอ่ยเตือนของมู่ซี ก็ได้สติ บางคนถึงกับท้องร้องออกมาเสียงดัง ความอายปรากฏบนใบหน้าของพวกเขา

อาจจะเพราะตอนที่เริ่มคุยกันนั้นปัญหาของทุกคนยังไม่ได้รับการแก้ไข ทว่าตอนนี้ปัญหาเรื่องบทละครวิทยุมีทางออกแล้ว ความหิวที่ไม่รู้มาจากไหนเริ่มมาเยือน จากที่ไม่มีใครกิน กลายเป็นว่าเกิดสงครามคีบอาหารขนาดย่อมขึ้นบนโต๊ะไปเสียได้ 

มู่ซีเห็นว่าตนเองอยู่ไปก็ไม่มีประโยชน์ จึงได้ขอตัวกลับไปนั่งอยู่ที่เก้าอี้หลังเถ้าแก่หนงเหมือนเดิม ทว่าในหัวก็ยังครุ่นคิดถึงวิธีการที่จะหาทางเช่าบ้านในเมืองให้ได้ สมองน้อย ๆ ของเธอทำงานหนักเพื่อหาทางออกให้กับปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่

“นังหนูซีซี เสี่ยวชิงบอกว่าวันนี้มีคนสั่งผัดมะเขือม่วง มาดูกันว่าลูกค้าจะชอบไหม” ระหว่างที่มู่ซีนั่งคิดอะไรเพลิน ๆ เถ้าแก่หนงหันตัวมากระซิบบอกกับเด็กหญิงที่นั่งอยู่ด้านหลังตนเอง น้ำเสียงของเขาเจือด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย

“จริงเหรอคะ” 

 มู่ซีรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที ดวงตาของเธอเป็นประกายด้วยความหวัง เพราะถ้าลูกค้าชอบแล้วเถ้าแก่หนงนำผัดมะเขือม่วงมาขึ้นเป็นรายการอาหารหลัก เธอก็จะได้ค่าสูตรจานละตั้ง 1.5 เหมาเชียวนะ ความคิดนี้ทำให้หัวใจของเธอเต้นแรง

"จริงสิ" เถ้าแก่หนงยืนยัน รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเขา

“เถ้าแก่เคยคิดอยากขายอาหารตอนเช้าไหมคะ”  มู่ซีพิจารณาคนตรงหน้าครู่หนึ่งก่อนหลุดปากเอ่ยถาม 

“ขายอาหารเช้า เหมือนกับที่เอามาให้ชิมวันนี้นะเหรอ” เถ้าแก่หนงถามกลับ ความสนใจปรากฏในน้ำเสียงของเขา

“ใช่ค่ะ” มู่ซีตอบพลางพยักหน้า

"อืม ก็ไม่เคยคิดนะ" เถ้าแก่หนงส่ายหน้าเบา ๆ "เพราะว่าปิดร้านอาหารดึกแล้ว ถ้าต้องมาขายอาหารเช้าอีก คงไม่ไหว"

พนักงานบางคนต้องมาตั้งแต่เช้าเพื่อออกไปหาซื้อวัตถุดิบ เถ้าแก่หนงไม่ให้ร้านเขียงเนื้อมาส่งเพราะบางทีจะได้เนื้อไม่ดี สู้เพิ่มเงินให้พนักงานออกไปซื้อจะดีกว่า และบางครั้งยังได้ส่วนลดอีกด้วย เขาอธิบายเหตุผลด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยประสบการณ์ที่ผ่านมา

“ก็จริง เฮ้อ” มู่ซีถอนหายใจ ความผิดหวังปรากฏชัดในน้ำเสียงของเธอ

เกือบหนึ่งชั่วโมงกลุ่มของเป้าซูอี้ก็เรียกมู่ซีไปคุยด้วยอีกครั้ง รอบนี้เป็นการนัดแนะว่าตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปจะมีคนมารับมู่ซีเพื่อไปทำงานกับพวกเขาที่สำนักงาน พอถึงเวลาเลิกงานก็จะเอาตัวมาส่งให้ที่ร้าน พวกเขาจะได้คุยกันถึงเรื่องค่าจ้าง ค่าลิขสิทธิ์ หรือส่วนแบ่งด้วย  

สีหน้าของหลี่เยว่หรานฉายแววลังเลไม่ไว้ใจ แต่มีเถ้าแก่หนงรับรองให้ด้วยน้ำเสียงหนักแน่น หลี่เยว่หรานจึงได้อนุญาตในที่สุด ความโล่งใจปรากฏบนใบหน้าของมู่ซี หลังจากตกลงเรียบร้อยกลุ่มของเป้าซูอี้ก็ออกจากร้านไป 

 

ช่วงบ่ายสามถึงห้าโมงเป็นช่วงเวลาที่ลูกค้ามีไม่มาก จะเป็นช่วงเตรียมตัวสำหรับลูกค้ารอบใหม่ที่จะมากินมื้อเย็น ตู้เทียนหยูกับเสี่ยวชิงกำลังจัดการทำความสะอาดบริเวณด้านหน้าร้านอาหาร ส่วนในครัวหลี่เยว่หรานกับพ่อครัวหม่าก็ช่วยกันทำความสะอาด 

“ซีซี พวกเรามีข่าวดี! ลูกค้าชอบผัดมะเขือม่วงซอสกระเทียม ต่อไปทุกสัปดาห์ ซีซีสามารถบอกรายการอาหารใหม่ ๆ ได้ไหม ค่าสูตรได้เหมือนเดิม” เถ้าแก่หนงมาแจ้งข่าวดีให้กับมู่ซีที่อยู่ในห้องพักพนักงานทราบ หลังจากที่จัดการบัญชีรอบกลางวันเรียบร้อยแล้ว ว่ารายการอาหารเป็นที่ถูกใจพร้อมกับขอรายการอาหารใหม่ ๆ ด้วย 

“ได้แน่นอนอยู่แล้วค่ะ ที่สำคัญ....” มู่ซียิ้มกว้างรับคำสั่งเถ้าแก่หนงยังไม่ทันเสร็จ เสี่ยวชิงก็เดินเข้ามาห้องพักพนักงานแจ้งให้เถ้าแก่หนงทราบว่ามีทหารมาขอพบ 

 เถ้าแก่หนงรีบลุกจากเก้าอี้ในห้องพักพนักงานเดินออกไปที่หน้าร้านอาหารทันที มู่ซีเลือกเดินตามไปแต่ไม่ได้ออกไปหน้าร้าน เด็กหญิงเดินไปนั่งเก้าอี้ตัวโปรดของเธอแทน  

“สวัสดีครับ ไม่ทราบว่ามีธุระอะไรกับผมหรือเปล่า”  

“เถ้าแก่ร้านใช่ไหม ผมได้รับคำสั่งจากท่านนายพลตง ให้มาแจ้ง เกี่ยวกับการประมูลทำอาหารเพื่อเลี้ยงรับรองทูตจากต่างชาติ ที่จะเกิดขึ้นในอีกสิบวันข้างหน้านี้”  

“การประมูลทำอาหารเลี้ยงรับรองทูตต่างชาติ ปกติทุกปีจะมีการจัดการประชุม ร้านหงเติ้งหลง กับร้านชุนหมั่นโหลว มักจะผูกขาดการประมูล ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะไม่ใช่เหรอ” เถ้าแก่หนงเอ่ยถามทหารที่มาส่งข่าวด้วยความสงสัย 

 ด้วยร้านอาหารของเขาเป็นเพียงร้านอาหารขนาดกลาง ด้วยจำนวนคน ชื่อเสียงแล้ว อย่างไรก็สู้ร้านทั้งสองไม่ได้อยู่แล้ว 

“ปีนี้คุณนายตงได้เสนอร้านอาหารฟางเจียนเว่ยร่วมด้วย เพราะว่าเป็นร้านอาหารที่ทำให้คุณชายน้อยกินอาหารได้ คุณนายตงคิดว่าร้านอาหารฟางเจียนเว่ยอาจจะมีรายการอาหารที่แปลกใหม่ สามารถทำให้เมืองเวยฟางไม่น้อยหน้าเมืองอื่น” ทหารที่ได้รับมอบหมายให้มาวันนี้อธิบาย 

“เป็นเช่นนี้เอง” เถ้าแก่หนงพยักหน้า ร้านอาหารของเขามีเมนูใหม่ ๆ และยังถูกใจคุณชายน้อย ไม่แปลกใจว่าทำไมถึงได้รับการเสนอชื่อ “ไม่ทราบว่าการประมูลจะจัดขึ้นเมื่อไหร่ แล้วที่ไหนเหรอ”  

“ปีนี้ ทางกองทัพเปิดให้ทุกร้านสามารถเข้าร่วมประมูลได้ รายละเอียดก็อยู่ในนี้” 

 อีกฝ่ายยื่นซองเอกสารสีน้ำตาลส่งให้เถ้าแก่หนงและจากไปทันที เถ้าแก่หนงจึงได้เดินถือซองเอกสารกลับไปนั่งที่โต๊ะคิดเงินแล้วหยิบเอกสารออกมาอ่าน 

ในนั้นมีข้อมูลไม่มาก แจ้งเกี่ยวกับวันที่ในการประมูล รางวัลที่จะได้รับ ขั้นตอนการร่วมการประมูลเท่านั้นเอง 

“เถ้าแก่มันคืออะไรหรือคะ” มู่ซีที่เห็นเถ้าแก่หนงสอดกระดาษคืนกลับเข้าไปแล้วจึงเอ่ยถามขึ้นด้วยความอยากรู้ ต่อให้ได้ยินสิ่งที่พวกเขาได้สนทนากันแล้วก็ตาม 

“ทางกองทัพจะมีการจัดการประมูลรายการอาหารขึ้นน่ะ” 

“โอ้โห แล้วทางกองทัพให้ร้านของเราเข้าร่วมการประมูลด้วยเหรอคะ”  

“ใช่แล้ว งานนี้ต้องขอบใจซีซีมากเลยนะ ปกติแล้วร้านเล็กแบบเราไม่มีโอกาสหรอก ผลการชนะถูกจำกัดไว้ที่ร้านใหญ่ตลอด แต่เพราะคุณนายตงเห็นว่าร้านเราทำให้คุณชายน้อยกินอาหารได้ คุณนายตงอาจจะกำลังตอบแทนทางอ้อมอยู่” เถ้าแก่หนงเล่าด้วยสีหน้าเบิกบานใจ  

“แล้วเถ้าแก่จะเข้าร่วมประมูลไหมคะ” 

“แน่นอน เพราะถ้าเราชนะการประมูล ชื่อเสียงของร้านก็จะเพิ่มขึ้น ที่สำคัญรางวัลปีนี้ร้านที่ชนะการประมูลจะได้ได้รับเงินรางวัลถึง 500 หยวนเลยทีเดียว” เถ้าแก่หนงยกมือขึ้นมาห้านิ้วเมื่อเล่ามาถึงเรื่องของเงินรางวัล ยังไม่รวมกับค่าแรงอื่น ๆ ที่จะได้รับอีก 

“โอ้โห เยอะมาก” 

“ไป ๆ นังหนูซีซีพวกเราไปคุยกันในห้องครัวเถอะ” เถ้าแก่หนงว่าแล้วก็เดินนำมู่ซีเดินไปที่ห้องครัวเพื่อปรึกษาเรื่องนี้กับพ่อครัวหม่า 

 แต่หลี่เยว่หรานออกความเห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ควรจะคุยกันพรุ่งนี้ตอนเช้า ก่อนที่จะเปิดร้านอาหารให้จินเหมากับเนียนหวง พ่อครัวกับผู้ช่วยอีกคู่มาประชุมร่วมกันดีกว่า เถ้าแก่หนงก็เห็นด้วยจึงได้บอกให้เสี่ยวชิงแวะไปบอกคนทั้งคู่วันนี้ตอนกลับบ้าน 

วันนี้เป็นอีกวันที่มู่ซีต้องนอนรอหลี่เยว่หรานในห้องพักพนักงาน เพราะแม่ของเธอต้องเลิกงานดึก  

พอกลับถึงบ้านทำให้หลี่เยว่หรานกับยายหลี่ต้องมานั่งปรึกษากันว่าต่อไปคงไม่ให้มู่ซีเข้าเมืองไปทำงานกับหลี่เยว่หรานแล้ว เพราะว่าต้องเดินทางทุกวัน ตัวก็นิดเดียวเกรงว่าจะป่วยไข้ไม่สบายเอาได้  

แต่ความคิดนี้ก็ต้องเป็นอันยกเลิกไป เพราะหลี่เยว่หรานบอกยายหลี่ว่าตั้งแต่พรุ่งนี้ไปมู่ซีต้องไปช่วยคนของคณะละครทำละครวิทยุ ยายหลี่ถึงกับอึ้งไปกับความสามารถของหลานสาวคนเล็ก 

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ