ตอนที่ 7 ได้เวลาสำรวจศูนย์อาหาร 

 

เวลาสิบเอ็ดโมงครึ่ง หลี่เยว่หรานบอกมู่ซีว่ามีเวลาครึ่งชั่วโมงก่อนที่ลูกค้าจะเริ่มเข้าร้าน เธอจะพามู่ซีออกไปที่ศูนย์อาหารในนิคมอุตสาหกรรม มู่ซีรีบกระโดดลงจากเก้าอี้ทันที เข้าไปจับมือหลี่เยว่หรานที่เปลี่ยนชุดมาเป็นชุดปกติแล้ว 

สองแม่ลูกเดินไม่นานก็มาถึงศูนย์อาหาร มู่ซีไล่ดูไปตั้งแต่ร้านแรกยันร้านสุดท้าย ร้านอาหารมีทั้งหมด 7 ร้าน มีร้านขายน้ำ ขายผลไม้หนึ่งร้าน ส่วนมากเป็นน้ำผลไม้ น้ำเปล่า น้ำหวาน 

 ส่วนร้านอาหารก็จะมีร้านข้าวสามร้าน ร้านพวกขายเส้นอีกสามร้าน เช่นร้านบะหมี่ ร้านเกี๊ยว เมื่อสำรวจจนพอใจ มู่ซีก็ขอหลี่เยว่หรานซื้อผลไม้มานั่งกินเพราะเธออยากรู้ว่า พนักงานเหล่านี้มีความคิดอย่างไร 

“อาสง ไม่ได้กินข้าวเช้ามาอีกแล้วใช่ไหม ถึงได้รีบกินแบบนี้” ชายหนุ่มที่นั่งข้างหลังมู่ซีเอ่ยถามเพื่อนร่วมงาน 

“อือ อาฉี ทำอย่างไรได้บ้านฉันมันอยู่ไกลที่ทำงาน จะกินอาหารเช้าก่อนมาทำงานมันก็เช้าเกิน ฉันกินเมื่อไหร่ก็อ้วกทุกที ไปโรงพยาบาลหมอบอกว่าร่างกายมันไม่รับ” อาหยวนเอ่ยตอบ 

“ตอนเช้าไม่มีใครขายอาหารนี่ ช่วงพักครึ่งเช้าก็มีแต่ขนมพอรองท้อง พวกเราทำงานใช้แรงงานขนมพวกนั้นจะมาทำให้อยู่ท้องได้อย่างไร” เพื่อนของอาสงถอนหายใจเสียงเบา 

“นี่ถ้ามีคนขายอาหารเช้าที่เอาไปกินตอนพักเช้าได้คงดีไม่น้อย ช่างเถอะ บ่นมาตั้งหลายปีแล้ว ก็ไม่เห็นมีใครมาขาย” 

“พวกเราไม่ได้มีเงินมากจะทำอะไรได้ กิน ๆ ไป กว่าจะเย็นเดี๋ยวหิวอีก” อาสงคีบเนื้อหมูให้กับเพื่อนของเขา

มู่ซีที่แอบฟังทั้งสองคนสนทนากันตั้งแต่เริ่มลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินเข้าไปหาบุคคลทั้งสองคนที่นั่งกินข้าวและสนทนากันทันที 

“พี่ชายทั้งสอง ซีซีขอเสียมารยาท เมื่อครู่พี่ชายบอกไม่มีร้านอาหารเช้าหรือคะ” 

“ใช่นะสินังหนู พี่ชายต้องทนหิวกว่าจะพักเที่ยงตั้งสี่ชั่วโมง” อาสงเป็นคนตอบ 

“แล้วทำไมพี่ชายไม่ทำอาหารมากจากบ้านแล้วกินเวลาพักล่ะคะ”  

“ทำไม่ได้หรอกมีเวลาพักแค่สิบนาทีเท่านั้น หากห่อข้าวมากินเองต้องมีปิ่นโต แต่พวกเราไม่มีที่ให้เก็บเลยเก็บได้แค่ของส่วนตัว อีกอย่างหัวหน้างานของพวกฉันไม่ชอบของมีกลิ่นแรง ไม่ชอบให้กินของที่มีน้ำมันและต้องไม่เลอะมือ ขนมมันไม่ได้อิ่มเหมือนกินข้าวด้วย” อาฉีตอบด้วยใบหน้าเหนื่อยใจ 

“แสดงว่าหัวหน้าอนุญาตให้เอาของไปกินได้แต่ต้องไม่มีน้ำหรือเลอะเทอะใช่ไหมคะ” มู่ซีถามย้ำอีกครั้งเพื่อการตัดสินใจ 

“ใช่ ที่สำคัญนะ ถ้ามีอาหารแบบนั้นขายได้คงดีกับพนักงาน เพราะมีหลายคนที่เป็นแบบนี้แต่ก็ไม่เห็นมีอาหารชนิดไหนที่เถ้าแก่อนุญาต พวกพี่ชายเลยต้องทนหิวโซมาถึงพักเที่ยงนี่แหละ” อาสงตอบบ้าง 

“ซีซีขอบคุณพี่ชายค่ะ” มู่ซีเอ่ยขอบคุณพี่ชายทั้งสองคน แล้วจึงเดินกลับร้านอาหารฟางเจียนเว่ย เนื่องจากครบเวลาที่หลี่เยว่หนานขอออกมาแล้ว 

เมื่อมาถึงร้านอาหารหลี่เยว่หรานรีบไปเปลี่ยนชุดสำหรับเข้าไปทำงานในครัว ส่วนมู่ซีไปนั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างหลังเถ้าแก่หนง  

วันนี้เป็นอีกวันที่คุณนายตงพาหลานชายมากินอาหารที่ร้านฟางเจียนเว่ยอีกครั้ง พอเห็นคุณนายตง หลานชาย กับหญิงสูงวัยอีกคนเข้ามาในร้าน มู่ซีรีบสะกิดเถ้าแก่หนง พร้อมกระซิบอะไรบางอย่าง  

ชายสูงวัยพยักหน้ารับ ก่อนออกไปต้อนรับลูกค้าไม่นานก็เดินกลับเข้าไปในห้องครัว มู่ซีจึงได้เดินตามเข้าไปด้วย  

แล้วก็เป็นดั่งที่คิดเอาไว้ มู่ซีบอกให้พ่อครัวหม่าทำอาหารชนิดใหม่ไปให้กับคุณชายน้อย ยังคงเป็นรูปแบบเดิมแต่เปลี่ยนจากผัดผักรวมมิตรเป็นข้าวโพดผัดไก่ ทำหน้าเป็นลูกหมาน้อย มู่ซีไม่ลืมบอกเรื่องราวไปอีกว่าลูกหมาน้อยมาจากสวรรค์ ใครสามารถพิชิตลูกหมาน้อยได้ คนนั้นจะมีร่างกายที่แข็งแรง และอาจจะได้เลี้ยงลูกหมาน้อยด้วย 

ปรากฏว่าคุณชายน้อยชอบใจพี่หมามาก เขากินจนเกลี้ยง คุณนายตงตบรางวัลพิเศษมาให้อีกสองหยวน เถ้าแก่หนงมอบให้มู่ซีหนึ่งหยวน อีกหนึ่งหยวนแบ่งให้ทุกคนในร้านเป็นเงินรางวัลพิเศษ 

“เถ้าแก่หนง วันนี้ฉันพาแม่ครัวที่บ้านมาด้วย หวังให้เขามาเรียนรู้วิธีการทำอาหาร ฉันจะได้ให้คนที่บ้านทำอาหารให้กับหลานชายได้ ฉันไม่มีปัญหาที่จะต้องพาหลานชายมากินที่ร้านอาหารทุกวัน แต่ก็อย่างที่เถ้าแก่รู้ ตอนเช้า ตอนเย็น แล้วอีกหน่อย หลานชายของฉันก็ต้องไปโรงเรียน คงไม่สะดวกที่จะมากินอาหารที่ร้านตลอดเวลา เถ้าแก่หนงจะคิดค่าเรียนเท่าไหร่ก็บอกมาได้เลย” คุณนายตงระหว่างที่รอให้คุณชายน้อยกินข้าว เธอก็ได้เรียกเถ้าแก่หนงไปคุยด้วย 

“คุณนายครับ ผมไม่มีปัญหาเลยแต่ว่าคนที่คิดรายการอาหารทั้งหมดไม่ใช่ทางร้านของเรา ดังนั้นผมจึงไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร” เถ้าแก่หนงตอบคุณนายตงอย่างนอบน้อม 

“ไม่ใช่คนของทางร้านเถ้าแก่ แล้วเป็นใคร”  

“เป็นลูกสาวของผู้ช่วยพ่อครัวของทางร้านครับ” 

“ลูกสาวเหรอ ขอฉันคุยด้วยได้ไหม” คุณนายตงเอ่ยถามขึ้น 

“รอสักครู่นะครับ เดี๋ยวผมจะไปตามมาให้” เถ้าแก่หนงว่าแล้วก็หันหลังกลับไปเรียกมู่ซีให้เดินไปกับตนเองเพื่อไปพบกับคุณนายตง 

“ซีซี นี่คือคุณนายตง นั่นก็คุณชายน้อย คุณนายครับ นี่มู่ซีหรือยัยหนูซีซี เป็นคนคิดรายการอาหารทั้งหมดของคุณชายน้อยครับ” เถ้าแก่หนงเอ่ยแนะนำให้ทั้งสองคนได้รู้จักกัน 

“โอ้ เด็กถึงเพียงนี้ อายุเท่าไหร่แล้วหรือ”  

“สวัสดีค่ะคุณนายตง ซีซีเจ็ดขวบค่ะ” มู่ซีคารวะอย่างนอบน้อมแล้วตอบคำถามด้วยความมั่นใจ 

“อืม ท่าทางเป็นเด็กที่ฉลาด หน้าตาก็น่ารักน่าเอ็นดู ไหนบอกฉันมาสิว่าทำไมหนูถึงได้รู้เรื่องอาหารพวกนี้” คุณนายตงเอ่ยถามเด็กหญิงตรงหน้า มู่ซียังไม่ทันได้ตอบคำถาม คุณชายน้อยก็เอ่ยแทรกขึ้นมาแล้ว 

“คุณย่าครับ ผมกินน้องหมาหมดแล้ว” 

“เก่งมากครับ อร่อยไหม” คุณนายตงละสายตาจากมู่ซีไปยังหลานชายพลางเอ่ยปากถาม 

“อาหย่อยครับ” เสียงตอบที่ยังพูดไม่ชัดทำให้คุณนายตงยิ้มออกมา 

“ถ้าอร่อย ก็กินให้เยอะๆ”  

เมื่อเห็นว่าคุณนายตงไม่ได้พูดต่อกับหลานชายแล้ว เถ้าแก่หนงจึงได้เอ่ยแสดงความคิดเห็นบ้าง 

“ผมคิดว่าทุกวันนังหนูซีซีก็มาที่ร้านอยู่แล้ว ถ้าจะให้สอนแม่ครัวของคุณนายนังหนูซีซีเหมาะสมที่สุด เพราะอาหารสองอย่างของเมื่อวานกับวันนี้ก็เป็นนังหนูซีซีเป็นคนสอน” 

“จริงหรือถ้าอย่างนั้นมันก็ดีสิ ซีซี ฉันอยากให้เธอสอนแม่ครัวของฉันในการทำอาหารสำหรับหลานชายของฉัน งานนี้ฉันไม่ได้ให้เธอทำเปล่า ๆ ฉันยินดีจะจ่ายเงินเป็นค่าตอบแทน ขอเพียงแค่เธอสอนคนของฉันก็พอ” คุณนายตงหยิบแตงโมชิ้นใหญ่ส่งให้กับหลานชาย ขณะที่คุยกับมู่ซีไปด้วย 

“ด้วยความยินดีค่ะ ซีซีสามารถไปช่วยสอนแม่ครัวของคุณนายได้คงใช้เวลาไม่นาน กว่าแม่ของซีซีจะทำงานเสร็จก็อีกหลายชั่วโมง สำหรับค่าจ้างซีซีไม่ต้องการเป็นเงิน แต่ว่าถ้าในอนาคตซีซีต้องการให้คุณนายช่วยเหลือ หวังว่าคุณนายจะช่วยซีซี” มู่ซีไม่คิดจะรับเงินแต่เลือกรับเป็นอย่างอื่นแทน 

อย่าลืมว่าในยุคสมัยนี้เงินเป็นสิ่งที่จำเป็นมาก ทว่าอำนาจจำเป็นมากกว่า การที่ติดค้างบุญคุณคนใหญ่คนโตได้ก็เป็นเรื่องที่เหมือนมีป้ายทองเว้นโทษตาย เกิดในอนาคตเธอต้องการความช่วยเหลือที่เงินก็ซื้อไม่ได้ ตอนนั้นแหละ สิ่งนี้จะจำเป็นและสำคัญสำหรับเธอ 

“ช่างเป็นเด็กที่ฉลาด ได้ ฉันรับปาก ในอนาคตถ้าเธอมีเรื่องเดือนร้อนแล้วฉันสามารถช่วยได้ไม่กระทบอะไร ฉันยินดีที่จะช่วย ถือว่าฉันติดหนี้เธอครั้งหนึ่ง” คุณนายตงเอ่ยออกมายิ้ม ๆ มู่ซีจึงได้ยิ้มตอบ 

หลังจากที่คุณชายกินข้าวกลางวันเสร็จ คุณนายตงก็พามู่ซีไปยังคฤหาสน์ของตระกูลตง ซึ่งอยู่ใจกลางเมืองเวยฟาง เป็นคฤหาสน์ที่ชาตินี้หรือต่อให้เป็นชาติก่อนหน้า มู่ซีก็ไม่มีวาสนาได้เหยียบย่างเป็นเจ้าของ  

มู่ซีทำการสอนอาหารให้กับแม่ครัวของคุณนายตงไปเกือบสิบรายการ เป็นรายการอาหารที่เธอสอนให้กับพ่อครัวหม่าเมื่อวานนี้ทั้งหมด แม่ครัวก็เรียนรู้ได้ไวสมกับเป็นแม่ครัวจริง ๆ เพราะแค่มู่ซีแนะนำไม่กี่อย่างพวกเขาก็สามารถทำมันได้ดีเลยในทีเดียว อาจจะยังปั้นไม่ค่อยสวย แต่เธอเชื่อว่าแค่เพียงครั้งสองครั้งก็คงสวยเหมือนจริงแน่นอน 

“ป้าจางอย่าลืมว่าตัวสัตว์เหมือนเดิมได้ แต่เราสามารถเปลี่ยนอาหารพวกผัดผักเป็นอย่างอื่นได้นะคะ เปลี่ยนเนื้อไก่เป็นเนื้อหมู เนื้อปลาบ้างก็ได้ ลองปั้นเป็นสัตว์อย่างอื่นก็ดีค่ะ” นี่เป็นคำแนะนำเล็กๆ น้อยๆ ของมู่ซีให้กับแม่ครัวที่เธอสอน ก่อนที่คนขับรถจะพาเธอกลับมาร้านอาหารฟางเจียนเว่ยในตอนใกล้หกโมงเย็น 

เมื่อมาถึงคนก็เต็มร้านอาหารแล้ว มู่ซีเข้าไปรายงานตัวกับหลี่เยว่หรานว่ากลับมาแล้ว หลังจากนั้นเข้าไปนั่งอยู่ตรงเก้าอี้เล็กหลังโต๊ะเก็บเงินของเถ้าแก่หนงต่อไป  

แต่ โอ้! เจอเรื่องสนุกเข้าแล้ว  

 

 

 

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ