ตอนที่ 6 เข้าเมืองอีกครั้ง 

 

เช้าวันใหม่ครอบครัวหลี่ตื่นมาตั้งแต่เช้าเหมือนทุกวัน ยายหลี่กับมู่เซียนหลังกินข้าวเช้าเสร็จชวนกันไปแปลงนาที่ทำค้างเอาไว้ ส่วนหลี่เยว่หรานกับมู่ซีเลือกเข้าเมืองไปที่ร้านฟางเจียนเว่ย  

ทั้งคู่ต้องเดินไปขึ้นรถโดยสารที่ปากทางเข้าหมู่บ้านเหมือนเช่นเคย ทว่าวันนี้ที่ไม่ปกติเพราะมู่ซีเจอกับลุงใหญ่กับลุงรองจากบ้านมู่ที่ต้องมารอขึ้นรถโดยสารไปทำงานในเมืองเหมือนกัน 

“เฮอะ นึกว่าใคร เจ้าเด็กอกตัญญูนี่เอง” มู่เทียน ลูกชายคนรองของแม่เฒ่ามู่แค่นเสียงขึ้นจมูก 

 แต่มู่ซีกับหลี่เยว่หรานทำเป็นไม่สนใจ พวกเธอสองคนแม่ลูกเดินไปอยู่อีกฟากหนึ่งของป้ายรอรถแทน มู่เทียนที่ตนเองถูกเมินเหมือนไร้ตัวตนเดินเข้าผลักหลังมู่ซีอย่างแรง 

“ผู้ใหญ่พูดด้วย ไม่มีมารยาท”  

หลี่เยว่หรานรีบดึงร่างของมู่ซีไว้ทันก่อนที่หน้าจะล้มคะมำลงไปกับพื้น ก่อนจะตวาดว่าให้มู่เทียนด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ 

“พี่เทียนมันจะเกินไปแล้วนะ ลูกสาวฉันไปทำอะไรให้พี่ ถึงได้รังแกเด็กถึงเพียงนี้ เมื่อก่อนซีซีอยู่บ้านมู่ฉันไม่ว่า แต่ตอนนี้ซีซีเป็นคนบ้านหลี่ ถ้าจะมารังแกกันแบบนี้ ถามฉันหรือยัง”  

“เฮอะ คนกาลกิณีกับคนอกตัญญูอยู่ด้วยกันก็สมกันแล้ว” มู่ซือ พี่ชายคนโตของบ้านมู่เดินเข้ามาสมทบพร้อมมองเหยียดสองแม่ลูก 

สาเหตุที่ทำให้มู่ซือและมู่เทียนต้องรู้สึกหงุดหงิดที่เห็นมู่ซีเพราะตั้งแต่สองพี่น้องออกจากบ้านมู่ สะใภ้รองที่เป็นภรรยาของมู่เทียน ทั้งยังกำลังตั้งครรภ์ต้องกลายมาเป็นคนทำงานบ้าน พอไม่ได้ดั่งใจก็มาลงเอากับมู่เทียน ยิ่งหล่อนตั้งครรภ์อารมณ์เลยไม่คงที่  

ส่วนสะใภ้ใหญ่ก็ต้องไปทำงานในแปลงนาซึ่งเป็นงานหนัก เมื่อก่อนมีสองพี่น้องมู่คอยทำงานหนักในบ้าน สะใภ้ทั้งสองจึงทำตามใจตัวเองได้แต่พอไม่มีก็ต้องหาที่ลง สองคนพี่น้องได้รับผลกระทบครั้งนี้ เมื่อเห็นมู่ซีจึงจะเอาคืน โดยลืมไปว่าตอนนี้มู่ซีไม่ใช่เด็กบ้านมู่อีกแล้ว 

“คำก็คนกาลกิณี สองคำก็คนอกตัญญู แล้วฉันไปนั่งบนหัวพี่ซือหรือไง” หลี่เยว่หรานอดใจไม่ไหว กับเด็กผู้หญิงตัวเล็กยังไม่เว้น 

“นั่นสิ อาซือ อาเทียน อาเยว่หรานก็ไม่เคยไปทำความเดือดร้อนให้คนบ้านมู่ซักหน่อย ต่างคนต่างอยู่เถอะ” คนที่ยืนรอรถโดยสารบางคนเอ่ยขึ้นมา 

“ใช่ คนบ้านเดียวกันแท้ ๆ ทะเลาะกันไปทำไม” เพื่อนที่ยืนข้างกันเอ่ยพูดบ้าง 

“ยุ่งอะไรด้วย!” มู่เทียนหันไปตวาดให้กับสองคนนั้น 

“ลุงใหญ่ ลุงรอง ฉันกับพี่เซียนเซียนไม่ใช่คนบ้านมู่แล้ว จะมาข่มแหงรังแกกันแบบนี้ไม่ได้ อีกอย่างฉันก็ไม่ยอมด้วย ลุงใหญ่ว่าฉันเป็นคนอกตัญญู ฉันขอถามหน่อย ถ้าลุงใหญ่มีคนมารังแกลูกสาว ลูกชาย ลุงใหญ่จะยอมให้ลูกของลุงใหญ่ก้มหัวเคารพอยู่ไหม ลุงใหญ่ก็ไม่ยอม มันก็เหมือนกันค่ะ” 

“เมื่อก่อนฉันกับพี่สาวไม่มีทางเลือก แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้วพวกเรามีทางเลือก แม่คะ พวกเราไปกันเถอะอย่าไปยุ่งกับพวกอันธพาลเลยค่ะ” มู่ซีว่าแล้วก็จูงมือหลี่เยว่หรานเดินไปขึ้นรถโดยสารตามปกติที่เข้ามาเทียบท่าพอดี 

คำพูดของมู่ซีทำให้คนที่ยืนรอรถโดยสารแถวนั้นหัวเราะออกมา มู่ซือกับมู่เทียนจึงได้แต่ฟึดฟัดตะโกนด่าชี้หน้าคนพวกนั้นแล้วรีบเดินจากไปอีกทางทันที 

“สมน้ำหน้าคนบ้านมู่”  

“ใช่ ๆ” 

 

“แม่คะ วันนี้หนูขอไปดูร้านอาหารที่ขายตรงโรงงานได้ไหมคะ” มู่ซีกำลังเดินจากท่ารถโดยสารเพื่อไปร้านอาหารฟางเจียนเว่ยกระตุกแขนหลี่เยว่หรานไว้ แล้วเอ่ยถามเสียงสดใส 

“ซีซีจะไปดูทำไม” 

“เพราะซีซีคิดว่ามันอาจจะเป็นหนทางให้บ้านหลี่มีอาชีพใหม่ ยายอายุไม่น้อยแล้วซีซีสงสารยายต้องทำงานในแปลงนาคนเดียว ซีซีกับพี่สาวต้องไปเรียนหนังสือ แต่ถ้ามาขายอาหารซีซีคิดว่ายายยังพอทำไหว” มู่ซีหยุดหายใจแล้วเล่าต่อ 

“ถ้าเราหาคนมาช่วยยายสักคน แค่นี้บ้านเราก็พอจะมีรายได้แล้วค่ะ ส่วนที่นาเราก็ปล่อยให้คนอื่นเข้ามาเช่าทำ ข้าวที่ได้ก็แบ่งมาให้เราสักสามส่วน ไม่ต้องจ่ายค่าเช่า แบบนี้เราก็ไม่ต้องซื้อข้าว” มู่ซีเล่าถึงความคิดของเธอหลังจากที่เมื่อคืนบ้านหลี่ได้คุยกันถึงเรื่องอนาคต 

“ซีซีของแม่ ช่างเป็นเด็กรู้ความและฉลาดจริงๆ ได้สิ แม่ยังพอมีเวลาก่อนเข้างาน เดินดูหน่อยคงไม่เป็นอะไร” หลี่เยว่หรานลูบลงไปบนศีรษะของมู่ซีด้วยความรัก เด็กคนนี้นำมาความสุขมาให้บ้านหลี่ของเธอจริง ๆ  

ส่วนลูกสาวคนโตอย่างมู่เซียนก็ไม่น้อยหน้าอีกฝ่ายขยันและทำเป็นทุกอย่าง หล่อนกับแม่แทบจะไม่ได้ทำอะไรเลย เด็กคนนั้นเอาแต่บอกจะตอบแทนไม่หยุดทั้งที่หล่อนกับแม่บอกไม่จำเป็น 

พอเดินมาถึงบริเวณศูนย์อาหารที่เปิดขายอยู่ตรงหน้าโรงงาน ทำให้มู่ซีสรุปได้ว่าโรงงานแห่งนี้ เป็นเหมือนศูนย์นิคมอุตสาหกรรมเหมือนยุคนสมัยที่เธอจากมา ในบริเวณนี้มีโรงงานหลายแห่ง ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลในการเปิดประเทศ ทำให้บริษัทหรือโรงงานที่มาเปิดในนิคมนี้ได้รับผลประโยชน์ทางด้านภาษีและความช่วยเหลือต่าง ๆ จากรัฐบาล 

“แม่คะ ทำไมร้านถึงยังไม่เปิดล่ะ” มู่ซีมาถึงศูนย์อาหารก็ต้องเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ 

 เนื่องจากที่ศูนย์อาหารไม่มีร้านไหนเปิดขายเลย มีพนักงานบางส่วนกำลังนั่งกินอาหารที่ห่อมาจากบ้าน หลายคนไม่ต้องการแออัดและรอรถนานจะห่อข้าวมาด้วย 

“ซีซี ตอนเช้าแบบนี้แม่ค้ามาตั้งร้านไม่ทันหรอกนะ กว่ารถเที่ยวแรกจะออกจากหมู่บ้านก็ปาไปหกโมงเช้าแล้ว มาถึงที่นี่ก็เกือบเจ็ดโมง เวลาเข้างานแปดโมง แม่ค้าจึงไม่มีเวลามากพอให้ตั้งร้าน ดังนั้นมื้อเช้าจึงเป็นเหล่าพนักงานต้องดูแลตนเอง” หลี่เยว่หรานอธิบายให้มู่ซีฟังถึงเหตุผลที่ทำไมถึงไม่มีร้านอาหารขายในตอนเช้า 

เมื่อวานพวกบ้านหลี่เข้าเมืองมาในช่วงสายแล้วเดินไปร้านอาหารฟางเจียนเว่ยในตอนพักกลางวัน มู่ซีจึงเห็นว่ามีคนเต็มศูนย์อาหาร 

“แม่คะ งั้นซีซีขอออกมาดูศูนย์อาหารในตอนพักกลางวันได้ไหม ตอนนี้ก็ไม่เห็นอะไรอยู่ดี”  

“ได้สิ เดี๋ยวแม่จะขอเถ้าแก่พาซีซีมาดูเอง ตอนนี้พวกเราก็รีบเดินกันเถอะ”  

“ได้ค่ะแม่”  

สองแม่ลูกบ้านหลี่รีบเดินผ่านศูนย์อาหารในนิคมอุตสาหกรรมไป ไม่นานก็มาถึงร้านอาหารฟางเจียนเว่ย ทั้งคู่เดินเข้าร้านไปทางด้านหลังร้านเหมือนเดิม เมื่อไปถึงก็เห็นพ่อครัวหม่ามาทำงานก่อนแล้ว 

“อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่หม่า” 

“อรุณสวัสดิ์ค่ะลุงหม่า”  

“อรุณสวัสดิ์อาหราน นังหนูซีซี วันนี้มามาเป็นเพื่อนแม่เหรอ” พ่อครัวหม่ายิ้มทักทายสองแม่ลูก 

“ใช่แล้วค่ะพี่หม่า ฉันว่าจะไปบอกเถ้าแก่หนงอยู่ หวังว่าเถ้าแก่คงไม่ว่าอะไร” หลี่เยว่หรานเดินเอากระเป๋าไปเก็บไว้ที่ห้องพักพนักงานหลังร้าน ก่อนจะเปลี่ยนชุดสำหรับทำงาน ไม่วายเอ่ยเตือนลูกสาวอย่างมู่ซีอีกครั้ง 

“ซีซี หนูอยู่ที่นี่รอแม่ไปก่อนนะ อย่าได้ซนเชียว”  

“แม่คะซีซีเป็นเด็กดีจะตาย ซีซีไม่ซนหรอกค่ะ แต่ถ้าหนูเบื่อ หนูขอไปดูแม่กับลุงหม่าทำอาหารได้ไหมคะ” มู่ซีลุกขึ้นจากเก้าอี้มาเกาะแขนอ้อนหลี่เยว่หรานเสียงหวาน 

“ซีซีต้องถามลุงหม่าเองแล้ว ในครัวลุงหม่าใหญ่ที่สุด ขนาดเถ้าแก่ยังไม่กล้ายุ่ง” หลี่เยว่หรานบอกลูกสาวยิ้ม ๆ มู่ซีเห็นอย่างนั้นก็รีบเดินไปเกาะแขนพ่อครัวหม่าเอ่ยอ้อนเสียงหวานทันที 

“ลุงหม่าจ๋า ซีซีขอเข้าไปดูลุงหม่าทำอาหารได้ไหม ซีซีเห็นลุงหม่าสุดยอดไปเลยจ้ะ เวลาลุงหม่ากำลังทำอาหาร”  

“นังหนูซีซีนี่รู้จักเอาใจคนแก่ ไปสิ ถ้าไม่กวนเวลาลุงทำครัวก็ได้ อีกอย่างรายการอาหารที่หนูบอกลุงเมื่อวาน ลุงยังทำไม่คล่องเลย บางทีนังหนูอาจจะช่วยร้านเราคิดรายการอาหารใหม่ ๆ ก็ได้” พ่อครัวหม่าก้มลงเอามือมาขยี้ศีรษะของมู่ซีด้วยความเอ็นดู ไม่ลืมปรายตามองไปทางหลี่เยว่หรานแล้วยิ้มให้กับแม่ของเด็กน้อยด้วย 

มู่ซีที่เห็นอย่างนั้นก็ขมวดคิ้ว คิดในใจว่า สองคนนี้มีอะไรในกอไผ่ไหมเนี่ย 

เมื่อได้รับอนุญาต มู่ซีกลับไปนั่งที่โต๊ะกลางห้องพัก พ่อครัวหม่าเอากระดาษกับดินสอมาให้มู่ซีได้ขีดเขียนเล่น ส่วนเจ้าตัวกับหลี่เยว่หรานไปทำงานของตนเอง ในส่วนตอนเช้า จะเป็นการไปซื้อของที่ตลาด  

เตรียมของสำหรับทำอาหาร การจัดจานไว้ตกแต่งสำหรับอาหารที่จะขาย ผ่านไปแค่หนึ่งชั่วโมง มู่ซีก็เบื่อแล้วเธอจึงเดินออกไปหน้าร้านอย่างอยากรู้อยากเห็น ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นการจัดร้านของยุคสมัยนี้  

ร้านฟางเจียนเว่ยเป็นร้านอาหารไม่ใหญ่ มีไม่ถึงยี่สิบโต๊ะ ตอนนี้พนักงานบริการของร้านยังไม่มาทำงาน พวกเขาจะมาทำงานเวลาสิบเอ็ดโมง พนักงานบริการมีสี่คน ได้แก่ ตู้เทียนหยู เกาเสี่ยวชิง จ้าวเยว่ และเฉิงเซียง  

มีพ่อครัวสองคน หม่าเค่อเป็นพ่อครัวใหญ่ พ่อครัวจิน จินเหมา ทำงานสลับกับพ่อครัวหม่า ส่วนผู้ช่วยมีหลี่เยว่หรานและเนียนหวงทำงานสลับกันเช่นกัน  

เถ้าแก่หนงจะทำหน้าที่เป็นคนคิดเงิน และที่ขาดไม่ได้คือพนักงานล้างจาน ในร้านมีอยู่สองคน คือ เปาจือกับฉู่โหยว  ทั้งคู่เป็นหญิงหม้ายที่เถ้าแก่หนงสงสารให้มาทำงานในร้าน ทั้งสองคนจะผลัดกันมาทำงานแต่ละช่วง 

มู่ซีนั่งอยู่หน้าร้านอาหารมองดูผู้คน และร้านค้าต่าง ๆ จนเวลาใกล้สิบเอ็ดโมง พนักงานบริการเริ่มทยอยมาทำงาน พวกเธอสวมชุดเรียบร้อยเมื่อเห็นว่ามีเด็กหญิงนั่งอยู่ในร้านก็เข้าไปทักทาย  

เพราะเมื่อวานที่เกิดปัญหากับคุณนายตง พวกเธอล้วนแต่อยู่ในเหตุการณ์ รู้ว่าเถ้าแก่ของร้านมีชีวิตรอดเป็นฝีมือของเด็กหญิงตรงหน้า ทว่าก็ไม่ได้รู้จักกันอย่างเป็นทางการ 

“ยัยหนูซีซีใช่ไหม วันนี้มาทำงานกับพี่เยว่หรานเหรอ” เป็นเกาเสี่ยวชิงเอ่ยทักขึ้นเป็นคนแรก 

มู่ซีพยักหน้าเมื่อเห็นว่าเป็นเพื่อนร่วมงานของแม่ “ซีซีมาทำงานกับแม่จ้ะ” 

“พี่เกาเสี่ยวชิงนะ ซีซีเรียกพี่ว่าพี่เสี่ยวชิงก็ได้ ส่วนคนนี้ตู้เทียนหยู เรียกว่าพี่เทียนหยูก็ได้ และคนนี้คนสวยที่สุดของร้านเรา เฉิงเซียง...” เกาเสี่ยวชิงยังแนะนำไม่ทันจบ เฉิงเซียงก็รีบพูดแทรก  

“ซีซีเรียกพี่ว่าพี่เสี่ยวเซียงก็ได้” พร้อมกับยิ้มให้อย่างเอ็นดู 

“ซีซียินดีที่ได้รู้จักพี่ ๆ ทุกคนคะ ซีซีขอฝากตัวด้วยนะคะ” มู่ซีลุกขึ้นยืนพร้อมกับคารวะอย่างอ่อนช้อย เรียกรอยยิ้มจากพนักงานทั้งสามได้เป็นอย่างดี 

“ว่าแต่เมื่อวาน สงเมาขี้เซาน่ากินมากจริง ๆ พี่เสี่ยวชิงก็ว่าจะแอบไปถามลุงหม่าเสียหน่อยว่าทำอย่างไร จะได้เอาไปทำให้หลานชายที่บ้านลองกินดู” เกาเสี่ยวชิงเอ่ยถามออกมา 

“ไม่ยากเลยค่ะ มันก็แค่ผัดผักรวมมิตรแล้วตกแต่งด้วยข้าวห่อสาหร่ายแค่นั้นเอง แต่ว่าสูตรหลักมันต้องทำจากข้าวดำนะคะ ทำง่ายมาก ใคร ๆ ก็ทำได้ค่ะ” มู่ซีบอกเคล็ดลับ ไหน ๆ พวกพี่เขาเป็นพนักงานที่นี่ต้องรู้สูตรกันอยู่แล้ว 

“ซีซี ถ้าลูกค้าเข้าร้านก็ลองไปนั่งตรงนั้นนะ จะได้ไม่รบกวนลูกค้า” ตู้เทียนหยูออกปากบอกเด็กน้อยหลังจากที่อีกไม่นานเมื่อร้านเปิด จะได้ไม่เป็นการรบกวนลูกค้า 

“รับทราบค่ะ” มู่ซีพยักหน้าก่อนเดินไปนั่งเก้าอี้เล็กที่อยู่หลังโต๊ะเก็บเงินสำหรับเถ้าแก่หนงไว้ทำบัญชี ซึ่งตรงนี้สามารถเห็นและได้ยินทั่วทั้งร้านเลยทีเดียว 

 

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ