ตอนที่ 3 ชีวิตใหม่ 

 

“หมอกุ้ย นังหนูซีซีเป็นอย่างไรบ้าง” หลี่เยว่หรานเอ่ยถามขึ้น หลังจากอุ้มมู่ซีเดินกลับมาบ้านแล้วตามหมอกุ้ย หมอสมุนไพรประจำหมู่บ้านให้มาดูอาการของมู่ซี 

“อาหราน นังหนูซีซีแค่เป็นไข้เท่านั้น ต้มสมุนไพรดื่มสักสองสามวันก็หายแล้ว แผลที่ศีรษะไม่ได้เป็นอะไรมาก เอาสมุนไพรไปใช้ไม่นานก็หาย ฉันจะบอกให้เด็กบ้านกุ้ยเอายามาให้” หมอกุ้ยบอก ก่อนเก็บของกลับบ้านไป 

หมอกุ้ยเป็นเพียงชื่อที่ชาวบ้านเรียก เพราะจริง ๆ และต้นตระกูลกุ้ยนั้นเป็นหมอเท้าเปล่ามาชั่วอายุคน แต่ยุคนี้หลายคนไปหาหมอโรงพยาบาล ส่วนบ้านกุ้ยที่เหลือไม่กี่คนนั้นรักษาชาวบ้านแบบไม่มีค่าใช้จ่าย เพราะพวกเขากล่าวว่าจะรักษาคนเหมือนต้นตระกูลให้ได้มากที่สุด 

“ป้าหลี่ ยายหลี่ ฉันกับน้องต้องขอบคุณป้ากับยายที่ช่วยฉันกับน้องไว้จ้ะ ฉันสัญญาว่าจะเป็นเด็กดี จะดูแลป้ากับยายไปตลอดชีวิต” มู่เซียนไม่ว่าเปล่าเธอยังคุกเข่า โขกหัวให้กับทั้งสองคนที่เข้ามาช่วยเอาไว้ 

“เด็กโง่ ไม่ใช่ว่าฉันบอกทุกคนไปแล้วเหรอ ว่าจะรับพวกเธอสองคนพี่น้องเป็นลูกบุญธรรมยังจะมาเรียกป้าอีก ต่อไปเซียนเซียนต้องเรียกฉันว่าแม่ เข้าใจไหม” หลี่เยว่หรานรีบลุกจากเตียงไม้ที่มู่ซีนอนอยู่ เข้าไปคว้าไหล่ของมู่เซียนไว้ ก่อนจะโอบกอดไว้ด้วยความรัก 

“ใช่ แม่ของหนูพูดถูก ต่อไปหนูกับน้องก็เป็นลูกหลานบ้านหลี่แล้ว ถ้ายัยหนูซีซีหายดี พวกเราก็ไปแจ้งชื่อหนูสองคนเข้าบ้านหลี่กันเถอะ” ยายหลี่เอ่ยต่อจากลูกสาวด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มอบอุ่น อ้อมกอดอันอบอุ่นของหลี่เยว่หรานทำให้มู่เซียนถึงกับร้องไห้โฮออกมา 

เพราะตั้งแต่แม่กับพ่อของเธอจากไป ชีวิตที่บ้านมู่ก็เหมือนกับตกนรก ไม่เคยได้รับการปลอบโยนเช่นนี้อีกเลย ยิ่งร้องไห้หรืออ่อนแอก็จะถูกทุบตี 

“ไม่ร้องเด็กดี ลูกเป็นพี่ต้องเข็มแข็งรู้ไหม ต่อไปนี้จะไม่มีใครมารังแกเซียนเซียนของแม่ได้อีกแล้ว” หลี่เยว่หรานใช้มือเกลี่ยน้ำตาให้กับมู่เซียนอย่างอ่อนโยน 

“จ้ะ หนูจะเป็นเด็กดี จะไม่ทำให้แม่กับยายผิดหวัง จะดูแลน้องเป็นอย่างดี” มู่เซียนรีบยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาของตนเองพร้อมรอยยิ้ม มันเป็นรอยยิ้มในรอบหลายปี หลังจากที่สูญเสียพ่อกับแม่ไป  

“มาเถอะ อาหรานลูกไปหาเสื้อมาหน่อย เราต้องเอามาตัดชุดให้เซียนเซียนกับซีซี ถ้าเข้าไปในอำเภอค่อยไปหาซื้อชุดใหม่ แต่ตอนนี้ต้องมีเสื้อเปลี่ยนเสียก่อน” ยายหลี่เอ่ยเตือนลูกสาว เนื่องจากสองพี่น้องมาแต่ตัวจริง ๆ  

“จริงด้วยแม่ ฉันก็ลืมคิดไป ปล่อยให้ซีซีของเรานอนพักสักหน่อยเถอะ ตอนเย็นตื่นมาจะได้สดชื่น” หลี่เยว่หรานว่าแล้วก็จูงมือลูกสาวคนโตเข้าไปในห้องของตนเอง เพื่อเลือกเสื้อเก่ามาตัดใหม่ให้มีขนาดเล็กลงสำหรับสมาชิกใหม่ของบ้าน 

บ้านหลี่มีแค่สองห้องนอน ปกติยายหลี่กับหลี่เยว่หรานแยกกันนอน แต่พอรับสองพี่น้องมู่มาอยู่ด้วย หลี่เยว่หรานจึงย้ายไปนอนกับผู้เป็นแม่ ยกห้องนอนของตนเองให้กับสองพี่น้องมู่บ้านหลี่ถึงแม้ว่าจะมีฐานะยากจน แต่ก็ยังกว้างขวางกว่าโรงเก็บฟืนของบ้านมู่อยู่มาก 

มู่ซีที่ตื่นขึ้นมาได้รับฟังเรื่องราวทั้งหมด เมื่อเห็นว่าเรื่องราวจบลงด้วยดี จึงได้ผ่อนคลายแล้วหลับลงไปอีกรอบ จะให้ทำอย่างไรได้ เพราะร่างนี้เป็นเด็กแค่เจ็ดขวบ ทั้งยังไม่สบาย ที่ฝืนตื่นมารับฟังเรื่องราวก็เกินขีดจำกัดของร่างกายไปแล้ว 

มู่ซีให้สัญญากับตนเองว่า นอกจากจะต้องปกป้องพี่สาวแล้ว ยายหลี่กับป้าหลี่ก็ต้องตอบแทนบุญคุณเช่นกัน 

 

เย็นวันเดียวกัน กลิ่นหอมของน้ำซุปอะไรสักอย่างปลุกให้มู่ซีตื่นขึ้นมา รอบนี้เธอสามารถลืมตาได้ไม่ยากลำบากมาก อาจจะเพราะไข้ลดลงแล้ว แผลก็ได้รับการรักษาใส่ยาเรียบร้อย ทำให้ร่างกายฟื้นตัวได้ดี 

“ซีซีน้อยของพวกเราตื่นแล้ว” เป็นเสียงของหลี่เยว่หรานที่เข้ามาดูอาการของลูกสาวคนเล็กพอดี ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงยินดี 

“ป้าหลี่” มู่ซีจำได้ว่าร่างนี้เคยเรียกคนตรงหน้าแบบนี้  

“เป็นไงบ้าง ยัยหนูซีซี ยังเจ็บศีรษะอยู่ไหม” หลี่เยว่หรานว่าแล้วก็นั่งลงบนเตียง เอาหลังมือไปแตะที่หน้าผาก พร้อมกับสำรวจร่างกายเด็กหญิงตรงหน้าอย่างใส่ใจ 

“ปวดศีรษะเล็กน้อยค่ะ ว่าแต่ที่นี่ที่ไหนคะ” มู่ซีไม่สามารถบอกได้ว่าเธอรับรู้เรื่องราวทุกอย่างหมดแล้ว เลยต้องแกล้งทำตัวเหมือนไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนกลางวัน 

“เอาล่ะ ลุกไหวไหม นี่ก็เย็นมากแล้ว ลุกไปกินข้าวหน่อยจะได้ดื่มสมุนไพรต้ม”  

“ไหวค่ะ” พอมู่ซีเอ่ยตอบ หลี่เยว่หรานก็ช่วยพยุงเด็กน้อยให้ลุกขึ้นแล้วประคองออกไปยังโถงบ้านที่มีโต๊ะเก้าอี้สำหรับกินข้าว 

“ซีซี น้องฟื้นแล้ว เป็นไงบ้าง ยังเจ็บศีรษะอยู่ไหม” มู่เซียนยกกับข้าวเข้ามาในห้องโถง เมื่อเห็นน้องสาวก็เอ่ยถามออกมาอย่างกังวล กลัวว่าน้องสาวจะยังไม่ดีขึ้น 

“พี่เซียนเซียน ฉันดีขึ้นมากแล้วค่ะ ว่าแต่...”  

“เอาล่ะ เอาล่ะ อย่าเพิ่งพูดอะไรเลย มานั่งกินข้าวกันก่อน เดี๋ยวอาหารจะเย็นไปซะหมด” ยายหลี่ที่ถือโถข้าวตามออกมาจากในครัวเอ่ยขัดขึ้น พอดีกับหลี่เยว่หรานประคองมู่ซีลงนั่งเก้าอี้กลางห้องโถงแล้ว 

“ซีซี เอานี้ขาไก่ คนป่วยต้องบำรุงหน่อย” ยายหลี่ใช้ตะเกียบหยิบขาไก่วางไว้บนชามข้าวของมู่ซี ทว่าก็ไม่ลืมคีบขาอีกข้างวางไว้บนชามข้าวของมู่เซียนเช่นกัน 

“ยายจ๊ะ ยายกินเถอะ เซียนเซียนเกรงใจ” มู่เซียนทำท่าจะคีบขาไก่คืนให้กับยายหลี่ก็ต้องหยุดชะงักลง เมื่อหลี่เยว่หรานเอ่ยปรามไว้ 

“เซียนเซียน กินเถอะลูก วันนี้เราเลี้ยงฉลองที่รับหนูสองคนมาเป็นคนบ้านหลี่ ดังนั้นแม่กับยายว่าอย่างไรก็ห้ามปฏิเสธ”  

“ใช่ ๆ ยายแก่แล้ว จะกินอะไรมากมาย เซียนเซียนกับซีซียังเด็ก ต้องกินให้มากหน่อย ดูสิ ร่างกายผอมซะขนาดนี้ ว่าแล้วก็โมโหให้บ้านมู่ไม่ได้” ยายหลี่สบถออกมา แต่เมื่อมองไปยังหลี่เยว่หรานที่ส่ายหน้าให้ ก็รีบเปลี่ยนคำพูดทันที  

ใครจะอยากไปได้ยินครอบครัวแท้ ๆ รังแกกัน ถึงแม้ว่าจะเป็นเด็กก็เถอะ ดูสิ ขนาดโดนย่าแท้ๆ ไล่ออกบ้านยังไปคารวะขอบคุณอีก 

“กินเยอะ ๆ ถ้าไม่อิ่มก็เติมได้อีก” ยายหลี่บอกหลานสาว ทำเอามู่เซียนที่อ่อนไหวน้ำตาเริ่มรื่นขึ้นมาอีกครั้ง 

“ไม่เอาน่า ยัยหนูเซียนเซียนสัญญากับแม่ ต่อไปหนูจะมีความสุขจะไม่ร้องไห้อีก” หลี่เยว่หรานรีบแตะแขนลูกสาวคนโตทันที 

“จ้ะ เซียนเซียนขออภัย ต่อไปเซียนเซียนจะไม่ร้องไห้แล้วจ้ะ” 

“พี่เซียนเซียน มันเกิดอะไรขึ้นคะ” มู่ซีที่นั่งฟังเรื่องราวทั้งหมดแกล้งถามขึ้น เพราะถ้าเธอไม่ทำแบบนี้ สองแม่ลูกบ้านหลี่คงได้สงสัยแน่ ว่าเธอรู้ได้อย่างไรทั้ง ๆ ที่ไม่ได้สติ 

“ซีซี กินข้าวก่อน กินเสร็จก็ค่อยเล่า” ยายหลี่เอ่ยขึ้น ทำให้ทุกคนหันมาตั้งใจกินข้าว 

 ซึ่งมื้อนี้เป็นมื้อแรกที่มู่เซียนกับมู่ซีได้กินข้าวเต็มอิ่ม เสียงหัวเราะ เสียงพูดคุยของบ้านหลี่ทำให้มู่ซีถึงกับยิ้มออกมา อย่างน้อยพระเจ้าก็ไม่ได้โหดร้ายกับเธอมากเกินไป  

ก็ดูในซีรีส์หรือนิยายที่เธอชอบอ่านสิ นางเอกของเรื่องต้องไปต่อสู้กับย่าของตนเองเพื่อแยกบ้าน แต่เธอไม่ต้องเจอปัญหานี้ ฟื้นขึ้นมาก็แยกบ้านได้เรียบร้อยแล้ว ต่อไปก็แค่ทำให้ครอบครัวหลี่ร่ำรวยเท่านั้น 

“แม่จ๋า แล้วทำไมแม่กับยายถึงรับซีซีกับพี่เซียนเซียนมาอยู่ด้วยละจ๊ะ” มู่ซีเอ่ยถามขึ้น หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากของมู่เซียนแล้ว  

“เจ้าเด็กปากหวาน ไม่ทันไรก็รู้จักอ้อนเสียแล้ว จำไม่ได้เหรอว่าแม่จิ่วหงของพวกเราสองคนนะเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของแม่ จิ่วหงนะ ยอมเป็นเพื่อนของแม่ ยอมถูกเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันในหมู่บ้านไม่เล่นด้วย ยอมมีแม่เป็นเพื่อนเพียงคนเดียว แล้วตอนนี้ลูกของจิ่วหงลำบาก ทำไมแม่จะไม่เข้าไปช่วยเหลือ 

ในตอนที่จิ่วหงกับพ่อของลูกเสียชีวิตใหม่ ๆ แม่ก็อยากไปช่วยแต่ลำพังแม่กับยายก็ลำบาก แต่ตอนนี้แม่ได้งานทำที่ในตัวเมืองแล้ว อีกอย่างแม่ก็ทนไม่ไหวที่เห็นยายเฒ่ามู่ทำกับเราสองคนแบบนั้น แม่กับยายเลยตกลงกันว่าจะรับเราสองคนมาดูแลเอง โชคดี ที่วันนี้ยายเฒ่ามู่หลุดพูดออกมา แม่กับยายเลยใช้โอกาสนี้เอาตัวเราสองคนมาเสียเลย เรื่องมันก็มีเท่านี้แหละ”  

“แม่จ๋า แล้วเพื่อช่วยพวกเราแม่ต้องเสียเงินไปตั้งเยอะ ซีซีสัญญาว่าจะต้องตอบแทนแล้วหาเงินมาให้แม่เป็นล้านเท่าหมื่นเท่าเลยค่ะ” มู่ซีเกาะแขนหลี่เยว่หรานพร้อมเอ่ยคำสัญญาออกมา 

“ถ้าซีซีกับเซียนเซียนอยากตอบแทนแม่กับยาย ก็ต้องไปโรงเรียน”  

“หา แม่จ๋า พูดว่าจะให้เซียนเซียนกับน้องไปโรงเรียนเหรอคะ” มู่เซียนอุทานออกมาเสียงดัง เพราะเธออายุสิบขวบแล้ว ตอนที่พ่อกับแม่ยังอยู่เธอก็ได้ไปโรงเรียนแต่เรียนได้แค่ปีเดียวก็ต้องออกมาทำงานให้กับบ้านมู่ ไม่ต้องพูดถึงน้องสาว ไม่ได้เข้าเรียนเลย 

“แต่แม่จ๋า ไปโรงเรียนต้องใช้เงินมาก แล้วแม่จ๋ามีเงินเหรอคะ” มู่ซีเอ่ยถามเสียงเบา  

เด็กคนหนึ่งใช้จ่ายในการเรียนไม่น้อยเลย และพวกเธอสองพี่น้องยังเป็นเด็กผู้หญิงอีก แม่บุญธรรมจะจ่ายค่าเล่าเรียนให้จริง ๆ หรือ 

“เรื่องค่าเรียน เซียนเซียนกับซีซีไม่ต้องเป็นห่วง แม่พอมีเงินเก็บ แล้วทุกเดือนแม่ก็มีเงินเดือนตั้งสามสิบหยวน ไม่ว่าอย่างไร แม่ก็จะต้องให้เราสองพี่น้องเรียนหนังสือให้ได้”  

“อย่างไรตอนนี้ก็ยังไปเรียนไม่ได้อยู่ดี ต้องรอปีหน้า” ยายหลี่เอ่ยขึ้นบ้าง 

“เอาล่ะ วันนี้ก็เหนื่อยกันมาเยอะแล้ว แม่ว่าพวกเราไปนอนได้แล้ว ซีซียังต้องพักผ่อนให้มาก” หลี่เยว่หรานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน 

“ฝันดีค่ะ” สองพี่น้องมู่เอ่ยลายายหลี่กับหลี่เยว่หราน ก่อนที่มู่เซียนจะประคองน้องสาวกลับเข้าไปในห้องนอน 

“ซีซี น้องนอนเถอะ พรุ่งนี้ยังมีอะไรให้ทำอีกมาก เราต้องตอบแทนยายหลี่กับแม่จ๋าให้ดี” มู่เซียนเอ่ยกับน้องสาว พลางห่มผ้าให้  

“พี่เซียนเซียน ฉันสัญญาว่าต่อไปพวกเราจะต้องสบายแน่นอน”  

“จ้า ตอนนี้นอนได้แล้ว” มู่เซียนลูบศีรษะน้องสาวแล้วยิ้มให้ คืนนี้เป็นคืนแรกที่สองพี่น้องนอนกอดกันกลมด้วยความรู้สึกปลอดภัยและมีความสุขในรอบหลายปี 

 

 

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ