“เจ้าคิดว่า ข้าควรเก็บมันไว้ในกล่องไม้แล้วซ่อนให้ไกลตัวดีหรือไม่”
เสี่ยวจูพยักหน้าทันที หลายคืนที่ผ่านมา นางนอนผวาเพราะฝันร้าย ฝันว่าเจอผีมาหลอกหลอนจนนอนไม่พอ ร่างกายอ่อนเพลีย ตอนนี้นางไม่แปลกใจเลยสักนิด หากคุณหนูใหญ่จะร่างกายอ่อนแอ
“ดีเจ้าค่ะ ข้ามียันต์จากศาลเจ้าด้วยเจ้าค่ะ เดี๋ยวข้าจะเอามาพันมันไว้อย่างดี ไม่ให้สิ่งอัปมงคลออกมาได้ แล้วเหตุใดผีจึงไปสิงในปิ่นนี้ได้ หรือว่าคุณหนูเหมยฮวาจะ...” เสี่ยวจูตาโต เมื่อนึกถึงที่มาของภูติผี
“ฮวาเอ๋อร์มอบให้ข้าเป็นของขวัญ นางมอบมันจากใจ ส่วนผีนั้นคงเป็นวิญญาณเร่ร่อนที่บังเอิญมาเจอปิ่นนี้พอดี และพอดีกับข้าที่อ่อนแอ เจ้าอย่าได้บอกเรื่องผีกับผู้ใดเด็ดขาด ผู้อื่นจะกล่าวว่าเจ้าเพ้อเจ้อ” เจียงลี่มี่กำชับอีกครั้ง เรื่องผีที่เธอกุขึ้น หากหลุดออกไป อาจนำเรื่องยุ่งยากมาให้ในภายหลังได้
“เจ้าค่ะคุณหนูใหญ่” เสี่ยวจูรับคำ ก่อนจะเดินหายไป แล้วจึงกลับมาอีกครั้ง ในมือถือกล่องไม้ขนาดเล็กยื่นให้ เจียงลี่มี่มองกล่องนั้นสลับไปมากับเสี่ยวจู ก่อนจะมองไปที่ปิ่นปักผม
“เจ้าจะให้ข้าเป็นผู้เก็บ?” เสี่ยวจูพยักหน้า ยื่นผ้าสีแดงที่มีลวดลายสีทองให้อีกผืน แต่เจียงลี่มี่กอดอก ไม่ยอมรับของเหล่านั้น
“แต่ข้ากลัวผีนี่เจ้าคะ” เสี่ยวจูหน้าเศร้า มองคุณหนูใหญ่ของนางด้วยสายตาอ้อนวอน
“แล้วข้าไม่กลัวเหรอ รีบเก็บเถอะนี่เป็นตอนกลางวันผีไม่ออกมาหรอก” เจียงลี่มี่มองเสี่ยวจูที่กำลังห่อปิ่นด้วยผ้ายันต์สีแดง ก่อนจะรีบใส่กล่อง ปิดผนึกอย่างดี
“ข้าไปศาลเจ้าก่อนนะเจ้าคะ จะเอาปิ่นไปไว้ที่นั่น” เสี่ยวจูบอกเธอและรีบเดินออกไป เจียงลี่มี่มองตามพร้อมกับยิ้มออกมา เมื่อเสี่ยวจูลับสายตา เธอก็หัวเราะออกมาทันที
ผ่านไปราวครึ่งชั่วยาม เสี่ยวจูจึงกลับมา
“ข้าเอาปิ่นนั่นไปไว้ที่ศาลเจ้าเรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ”
“ไม่กลัวผีไปหลอกผู้อื่น?”
“ไม่เจ้าค่ะ อยู่ในศาลเจ้า ไปหลอกใครไม่ได้หรอก” เสี่ยวจูตอบอย่างมั่นใจ
“แล้วถ้าผีมันหลุดออกมา?”
“มีพระหลายรูปดูแลที่นั่น ผีกลัวพระเจ้าค่ะ” เสี่ยวจูตอบอย่างหนักแน่น
“แล้วพระไม่กลัวผี?” เจียงลี่มี่ถามต่อยิ้มๆ มองใบหน้าที่เริ่มเปลี่ยนไปของเสี่ยวจู ตอนนี้ใบหน้าของเสี่ยวจูเริ่มออกอาการลังเล หันกลับไปมองที่ด้านหลัง ก่อนจะหันกลับมา เม้มปากแน่น คิ้วชนกัน ก่อนจะเอ่ยเสียงอ่อย
“กลัวหรือไม่ ข้าก็ไม่แน่ใจ เพราะข้าไม่ใช่พระ แต่ถ้าเก็บไว้ที่นี่ ข้ากลัวเจ้าค่ะ กลัวว่ามันจะทำร้ายคุณหนูใหญ่ หากนำมันไปให้ไกล คุณหนูใหญ่อาจหายจากโรคที่เป็นอยู่ ข้าคิดว่าที่คุณหนูใหญ่ป่วยต้องเป็นเพราะปิ่นอันนั้น”
ในความคิดของเสี่ยวจู เชื่อว่าผีไม่กล้าออกมาอาละวาดในศาลเจ้า แต่ถ้าเป็นที่นี่ มันต้องออกมารังแกนางและคุณหนูใหญ่ให้เจ็บป่วยแน่นอน
เจียงลี่มี่นิ่งไป คำพูดของเสี่ยวจูถูกต้อง ปิ่นนั้นทำให้เธอป่วยจริงๆ
“ฉลาดกว่าเจ้าคงมีเพียงข้า”
เสี่ยวจูยู่หน้า คุณหนูใหญ่ชมนางอย่างไรให้เหมือนชมตัวเอง ก่อนจะเดินไปริมหน้าต่าง จัดแต่งต้นไม้สีแดงประหลาดตา
“บางครั้งอนุกัวก็ทำข้าประหลาดใจ เหมือนนางมีเล่ห์เหลี่ยม แต่บางครั้งก็ใจดี อย่างเช่นต้นไม้นี้ น่าจะเป็นต้นไม้หายาก สีสันประหลาดนัก ต้นไม้อื่นมีสีเขียว แต่ต้นไม้นี้มีสีแดงตลอดทั้งต้น ดูอย่างไรก็แปลก นางนึกอย่างไรจึงมอบให้คุณหนูใหญ่แทนที่จะเก็บไว้เอง”
เจียงลี่มี่อมยิ้ม ไม่นึกอย่างไรหรอก อนุกัวเพียงอยากให้เธอตายไวที่สุดเท่านั้น ผู้เป็นแม่มอบต้นเหมยแดงให้ ผู้เป็นลูกมอบปิ่นปักผมที่ทำจากไม้กร่อนใจ เมื่อนำมาอยู่ใกล้กัน ผลลัพธ์คือความตายของผู้ครอบครอง สำหรับผู้อื่นคงคิดว่าสองแม่ลูกนั่นเป็นห่วงเธอจากใจจริง เมื่ออาการดีขึ้นจึงมอบของขวัญให้ ช่างเป็นของขวัญที่ดีจริง ๆ
เจียงลี่มี่นั่งมองต้นเหมยแดง ครุ่นคิดถึงความทรงจำที่เธอได้รับรู้และเรื่องราวในนิยาย เธออ่านนิยายเรื่อง ‘ผลอิงเถาของเหมยฮวา’ จนจำได้ขึ้นใจทุกรายละเอียด
เธอหลุดมาอยู่ในโลกนิยายครั้งก่อน ตอนนั้นอายุเพียง 10 ปี ถือว่ายังเด็กนัก แต่ครั้งนี้เธอย้อนมาในตอนที่อายุ 15 ปี ในวัยปักปิ่นก่อนที่เธอจะถูกเหมยฮวาวางยาพิษจนตาย นับว่าช้าไปมาก แผนการของอนุกัวและเหมยฮวาสมควรดำเนินมาไกลมากแล้ว เห็นได้ชัดจากสภาพร่างกายที่เหมือนผีของเธอตอนนี้
หากยังไม่รีบทำอะไร อีกไม่นานเธอต้องถูกเหมยฮวาวางยาพิษในน้ำชาแน่นอน นับว่าอนุกัวเดินหมากได้ชาญฉลาด ส่วนเหมยฮวาก็เป็นนางร้ายในคราบนางเอก น้องสาวแสนดีที่ตั้งใจฆ่าพี่สาวเพื่อแย่งผู้ชาย
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?