ตอนที่ 13 ยี่สิบไม้และตอแหลไม่เลิก

“ท่านปล่อยให้อนุของท่านเหยียบศีรษะข้า พอถึงคราวที่ข้าจะลงโทษสั่งสอน ท่านกลับห้ามปราม แล้วตำแหน่งฮูหยินเอกของข้าจะมีความหมายอันใด ท่านลืมไปกระมังว่า ข้าเป็นฮูหยินเอกของท่านที่แต่งกับท่านด้วยสมรสพระราชทานที่ท่านทูลขอฝ่าบาทมา แต่ท่านกลับไม่ให้เกียรติข้าสักนิด”

“ดังนั้น ข้าจึงอยากรู้ว่าหากจวนเสนาบดีของท่านไม่มีข้า ไม่มีจวนแม่ทัพว่านหลินจื้อ ฝ่าบาทจะทรงคิดเห็นเช่นไร จวนเสนาบดีของท่านกับจวนแม่ทัพว่านหลินจื้อของข้า จวนใดจะมีน้ำหนักในพระทัยฝ่าบาทมากกว่ากัน และข้าก็อยากรู้เช่นกันว่าบ้านพ่อค้ากัวของอนุกัวจะเกื้อหนุนท่านได้สักเพียงไหน”

คำพูดทั้งหมดนี้ทำให้เสนาบดีฝ่ายซ้ายเจียงหมิ่นนิ่งเงียบไปทันที นี่เป็นครั้งแรกที่ว่านลู่เหมยในฐานะฮูหยินเอกวางอำนาจในจวนเสนาบดีแห่งนี้

มองเห็นเสนาบดีฝ่ายซ้ายเจียงหมิ่นยืนนิ่งงัน ว่านลู่เหมยก็แค่นยิ้มออกมา

“โบยอนุกัวยี่สิบไม้”

คำสั่งถูกเอ่ยออกมาอีกครั้ง และครั้งนี้ไม่มีเสียงห้ามปรามจากเสนาบดีฝ่ายซ้ายสักนิด

กัวซื่อร้องโอดโอยออกมาทันที ไม้พลองถูกตีลงบนก้นของนางอย่างหนักหน่วงยี่สิบครั้งไม่ขาดไม่เกิน นางเจ็บปวดแทบขาดใจ เมื่อโบยเสร็จสิ้น นางก็หมดสติไปทันที

“ลากนางกลับไปที่เรือน ให้เหมยฮวา บุตรสาวของนางดูแล จำไว้ให้ดีว่าอนุกัวต้องอยู่แต่ในเรือนของตนเองห้าวัน”

“ขอรับ” พ่อบ้านรับคำก่อนจะสั่งให้บ่าวชายคนหนึ่งไปบอกคุณหนูรองเจียงเหมยฮวาถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น สาวใช้หลายคนช่วยกันแบกร่างหมดสติของอนุกัวกลับไปเรือนพักของนาง

เจียงลี่มี่ที่นอนฟังเรื่องราวอยู่บนเตียงเบิ่งตากว้างก่อนจะรำพึงออกมา

“เหมยฮวา?”

เธอรู้จักชื่อนี้นะ ไม่สิ ไม่ใช่แค่รู้จัก เธอคุ้นด้วย นี่มันชื่อตัวละครในนิยาย ‘ผลอิงเถาของเหมยฮวา’ ไม่ใช่หรือ เธอคุ้นตั้งแต่เสนาบดีฝ่ายซ้ายเจียงหมิ่น ฮูหยินเอกว่านลู่เหมย อนุกัวซื่อ จนมาถึงเจียงเหมยฮวา ว่าแต่มันใช่จริงๆ? เจียงลี่มี่ไม่แน่ใจแล้ว

นอนคิดได้ครู่ใหญ่ ฮูหยินเอกว่านลู่เหมยก็เดินกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง

“มี่เอ๋อร์ของแม่ เป็นอย่างไรบ้าง” น้ำเสียงของนางอ่อนโยนสุดแสนยามกล่าววาจากับบุตรสาว

เจียงลี่มี่ต้องน้ำตารื้น นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ยินคำพูดนุ่มหูจากคนเป็นแม่ ถึงจะไม่ใช่แม่แท้ๆ ของเธอแต่เธอก็ดีใจ

“หนู...เอ่อ...ข้าดีขึ้นแล้วเจ้าค่ะ”

ว่านลู่เหมยยิ้มอย่างดีใจ แค่ได้ยินบุตรสาวพูดจากับนาง นางก็ดีใจแทบตายแล้ว

“เจ้าหิวหรือไม่ อยากกินอะไรหรือไม่ แม่จะไปทำมาให้”

คำถามนี้ทำให้เจียงลี่มี่อึ้งไป จะให้เธอตอบอย่างไร เธอไม่รู้ว่าเจียงลี่มี่ในนิยายชอบกินอะไร คนเขียนไม่ได้บรรยายไว้

“เอ่อ...ท่านแม่ทำอะไรมา ลูกก็ชอบทั้งหมดเจ้าค่ะ” เธอเอาตัวรอดจนได้

“ได้ ได้ เช่นนั้นแม่จะทำน้ำแกงปลาตุ๋นมาให้เจ้าดื่มเสียก่อน เจ้าเพิ่งฟื้น กินอาหารอ่อนๆ ไปก่อนนะลูกแม่”

เจียงลี่มี่ยิ้มรับกับความเอาใจใส่นี้ “ขอบคุณเจ้าค่ะ”

“เสี่ยวจู เจ้าอยู่เป็นเพื่อนคุณหนู มีอะไร รีบตามข้าทันที เดี๋ยวข้าไปที่ครัวก่อน”

“เจ้าค่ะ” เสี่ยวจูรับคำ

ผ่านไปอีกสิบวัน อาการป่วยของเจียงลี่มี่ก็หายเป็นปกติ สร้างความประหลาดใจให้กับหมอหลวงยิ่งนัก แต่กับว่านลู่เหมย กล่าวได้ว่านางดีใจยิ่งกว่าผู้ใดที่บุตรสาวของนางหายป่วย กลับมาแข็งแรงดังเดิม แม้ตอนนี้เจียงลี่มี่จะยังผอมแห้งเพราะเพิ่งฟื้นตัว แต่อีกไม่นาน นางจะดูแลและบำรุงบุตรสาวของนางให้กลับมางดงามเช่นเดิมหรืองดงามกว่าเดิม

เจียงลี่มี่เอนกายพักผ่อนที่ตั่งคนงาม สายตาทอดมองทิวทัศน์เบื้องนอก เวลานี้เธอแน่ใจแล้วว่าเธอหลุดเข้ามาในนิยาย ‘ผลอิงเถาของเหมยฮวา’ เพราะสภาพรอบตัวและผู้คนทั้งหมด ทุกอย่างถูกต้องตรงกันกับนิยายเรื่องนี้

แม้เธอจะแปลกใจว่าเธอหลุดเข้ามาได้อย่างไร แต่นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ที่สำคัญคือเธอกลัวที่จะไม่ได้อยู่ในนิยายเรื่องนี้ เธอกลัวเพราะเธอรักฮูหยินเอกว่านลู่เหมย คุณแม่ที่รักเธอสุดหัวใจ นี่เป็นความรักจากมารดาที่เธอโหยหามาตลอด เธอไม่ต้องการเสียมันไป

เสียงแกรกกรากดังขึ้นที่ด้านหลัง ฉุดให้เจียงลี่มี่หลุดจากภวังค์ เมื่อหันไปดูจึงเห็นร่างของสตรีสองนางที่ก้าวเข้ามาในห้อง

ใบหน้าของสตรีคนแรก แม้จะงดงามแต่ก็มีริ้วรอยของกาลเวลา ริมฝีปากสีแดงสด นัยน์ตาเรียวรีอย่างเจ้าเล่ห์ รูปร่างผอมบาง ชวนให้นึกถึงนางร้ายในละครที่เธอเคยร่วมงานด้วย นี่ย่อมเป็นกัวซื่อหรืออนุกัว เจียงลี่มี่แน่ใจ

สตรีอีกนางมีใบหน้ารูปไข่ ผิวขาวผุดผ่อง ดวงตายาวรี คิ้วโก่งดั่งคันธนู จมูกโด่ง ริมฝีปากสีชมพูระเรื่อ รูปร่างบอบบาง นางคือเจียงเหมยฮวา นางเอกในนิยาย คู่แม่ลูกแสนดีในนิยาย แต่คือนางร้ายสำหรับเจียงลี่มี่

ที่สำคัญคือ ท่าทีของอนุกัวบอกชัดว่าการถูกโบยยี่สิบไม้ไม่ทำให้นางหลาบจำ

“โถ คุณหนูใหญ่ช่างน่าสงสารนัก ได้ยินฮูหยินเอกกล่าวว่าเจ้าหายดีแล้ว แต่ยังผอมแห้งเช่นนี้ นี่จะเรียกว่าหายดีได้อย่างไร อาการของเจ้าคงหนักมาก หากข้าสามารถช่วยแบ่งเบาความเจ็บปวดของเจ้าได้บ้างก็คงดี” อนุกัวถือวิสาสะนั่งลงที่เก้าอี้ใกล้ๆ และยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับน้ำตาพร้อมกับเอ่ยวาจาเห็นอกเห็นใจ แต่เจียงลี่มี่กลับรู้สึกสะอิดสะเอียน อนุกัวผู้นี้ช่างแสดงละครเก่งเก่งนัก

“พี่ลี่มี่ อาการเป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะ ข้าเป็นห่วงท่านมาก วันนี้ได้ยินบ่าวรับใช้คุยกันว่าท่านรับประทานได้ไม่มาก อาการท่านไม่สู้ดี ข้ากับท่านแม่จึงนำยาบำรุงและผลไม้มาให้ท่าน” เจียงเหมยฮวาบอกออกมาพร้อมสีหน้าแสดงความเป็นห่วงจากใจจริง

เจียงลี่มี่แทบแค่นยิ้มออกมา หากยุคนี้มีตุ๊กตาทอง เธอจะมอบให้แม่ลูกคู่นี้ แสดงได้ดีเหลือเกิน แต่...ขอโทษนะ ฉันดูออกย่ะหล่อน

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ