ตอนที่ 11 ฮูหยินเอกปะทะอนุ (ต้น)

"พวกท่านช่าง....ช่าง..ข้าไม่รู้จะกล่าวคำใด"

"ที่ท่านไม่กล่าวคำใดเพราะรู้สึกตื้นตันใจกับสิ่งที่ข้ากล่าวใช่หรือไม่ บุตรสาวของข้ามีวาสนานักที่มีท่านเป็นบิดาบุญธรรม ภายภาคหน้าหากนางเจ็บป่วยอีกครั้ง จะได้มีที่พึ่งพิง มีท่านคอยรักษาจนหายดีเช่นวันนี้"

ว่านลู่เหมยกล่าวด้วยความดีใจ นางคาดหวังไว้ว่าจะผูกไมตรีกับหมอหลวง ในภายภาคหน้าจะได้พึ่งพาเขา เพราะบุตรสาวของนางร่างกายอ่อนแอมาแต่เด็ก หากได้หมอหลวงมาเป็นบิดาบุญธรรม เพียงเท่านี้ชีวิตของบุตรสาวนางย่อมไม่มีปัญหาอีกต่อไป

"ฮูหยินของข้าช่างเฉลียวฉลาด หากให้มี่เอ๋อร์เป็นบุตรบุญธรรมของท่านหมอหลวง ข้าก็สบายใจ ชีวิตนี้ไม่มีอะไรที่ต้องห่วง เพราะข้ามั่นใจว่าท่านหมอหลวงจะรักษาชีวิตของบุตรสาวข้าได้” เสนาบดีฝ่ายซ้ายคารวะหมอหลวงอีกครั้ง สีหน้าแสดงความนับถือจากใจจริง

"ฮือ ๆ ๆ คุณหนูใหญ่ไม่น่าด่วนจากไปเลย ข้าเสียใจแทนฮูหยินเอกยิ่งนัก บุตรสาวอายุยังน้อยแต่ต้องจากโลกนี้ไป ช่างน่าเสียดายจริง ๆ”

พลันมีเสียงสตรีร้องไห้ที่ด้านนอก ทำให้ผู้คนข้างในหยุดชะงัก ว่านลู่เหมยขมวดคิ้วก่อนจะเดินออกไปเพื่อพบเจ้าของเสียงร้องไห้นั้นทันที

"อนุกัว เจ้าไม่ต้องเสียใจแทนข้าหรอก เพราะตอนนี้ข้าไม่เสียใจสักนิด" ฮูหยินเอกกล่าวและจ้องหน้าอนุกัวอย่างเย็นชา

หนอย บุตรสาวของนางเพิ่งฟื้น ก็มีคนมาก่อกวน ช่างไม่รู้จักดีชั่วจริงๆ ว่านลู่เหมยคิดอย่างขุ่นเคือง

"ฮูหยินเอก ท่านอย่าหลอกตัวเองดีกว่า ผู้ใดก็ทราบว่าบุตรสาวของท่านเจ็บป่วยมานาน และคืนนี้อาการของนางก็หนักเกินกว่าจะรักษาได้ ข้าเห็นบ่าวรับใช้ในจวนวิ่งกันวุ่นวายก่อนจะพากันร้องไห้ระงม ฮูหยินเอก ท่านทำใจเถิด บุตรสาวท่านมีวาสนาเพียงเท่านี้ อย่าได้หลอกตนเองอีกต่อไปเลย"

อนุกัวตอบกลับ น้ำเสียงแหลมสูง ช่างบาดแก้วหูผู้ที่ได้ยินนัก

"กัวซื่อ ทราบหรือไม่ บางครั้งข้าก็สงสัยนักว่า ท่านพี่ชื่นชอบอะไรในตัวเจ้า เพราะเท่าที่ข้าเห็น แม้ปากของเจ้าไม่เน่าเสีย แต่กล่าววาจาทุกครั้งล้วนไม่มีเรื่องดีราวกับมีซากสุนัขเน่าเหม็นอยู่ในปาก หากข้าจะทุ่มเทเพื่อรักษาบุตรสาวข้า เจ้าเดือดร้อนอะไร หรือว่าบุตรสาวข้าทำให้อายุของบิดามารดาเจ้าสั้นลง ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าคงช่วยอะไรไม่ได้” ว่านลู่เหมยตอกกลับอย่างไม่ไว้หน้า นางทอดสายตายมองอนุกัวอย่างเหยียดหยาม

อนุกัวตัวสั่นเทิ้มเมื่อถูกฮูหยินเอกที่แทบไม่มีปากเสียงก่นด่า

"ข้าเพียงพูดความจริงเท่านั้น เหตุใดฮูหยินเอกจึงต้องโมโหข้าและว่าร้ายบิดามารข้าเช่นนี้ ท่านเองก็ทราบดีว่าบุตรสาวท่านเจ็บป่วยมาตั้งแต่ยังเด็ก รักษาเท่าใดก็ไม่หาย ท่านอย่าหลอกตัวเองอีกเลยว่านางจะหาย มีแต่ความตายเท่านั้นที่จะมาเยือนนาง"

ว่านลู่เหมยได้ยินก็ยิ่งโมโห กล้าดีอย่างไรมาพูดจาเช่นนี้ต่อหน้านาง ที่ผ่านมาแม้นางจะไม่เคยระรานอนุภรรยาคนใด เพราะนางถือตัวว่าบิดาของนางคือแม่ทัพใหญ่ นางจึงไม่คิดลดเกียรติตัวเองลงมาตบตีเพื่อแย่งชิงความโปรดปรานของสามีกับสตรีอื่น

“ป่วยนานแล้วอย่างไร ตราบเท่าที่มีความหวัง ทั้งข้าก็มีทรัพย์สินเงินทองมากมาย ข้าก็จะรักษาบุตรสาวข้าจนกว่าจะหายดี เก็บปากเน่าเหม็นและความหวังดีของเจ้าไปเถิด ข้าไม่ต้องการ”

“ข้าเพียงหวังดีกับท่าน ไม่อยากให้ท่านต้องจมอยู่ในความเศร้า”

“อย่างนั้น? ดูเหมือนว่าเจ้าไม่ใช่มารดาที่ดีจึงไม่เข้าใจว่าคนเป็นมารดารู้สึกเช่นไร อนุกัว ที่ผ่านมาข้าอาจไม่สนใจการกระทำของเจ้า แต่ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะล้ำเส้นข้าได้”

“อีกอย่าง เจ้าควรจำไว้ให้ดีว่าข้าคือฮูหยินเอก ส่วนเจ้า เป็นเพียงอนุ อนุที่ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นได้แค่อนุ ‘ตลอดชีวิต’ เท่านั้น” ว่านลู่เหมยตอกย้ำฐานะอันต่ำต้อยที่เป็นได้เพียงอนุตลอดชีวิตของกัวซื่อ

เสนาบดีฝ่ายซ้ายต้องถอนหายใจ เขาคาดหวังอยากให้ฮูหยินเอกและอนุทั้งสี่อยู่ร่วมกันได้ ไร้ซึ่งความเกลียดชัง แต่ดูเหมือนยิ่งอยากให้พวกนางปรองดอง ยิ่งกลายเป็นปัญหา

เจียงลี่มี่ที่นอนฟังเงียบ ๆ รู้สึกคุ้นหูนัก กัวซื่อ อนุกัว? เหมือนเธอจะรู้จักคนคนนี้

อนุกัวสั่นเทิ้มไปหมด หากยังคงฝืนใจกล่าวต่อ “เหตุใดฮูหยินเอกจึงพูดจาตัดเยื่อใยเช่นนี้ ข้ากับท่านก็เปรียบเสมือนพี่น้อง มีสามีคนเดียวกัน ข้าจึงอดเป็นห่วงท่านมิได้ แต่ท่านไม่ต้องห่วงข้ามากนัก เพราะข้าเลี้ยงดูบุตรสาวอย่างดี นางมีร่างกายที่แข็งแรง มิได้อ่อนแอเช่นบุตรสาวท่าน”

“แต่ท่านน่าสงสารยิ่งนัก เป็นถึงฮูหยินเอกแต่กลับถูกหมางเมินจากสามี ทั้งยังมีบุตรีอ่อนแอใกล้ตาย ฮือ ๆ สวรรค์ช่างใจร้ายกับท่านยิ่งนัก ข้าสงสารท่านเหลือเกิน” อนุกัวบีบน้ำตา แสดงสีหน้าเสียใจ สงสาร แต่ในใจหัวเราะอย่างสาสมใจยิ่ง

หึ!! เป็นฮูหยินเอกแล้วอย่างไร ฮูหยินเอกที่ถูกสามีทอดทิ้งจะทำอันใดได้

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ