สกุลเหนียนยุ่งหัวหมุนกับการเตรียมงานสมรสบุตรชายคนเดียวทำให้ไม่สังเกตสังกาคนหน้าตาคุ้นเคยมาพักแรมอยู่เรือนป้าลิ่ว แต่เหนียนซูหยวนไม่เป็นแบบนั้น เขาสั่งให้เสี่ยวถานจับตาดูหลี่ถิงถิงให้ดี
“หลี่ถิงถิง อยู่หรือไม่” เสี่ยวถานเดินทางมาเรือนซอมซ่อตั้งใจมาหาเรื่องโดยเฉพาะ
หลี่ถิงถิงที่กำลังนั่งกินสำรับมื้อเช้ากับนายท่านสะดุ้งโหยงหันขวับสบตากันทันที นายท่านรู้สถานการณ์วูบเดียวก็หายตัวไปตรงมุมห้อง หลี่ถิงถิงปรับอารมณ์ไม่ให้แตกตื่นเปิดบานประตู “มีอะไร” ทำหน้าไม่สบอารมณ์ใส่เสี่ยวถาน
เสี่ยวถานเห็นหลี่ถิงถิงเปิดบานประตูแล้วนางไม่รีรอพรวดพราดเข้าไปสำรวจด้านใจ ไม่ได้สนใจเรื่องมารยาทหรือเสียงห้ามปรามของเจ้าของเรือนอีก
“เจ้าทำอะไรของเจ้า!” ครั้งนี้หลี่ถิงถิงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟจริงๆ ไม่ได้เสแสร้งเหมือนเมื่อครู่ “กล้าดีอย่างไรรุกล้ำเขตเรือนของข้า” ยื่นมือไปคว้าข้อมือของเสี่ยวถานแล้วลากออกจากเรือนอย่างโมโห
เสี่ยวถานไม่ทันตั้งตัวถูกกระชากอย่างแรงพลันร้องเอะอะโวยวายลั่นเรือน “ปล่อยข้านะ! นางปีศาจจิ้งจอกปล่อยข้าเดี๋ยวนี้” ทั้งพลั้งปากด่าทอไปหนึ่งประโยค นางยังสำรวจภายในเรือนซอมซ่อไม่เสร็จดี เห็นเพียงการแบ่งแยกสัดส่วนอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยเท่านั้นมิได้เพ่งเล็งจุดที่ท่านเขยชี้แนะ
‘ต้องมีคนคอยเสี้ยมสอนหลี่ถิงถิง’ เป็นคำท่านเขยเหนียนซูหยวนสั่งการให้เสี่ยวถานจับตามองเด็กสาวกำพร้า
เวลาโกรธคนเรามักมีเรี่ยวแรงมหาศาล หลี่ถิงถิงลากเสี่ยวถานมาถึงเรือนหลัก ปากร้องตะโกนลั่น “ท่านป้า ท่านลุง พี่หยวนมิใช่ข้าบอกพวกท่านแล้วหรือไร ว่าเรือนหลังนั้นเป็นส่วนของข้า” ประโยคสุดท้ายเป็นเสียงลอดไรฟันด้วยความโกรธ
“ทำไมพวกท่านถึงได้รังแกข้าอยู่ร่ำไป” คล้ายความอดทนของหลี่ถิงถิงขาดผึ่งแล้วจับเสี่ยวถานโยนลงพื้นดังตุบ
เรือนสกุลเหนียนที่มีญาติเดินทางมาครบพร้อมหน้าเพราะใกล้ถึงวันวิวาห์ของเหนียนซูหยวนแล้วต่างตกอกตกใจเกิดอะไรขึ้น จู่ๆ เด็กสาวคนนี้โผล่มาจากไหน เครือญาติสนิทหน่อยอย่างเย่ฝานนั้นรู้จักดีแต่เครือญาติห่างไกลตกตะลึงพรึงเพริดไม่น้อย
“มันเกิดอะไรขึ้น” ผู้เฒ่าเหนียนสายรองที่เดินทางมาจากต่างหมู่บ้านถือไม้เท้าเดินมาหยุดตรงหน้าหลี่ถิงถิง “แล้วเจ้าเป็นใคร มาโวยวายอะไรที่นี่” เอ็ดตะโรเสียงแหบแห้งทั้งสาดประกายสายตาไม่พอใจไปยังหลี่ถิงถิง
มู่หรงเฉินเยี่ยนที่กระโดดบนหลังคาตามมาอย่างกระชั้นชิด กัดฟันกรอดอยากลงไปฟาดฝีปากกับตาเฒ่าคนนั้นเสียจริง ทว่าพระองค์ปรากฏตัวเท่ากับดึงเภทภัยอันตรายมาสู่หลี่ถิงถิง ใจร้อนรุ่มดั่งไฟครั้นเหลียวซ้ายแลขวาพบชุนฉินกำลังจะใช้วิชาตัวเบากระโดดมาอารักขาพระองค์แล้วพลันยกมือเป็นสัญญาณ
‘เก็บก้อนหินมาด้วย’
หลี่ถิงถิงผุดรอยยิ้มขึ้นน้อยๆ พลางหรี่ตาจดจ้องมองบรรดาญาติสายสกุลเหนียนกับสายสกุลเย่ที่มามุงดูนางในตอนนี้ ในใจคิด ‘ดี! มากคนยิ่งมากความ’ จะได้เปิดเผยความจริงรอบเดียวไม่ต้องคอยอธิบายทีละคน วันนี้อย่างไรเด็กสาวกำพร้าก็ไม่คิดเพิกเฉยปล่อยพวกสกุลเหนียนรังแกอีก
“แล้วท่านผู้เฒ่าเล่าเป็นใคร” หลี่ถิงถิงเชิดหน้าวางท่าถือดี “หากให้ข้าเดา ใบหน้าย่นๆ เช่นนี้คงเป็นนายท่านผู้เฒ่าเย่กระมัง” คนแก่ผู้นี้มีใบหน้าละหม้ายคล้ายนางเย่ซื่อ โดยเฉพาะแววตากลิ้งกลอกนั้นเหมือนกันสมเป็นบิดากับบุตรสาวจริงๆ
“เจ้าลูกวานรที่ไหน? กล้ามาสามหาวกับข้า” ท่านผู้เฒ่าเย่โกรธจัดส่งเสียงตวาดถามพลางกวาดสายตามองหน้าบรรดาลูกหลานคล้ายอยากได้คำตอบ
นางเย่ซื่อที่กำลังดื่มชาอยู่ในห้องรับรองกับพวกฮูหยินขุนนางที่ว่าการอำเภอ สตรีเรือนหลังกลุ่มนี้มาเยือนเพื่อผูกมิตรท่านเขยนายอำเภอจางหวังปูทางให้สามีตนเอง ครั้นเสียงเอะอะมะเทิ่งดังก้องคนทั้งห้องรับรองจึงลุกพรวดออกมามุงดู
แวบแรกภาพเด็กสาวกำพร้าหลี่ถิงถิงยืนท้าวสะเอวประชันหน้ากับบิดาของนาง หัวใจก็ร่วงสู่เหวลึกแล้วไม่พอยังมีเสี่ยวถานสาวใช้นั่งเอามือปิดหน้าร้องห่มร้องไห้ ยิ่งทำให้นางเย่ซื่อรู้สึกทั้งตกใจทั้งโมโห นางเย่ซื่อยืนยิ้มแห้งบอกกล่าวขอตัวไปแก้ไขความเข้าใจผิดกับแขกเหรื่อ จากนั้นพรวดพราดกระชากข้อมือหลี่ถิงถิงแล้วดึงรั้งให้ออกไปจากลานหน้าเรือน
“ปล่อยข้านะท่านป้า” หลี่ถิงถิงสะบัดข้อมือสุดแรงทว่านางตัวเล็กกว่านางเย่ซื่อ เรี่ยวแรงหรือย่อมน้อยกว่าด้วยรูปร่างเทียบกันไม่ได้อยู่แล้ว
“โผล่หัวมาทำไม...เจ้ามาทำให้ข้าขายหน้ารู้หรือไม่” นางเย่ซื่อไม่ฟังคำพูดใดจากปากหลี่ถิงถิง เจตนาลากตัวอัปมงคลออกไปก่อนค่อยมาแก้ต่างกับผู้คน “โอ๊ย!” ทว่าจู่ๆ หัวเข่าพลันรู้สึกเจ็บแปลบ ร่างนางเย่ซื่อทรุดโครมลงกับพื้น โชคดีใบหน้าไม่กระแทกดิน ความเจ็บปวดที่ได้รับฉับพลันทำให้ปล่อยข้อแขนหลี่ถิงถิงทันที
นางเย่ซื่อไม่ทันสังเกตว่ามีก้อนหินก้อนเล็กก้อนหนึ่งเป็นอาวุธที่พุ่งกระแทกหัวเข่า เป็นเหตุให้นางล้มลง
หลี่ถิงถิงยู่หน้าใส่นางเย่ซื่อจากนั้นเดินวกกลับไปหน้าลานเรือนใหญ่ดังเดิม “เรียนท่านผู้เฒ่าเย่ ข้าน้อยมีนามถิงถิง สกุลหลี่เจ้าค่ะ” ยืนตรงโค้งศีรษะประสานมือพร้อมแนะนำตัว “ปกติข้าอาศัยเรือนท้ายติดกำแพงด้านหลังเรือนสกุลเหนียน ไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับเรือนใหญ่” นางหันหน้ามองเสี่ยวถานที่ตอนนี้นายท่านเหนียนบิดาของเหนียนซูหยวนกำลังประคองให้ลุกขึ้นยืน
“จู่ๆ สาวใช้นางนี้ก็บุกรุกเข้าไปในเรือนของข้า...วันนี้ข้าขอถามว่า ‘ไหนพวกเราต่างคนต่างอยู่’ อย่างไรเล่า ไฉนถึงให้สาวใช้คนนี้คุกคามข้า” ความโกรธและความไม่พอใจลดน้อยลงทันทีเมื่อได้ป่าวประกาศ
เหล่าบรรดาฮูหยินของเจ้าหน้าที่ซึ่งทำงานในที่ว่าการอำเภอหนิงเซี่ยส่งเสียงอุทานด้วยความตกใจ ดวงตาพวกนางเบิกกว้างทอประกายวิบวับคล้ายเด็กน้อยประสบพบเจอเรื่องน่าตื่นเต้น บางคนหันไปกระซิบกระซาบนินทาครหา
“นี่อย่างไรเล่า! เด็กสาวที่เรือนเหนียนเลี้ยงไว้เป็นฮูหยินท่านเขย” พอประโยคนี้ดังขึ้น บรรดาญาติเจ้าบ่าวทั้งสกุลเหนียน สกุลเย่เผยสีหน้าหลากหลาย บ้านสกุลเหนียนสายรองไม่เคยติดต่อกับบ้านหลักพลันสีหน้าอิหลักอิเหลื่อเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
ส่วนสกุลเย่โดยส่วนมากรู้เรื่องนี้ดี น้อยนักที่ไม่รู้ เยี่ยงท่านผู้เฒ่าเย่รับรู้แต่ไม่เคยเห็นหน้าเด็กสาวสกุลหลี่พลอยทำให้ไม่รู้จักหน้าค่าตาเป็นเช่นไร ครั้นวันนี้มาพบเจอนึกคิดว่าเป็นเด็กสาวก๋ากั่นชอบก่อความวุ่นวายในหมู่บ้านเขาเลยเอ็ดตะโรด่าทอ
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?