ตอนที่ 3 บัณฑิตป้ายแดง

 ตอนที่ 3 บัณฑิตป้ายแดง

 

บุตรชายผู้ดื้อรั้น การเรียนไม่สู้มุ่งสู่วิถีนักเลง ช่างแตกต่างจากบิดาลิบลับ สามีป้าลิ่วแซ่ควาน เป็นทหารตำแหน่งจวินซื่อ[1] แต่บุตรชายกลับเหลวไหลไม่เอาไหน ยกตำแหน่งของบิดาให้ญาติผู้พี่ผู้น้องไม่สนใจ ทำตัวอีเหละเขะขะไปในแต่ละวัน

ทว่าในพฤติกรรมที่ผู้อื่นมองว่าไม่ดีเหล่านั้น หลี่ถิงถิงกลับมองปราดเดียวกระจ่าง ควานสุนไม่อยากทิ้งมารดาอยู่ลำพังคนเดียวต่างหากเลยทำตัวเป็นอันธพาลน้อยเพื่อเฝ้าดูแลปรนนิบัติบุพการี เขาทำตัวอวดดีต่อยตีไปทั่ว แต่เหตุการณ์นั้นส่วนมากเป็นการผดุงคุณธรรม ปกป้องคนอ่อนแอที่ถูกรังแก แม้การงานจะทำหน้าที่คุมบ่อนคุมหอโคมเขียวแต่ควานสุนกลับเถรตรงเที่ยงธรรม

พูดถึงโจโฉ โจโฉก็มาราวกับจุดธูปตามวิญญาณ ควานสุนวิ่งตาลีตาเหลือกด้วยความร้อนใจ ใบหน้ามืดครึ้มดุจเมฆดำเพราะเป็นห่วงมารดา เมื่อครู่ลูกน้องหอโคมเขียวมานั่งกินเกี๊ยวน้ำพอดีเห็นภาพผู้คนชุลมุนทั้งเสียงมารดาของเขาโวยวายจึงรีบเร่งไปรายงาน

“ท่านแม่” ควานสุนฝ่าฝูงชนเข้าไป อาจเพราะรูปร่างสูงใหญ่เหมือนเจดีย์ยักษ์และชื่อเสียงอันธพาลเลื่องลือทำให้ไม่มีใครกล้าขวาง

“เจ้าลูกตัวดี มานี่เร็ว” ป้าลิ่วเห็นลูกชายจากที่ไกลๆ แล้ว ความสูงของควานสุนโดดเด่นกว่าบุรุษใดนับว่าทำให้มารดาหม้ายภาคภูมิใจในจุดนี้

“พาอาถิงไปโรงหมอตาเฒ่าเร็วเข้า อาถิงเป็นลมเพราะหิวไส้กิ่วไม่ได้กินข้าว”

เรื่องตีไข่ป้ายสีหม้ายแซ่ลิ่วก็ใช่ย่อย นางสามารถกระจายข่าวเท่าหัวไม้ขีดไฟให้กลายเป็นไฟไหม้ป่าได้ในประโยคเดียว

ควานสุนก้มมองหลี่ถิงถิงที่ใบหน้าซีดเซียว เด็กสาวดูท่าทางป่วยไข้ร่างกายผ่ายผอมนั้นจะไม่ไหวแล้ว “พวกคนใจดำ” อันธพาลแซ่ควานชิงชังเหนียนซูหยวนที่มักทำตัวเป็นบัณฑิตสูงส่งดุจเทพเซียน เกลียดสองสามีภรรยาแซ่เหนียนที่ดูแคลนเขากับมารดา มักนินทาว่ากล่าวมารดาเป็นหม้ายอัปมงคล ใจอคติอยู่แล้วยิ่งทำให้ภาพที่เห็นตรงหน้าเพิ่มความเดียดฉันท์สกุลเหนียนในหัวใจทวีคูณ

“อาถิง พี่ชายจะอุ้มเจ้า” ควานสุนไม่สนธรรมเนียมชายหญิงอีกต่อไป ช่วยชีวิตคนสำคัญกว่า

“ตาเฒ่านั่งหงอยเป็นสุนัขแก่อยู่ทำไม ไปเปิดโรงหมอเจ้าสิ” ป้าลิ่วชี้หน้าด่าไม่สนความอาวุโสอีก ฉุดกระชากลากถูกหมอเฒ่าเคราขาวไปตามตรอก

ฝูงชนเมื่อไม่มีเรื่องสนุกให้ดูชมก็สลายตัว พ่อค้าแม่ค้าเกี๊ยวน้ำยืนท้าวสะเอวมองควานสุนที่อุ้มหลี่ถิงถิงวิ่งไปไกลจนลับตา ทั้งสองถอนหายใจหันหน้าสบตากัน “บ้านเหนียนนี่! หากไม่มีบัณฑิตชิ่วไฉก็ไม่เหลืออะไรดีเลย”

ผู้เป็นสามีสบถเสียงต่ำ สีหน้าบึ้งตึง สงสารส่วนสงสารแต่พวกตนหาเช้ากินค่ำไม่เหลือเผื่อแผ่ใคร ให้อาถิงกินเกี๊ยวน้ำสักชามยังพอทำเนาได้แต่ถ้าให้ออกหน้ารับมาเลี้ยงดู ครอบครัวตัวเองยังเอาตัวไม่รอดหากรับถิงถิงขึ้นเรือมาอีกคนมีหวังเรือล่มตายยกลำ

 

ด้านหนึ่งผู้คนยืนทอดถอนใจกับชะตากรรมเด็กสาวกำพร้าหลี่ถิงถิงที่ต้องตกระกำลำบาก ทว่าอีกด้านหนึ่งบนหอสุราเลื่องชื่อของอำเภอกำลังสำเริงสำราญคึกคักครึกครื้น บรรดาสหายบัณฑิตและคุณหนูสูงศักดิ์ผู้หนึ่งกำลังดื่มด่ำกับงานเลี้ยง สอบผ่าน ของบัณฑิตจวี่เหรินป้ายแดง เหนียนซูหยวนนั่งเคียงข้างแน่งน้อยในอาภรณ์สีชมพูหวาน รับการคำนับจากผู้มาแสดงความยินดี

“พี่หยวนของเราเก่งมากจริงๆ” ศิษย์น้องในสำนักศึกษาก้มหัวเล็กน้อยคารวะด้วยใจจริง ทั้งสำนักศึกษาหลี่เชี่ยนเดินทางไปสอบที่ตัวเมืองเทียนสุ่ยร่วมห้าสิบกว่าคน ผ่านเพียงสองคน หนึ่งในนั้นก็คือบุรุษงามสง่าตรงหน้า ส่วนอีกคนเป็นลูกน้องใต้อาณัติท่านอ๋องต่างสกุล พวกตนไม่รู้จัก

“มิกล้ารับ มิกล้า” เหนียนซูหยวนผู้มีบุคลิกภายนอกสุขุมเยือกเย็น ก้มหัวเล็กน้อยตอบกลับศิษย์น้องร่วมสำนักศึกษาหลี่เชี่ยนด้วยความสุภาพ ในใจเหยียดหยันพวกนี้ปานใดมิอาจแสดงออกทางสีหน้าได้

“พี่หยวนเป็นคนที่มีจิตใจที่โอบอ้อมอารี ใจกว้างปฏิบัติกับคนอื่นอย่างสุภาพ” ศิษย์น้องอีกคนเดินถือจอกสุรามาเอ่ยประจบสอพลอ “เหมาะสมแล้ว...” เขาเหลือบมองไปทางคุณหนูในอาภรณ์สีชมพูหวานผู้สูงศักดิ์ที่สุดในงานเลี้ยงฉลองสอบผ่านของศิษย์พี่ นางเป็นถึงบุตรีคนโตของนายอำเภอจางนั่ว หนึ่งในสามนายอำเภอของเมืองเทียนสุ่ย ตำแหน่งแม้นจะเป็นขุนนางท้องถิ่นทว่าต่ำระดับขั้นเพียงผู้ว่าเมืองเทียนสุ่ยเท่านั้น

วาสนาดีเกินไปแล้ว ศิษย์น้องเบื้องหน้าแย้มยิ้มยินดีแต่แท้จริงอิจฉาริษยาศิษย์พี่ที่มักมีสตรีสูงศักดิ์รายล้อมเสมอ “เหมาะสมดั่งกิ่งทองใบหยก” ใช้ลิ้นทองเยินยอคุณหนูใหญ่บุตรีนายอำเภอ

ด้านคุณหนูผู้สูงศักดิ์ได้ยินผู้อื่นชื่นชมตนกับบุรุษในดวงใจเหมาะสมกันพลันแก้มขึ้นสีระเรื่อ ความรู้สึกพึงพอใจพลันผุดขึ้นกลางใจ นางขัดเขินเอียงอาย

“คุณชายท่านก็พูดเรื่อยเปื่อย เหมาะสมอันใด ข้าเป็นสตรีที่ยังไม่ออกเรือน” รูปประโยคตำหนิแต่ท่าทางกับน้ำเสียงนั้นตรงกันข้าม บุตรีนายอำเภอจางนั่วสุดแสนยินดีดวงตาโค้งหยีเป็นวงเคียว สายตาหยาดเยิ้มมองบัณฑิตป้ายแดงแซ่เหนียนไม่ละวาง ท่าทางเชิญชวนเสียนี่กระไร

บัณฑิตทั้งหลายที่มาร่วมงานเลี้ยงต่างยิ้มเผล่ ก้มหน้าซ่อนแววตาเหยียดหยาม

สตรีไม่ออกเรือนคงอยู่ในห้องหอมิใช่หรือ เจ้าวิ่งแจ้นมาร่วมงานเลี้ยงซ้ำยังยามโพล้เพล้แล้วนั่งนิ่งแสดงความเป็นเจ้าเข้าเจ้าของศิษย์พี่หยวนไม่ยอมกลับจวน...หากไม่ใช่เพราะหมวกขุนนางบิดาเจ้าระบุตำแหน่งนายอำเภอ มีหรือจะชูคอมิถูกตำหนิติเตียนในจรรยามารยาทสตรีพึงมีเช่นนี้



[1] จวินซื่อ นายทหารชั้นประทวน

 

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ