วันนี้เป็นวันมงคลสมรสระหว่างบัณฑิตเหนียนจวี่เหรินกับคุณหนูใหญ่จางเหริน เรือนสกุลเหนียนมีบรรยากาศคึกคักตั้งแต่เช้ามืด เสียงญาติพี่น้องทุกสายสกุลเหนียนโห่ร้องยินดีดังขึ้นเหมือนดั่งเสียงคลื่นน้ำเป็นระยะ ญาติฝ่ายหญิงง่วนอยู่ในโรงครัวเรือนใหญ่ ญาติฝ่ายชายสวมใส่เสื้อผ้าอาภรณ์ชุดใหม่ยกไหสุรา จัดโต๊ะเก้าอี้ เตรียมต้อนรับแขกเหรื่อที่ถือซองแดงมาแสดงความยินดี
บิดามารดาเจ้าบ่าวสวมใส่ชุดสีแดงมงคลคู่คอยจัดการดูแลความเรียบร้อยในลานหน้า อาจเพราะงานมงคลนี้เป็นงานแต่งของท่านเขยนายอำเภอจาง แขกเหรื่อจึงล้นหลามมากหน้าหลายตา บางคนไม่เคยเห็นรู้จัก ทว่ามีเทียบเชิญก็ถือเป็นแขก
ซองแดงแต่ละคนที่แขกยื่นส่งให้หรือของขวัญของกำนัลล้ำค่าถูกนางเย่ซื่อรวบเก็บไว้ในห้องคลังของเรือนเหนียนไม่ยอมให้หลุดไปถึงคนจวนนายอำเภอจาง ใครหน้าใหญ่ใจโตนางเย่ซื่อกับญาติๆ ต้อนรับขับสู้ดุจราชา หากแขกคนไหนซองแดงบางเบานางก็ชักสีหน้าใส่อย่างไม่ยี่หระแยแสว่าจะถูกครหานินทาทีหลัง
ลานด้านหน้าจัดโต๊ะงานเลี้ยงมีบรรยากาศนับว่ารื่นรมย์ดีช่างแตกต่างจากเรือนนอนเจ้าบ่าวของงานในวันนี้ ความหวาดกลัวอันไร้ก้นบึ้งพลันถาโถมเข้ามายังเส้นประสาทของเหนียนซูหยวน ในใจรู้สึกหนาวสะท้านหวาดหวั่นตลอดเวลา
แต่เดิมก็ไม่ได้อยากสมรสกับคุณหนูใหญ่จางเหรินอยู่แล้ว คบหาเพราะนางพึงพอใจในตัวเขาและมีนิสัยใช้จ่ายมือเติบ เขาเพียงหลอกลวงให้นางควักเบี้ยจัดงานเลี้ยงน้ำชาในนามของตนเพื่อสร้างภาพลักษณ์อันดีงาม ไม่ได้คิดจะแต่งนางเป็นภรรยาเคียงหมอน บัณฑิตหนุ่มวัยสิบเจ็ดปียืนแข้งขาสั่นกระทั่งเสื้อคลุมสีแดงเพลิงปักลวดลายมังกรด้วยดิ้นทองเขายังอยากสวมใส่ ทั้งที่รู้ว่าหาได้คู่ควรชาวบ้านธรรมดาเช่นตน
เหนียนซูหยวนยืนนิ่งงันตั้งแต่เช้า คิ้วขมวดแน่นแลดูตึงเครียดหนักหน่วง สีหน้าแสดงความกลัดกลุ้มไม่เหมือนเจ้าบ่าวที่กำลังจะเข้าพิธีวิวาห์แต่งหญิงสาวผู้เป็นที่รัก เขาพ่นลมหายใจเหมือนพ่นความอึดอัดอยู่หลายครั้งหลายคราจนบรรดาสาวใช้ลอบสบตากันนึกฉงนสงสัย
‘ท่านบัณฑิตไม่อยากสมรสหรือ’ คำถามนี้ผุดขึ้นในหัวสมองของสาวใช้กลุ่มใหญ่ที่จวนนายอำเภอจางส่งมาช่วยเรื่องเสื้อผ้าอาภรณ์ จัดแต่งทรงผมแก่เจ้าบ่าว พวกนางลอบส่งสายตาให้กันก่อนสาวใช้นางหนึ่งที่มีตำแหน่งหัวหน้าจะก้าวขึ้นหน้ายอบกายคารวะแล้วเอ่ยเตือน
“ท่านเขยเจ้าคะ! ใกล้ถึงเวลาเคลื่อนขบวนไปรับตัวเจ้าสาวแล้วเจ้าค่ะ” น้ำเสียงหัวหน้าสาวใช้เจือไปด้วยความอดรนทนไม่ไหว ตั้งแต่ตื่นจากเตียงนอนเจ้าบ่าวไม่ทำอะไร นอกจากยืนสองมือไพล่หลังอยู่ที่เดิม ไม่เช่นนั้นก็นั่งถอนหายใจทอดสายตามองนอกหน้าต่าง ท่าทางหมดอาลัยตายอยาก
บรรดาสาวใช้ต่างถูกคำพูดของคุณหนูใหญ่จางเหรินกลอกหูสามเวลาหลังสำรับอาหาร ‘ข้ากับท่านบัณฑิตเหนียนเป็นคู่รักที่รักกันมาก หายากในยุคสมัยนี้ เขาปฏิบัติต่อข้าดีกว่าสตรีใดๆ’ ทำให้บรรดาสาวใช้จินตนาการถึงชายหญิงที่รักเดียวใจเดียวมั่นคงเหมือนในหนังสือประโลมโลก บัณฑิตหนุ่มหล่อเหลามากความสามารถกับบุตรสาวขุนนางสูงศักดิ์ร่วมฝ่าฟันอุปสรรคจนได้ครองเรือนกันในที่สุดตอนท้ายเรื่อง ทว่าตอนนี้มาเห็นด้วยตาตัวเอง ท่าทางห่อเหี่ยวของเจ้าบ่าวเผยความรู้สึกไม่อยากแต่งงานลบล้างคำพูดฝ่ายเดียวของคุณหนูใหญ่จางเหรินเสียสิ้น
เหนียนซูหยวนยกมือลูบอกปลอบใจตนเองแล้วส่ายศีรษะเบาๆ คล้ายสลัดความเครียดออกจากหัวก่อนค่อยลุกขึ้นก้าวเดินไปยืนกลางห้องปล่อยสาวใช้จับแต่งตัว “มิใช่พิธีรับตัวเจ้าสาวเสียหน่อย...เจ้าพูดผิด” แต่งกายเสร็จจู่ๆ เจ้าบ่าวของงานก็โพล่งออกมาหนึ่งประโยค
บรรดาสาวใช้สบตากันปริบๆ ท่านเขยหมายความว่ากระไร พวกตนไม่ได้เรียนตำราอย่างถ่องแท้จึงไม่เข้าใจความนัยแฝง ก็ขั้นตอนพิธีการมีนามเช่นนี้จะให้พวกนางกล่าวเช่นไร แต่พอคล้อยหลังท่านเขยเดินออกเรือนนอนไปแล้ว มีหนึ่งสาวใช้โน้มกายกระซิบ “เป็นพิธีแต่งเขยเข้าบ้าน มิใช่พิธีรับตัวเจ้าสาว” นางนิ่วหน้าใส่หัวหน้าของตนเอง
“จะให้ข้าเอ่ยออกไปตรงๆ ได้อย่างไร บุรุษทุกคนย่อมมีศักดิ์ศรี” หัวหน้าสาวใช้แก้ต่างให้ตนเอง พวกนางซุบซิบถึงท่าทางท่านเขยหดหู่ใบหน้าหมองคล้ำคล้ายคนไม่เต็มใจอยู่ครู่ใหญ่ เหนียนซูหยวนคำนับป้ายวิญญาณบรรพบุรุษแล้วเสร็จ เดินออกมากระโดดขึ้นหลังม้าก็เป็นอันเคลื่อนขบวน บรรดาสาวใช้ถึงคราวหุบปากฉับเชิดหน้าเดินตามขบวนเงียบๆ
จวนอำเภอคึกครื้นคึกคักสมกับมีพิธีมงคล บรรยากาศตรงกันข้ามที่ว่าการอำเภอหนิงเซี่ยกลับมีหนึ่งครอบครัวมาตีกลองร้องทุกข์ และช่างประจวบเหมาะที่จู่ๆ เจ้าเมืองเทียนสุ่ยก็เดินทางผ่านมาพอดีจึงรับเรื่องร้องทุกข์เอาไว้ อีกทั้งทำการสอบปากคำด้วยตัวเอง
ยามอู่ (11.00 – 12.59 น.) มือปราบท่านเจ้าเมืองถือหมายศาลมาควบคุมตัวผู้ถูกกล่าวถึงงานเลี้ยงในห้องโถงจวนนายอำเภอจาง พ่อบ้านเห็นผู้มาเยียนแล้วตกใจจนหน้าเขียวและรีบทัดทานกลุ่มมือปราบให้ยืนรอหน้าจวน ส่วนตนถอยร่นสับเท้าวิ่งเข้าโถงงานเลี้ยงกระซิบกระซาบข้างหูแจ้งข่าวด่วนแก่เจ้านาย
“เหลวไหล!” ทว่าจางนั่วฟังแล้วโกรธจนใบหน้าเปลี่ยนสี สูดหายใจอย่างแรง วันนี้วันมงคลสมรสของบุตรสาว แขกเหรื่อที่มาล้วนเป็นคนบุญหนักศักดิ์ใหญ่ หากปล่อยให้มีการจับกุมคนร้ายเกรงว่าชื่อเสียงสกุลจางคงแปดเปื้อนเสื่อมเสียดังกระฉ่อนทั่วใต้หล้า
เขาจำได้เทียบเชิญส่งไปจวนเจ้าเมืองเทียนสุ่ยซึ่งเป็นผู้บัญชาสายตรงของตนแล้ว อีกฝ่ายส่งของขวัญกลับคืนมาพร้อมเขียนสาส์นระบุไม่ว่างติดงานสืบคดี แต่ตอนนี้กลับมีมือปราบท่านเจ้าเมืองเทียนสุ่ยโผล่มายืนออหน้าจวนพร้อมหมายจับ “ไล่ไป! อย่ามารบกวนงานมงคล หากอยากได้ซองแดงก็แจกคนละซองพอ” นายอำเภอจางกู้สถานการณ์เพราะตอนนี้ตนกับพ่อบ้านเริ่มเป็นจุดสนใจของแขกเหรื่อ
“นายท่าน!” ท่าทางพ่อบ้านจวนขลาดกลัวกลุ่มมือปราบมาก เขายืนอยู่กับที่ไม่ยอมถอยเท้าออกไปตามคำสั่งเจ้านาย “เขาเป็นมือปราบของที่ว่าการเมืองจริงๆ ขอรับ” พ่อบ้านมากประสบการณ์โน้มการกระซิบไม่เปล่งเสียงเล็ดลอดให้แขกเหรื่อได้ยิน
“หมายควบคุมผู้ถูกกล่าวหาประทับตราที่ว่าการอำเภอหนิงเซี่ยพร้อมตราประทับท่านเจ้าเมืองเทียนสุ่ย บ่าวมองไม่ผิดหรอกขอรับ” ในฐานะสุนัขรับใช้ผู้จงรักภักดีพ่อบ้านจวนจางไม่อาจปล่อยให้เจ้านายล่วงเกินผู้บังคับบัญชา "มิสู้เราเชิญผู้ถูกกล่าวหาออกไปมอบตัวดีกว่าขอรับ” ทั้งแนะนำทางออกโดยวิธีละมุนละม่อม
จางนั่วนิ่งคิดเงียบงันคนเดียวอยู่ครู่หนึ่งแล้วเป่าลมร้อนออกจากปากดังฟู่ “หมายจับกุมระบุนามแขกของข้าคนไหน” วันนี้วันฤกษ์ดีเขาในฐานะประธานงานมงคลสมรสของบุตรสาวมิอาจปลีกตัวออกจากงาน เพราะเริ่มเมามัวน้ำสุราทำให้นายอำเภอจางหลงลืมระเบียบราชสำนักข้อที่ว่า ‘ผู้บังคับบัญชาปรากฏตัว...ผู้ใต้บัญชาต้องเตรียมพร้อมต้อนรับ’ แทนที่จะเลือกออกจากงานไปตามประกบผู้เป็นนายกลับเอ้อระเหยนั่งเชิดหน้าอยู่ในงานเลี้ยง
พ่อบ้านจวนหลุบตามองปลายเท้า สองมือบีบเข้าหากันแน่น กลั้นใจตอบคำถามเจ้านายเสียงเบาราวยุงบิน “บิดามารดา ท่านน้าชายของท่านเขยขอรับ”
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?