ควานสุนที่ยืนมองอาถิงผ่านม่านผ้าโปร่งสีขาว เขาท้าวสะเอวฟังรายงานจากลูกน้องที่ใช้ให้แยกสองกลุ่มไปตามพวกสกุลเหนียน ท้ายสุดแล้วไม่โผล่หน้ามาสักคน ภายนอกควานสุนเป็นอันธพาลดูระรานไปทั่วทว่าแท้จริงฉลาดเฉลียว สองปราดเปรื่อง ย่อมมองการณ์ไกลออกแต่แรก แต่ที่ให้ลูกน้องไปตามคนชั่วมานั้นเป็นความต้องการของมารดา
“เรื่องค่าใช้จ่ายข้าจะไปต่อรองกับหมอเฒ่าดูอีกที เท่าไหร่ยังไง เดี๋ยวค่อยหารวบรวมกันคนละอีแปะสองอีแปะ” ควานสุนถอนใจกล่าว ค่าตรวจหมอเฒ่าเคราขาวไม่คิดสักแดงเดียว แต่ค่ายาไม่เหมือนกันพวกตนต้องจ่าย
“อ้อ อีกเรื่อง” หันขวับนิ่วหน้าถามลูกน้อง “เจ้าว่าบัณฑิตไส้แห้งสกุลเหนียนดื่มด่ำงานเลี้ยงอยู่กับใครนะ” น้ำเสียงขุ่นข้องเจือหงุดหงิด เมื่อครู่เพราะมัวคิดหาทางออกหลายปัญหาไหนจะเรื่องปิดปากพวกพ่อค้าแม่ขายที่เห็นเขาอุ้มอาถิง แม้นจะเป็นเมืองห่างไกลทว่าเรื่องความต่างชายหญิงมีผลกระทบต่อเด็กสาวกำพร้าข้างบ้านอย่างมาก เขายังไม่พร้อมแต่งภรรยาอายุสิบสามปี ถึงท่านแม่จะผลักดันก็ตาม
“คุณหนูใหญ่จางผู้นั้นอย่างไรเล่า บุตรีนายอำเภอ” ลูกน้องคนสนิทที่ควานสุนใช้ให้ไปตามเหนียนซูหยวนทำหน้าทำตาบิดเบี้ยวรังเกียจเล่า
“ถึงกับเป็น...นาง” ป้าลิ่วขมวดคิ้วสบถอย่างเดือดดาล ทั้งจิปากจึกจักส่งเสียงขึ้นจมูกอย่างดูแคลนแล้วเอ่ยด้วยสีหน้าบึ้งตึงว่า “เหนียนซูเหยวนทำตัวสูงส่ง เป็นบัณฑิตบัวขาวบริสุทธิ์แท้จริงก็แค่แมลงดากินข้าวนิ่ม”
นางถอนหายใจพลันเหลือบมองเด็กสาวกำพร้าบนเตียงในห้องพักโรงหมอ ใบหน้าป้าลิ่วเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด ‘ว่าที่สามียังไม่ทันแต่งก็เอาใจออกหากแล้ว...อาถิง เอ้ย! บาปกรรมจริงๆ’ คิดแล้วหัวใจก็เจ็บปวด นางยังเหลือลูกชายไว้เป็นที่พึ่งพา ส่วนหลี่ถิงถิงตัวคนเดียวโดดเดี่ยวซ้ำร้ายโดนคนเลวรังแก
“คุณหนูผู้นั้นต่างหากที่ทำตัวหน้าใหญ่” น้ำเสียงควานสุนเจือไปด้วยความอดรนทนไม่ไหว เขาเป็นนักเลงคุมหอนางโลมโคมเขียว ย่อมมองอาชีพนี้มีเกียรติเพราะขายเรือนร่างได้เบี้ยอัฐ แต่จางเหรินเป็นถึงบุตรีขุนนางท้องถิ่นแม้จะมิใช่ขุนนางใหญ่เยี่ยงขุนนางราชสำนักในเมืองหลวง
ทว่านางก็อยู่ชนชั้นขุนนางสูงขั้นกว่าพวกตนหลายขั้น กลับทำตัวเองยิ่งกว่านางโลม หลายต่อหลายครั้งที่เขากับพรรคพวกเห็นคุณหนูใหญ่จางเหรินคอยควักกระเป๋าจ่ายเพื่อเหนียนซูหยวน “ไร้ยางอาย” เค้นเสียงลอดไรฟันกล่าวได้ไม่เต็มปาก อย่างไรควานสุนก็แค่ประชาชนตัวเล็กๆ ไม่สามารถวิจารณ์ชนชั้นสูง
“ป้าลิ่ว! ป้าคงไม่รู้ บัณฑิตหน้าขาวคนนั้นไม่ได้มีเพียงคุณหนูนายอำเภอจางที่คอยให้เกาะขา” ลูกน้องคนสนิทควานสุนลดเสียงนินทา ทำหน้าทำตาตามประโยคที่เล่าอย่างออกรส “คุณหนูคหบดี บุตรีบัณฑิตจ้ง สตรีเพียบพร้อมหลายคนในเมืองเทียนสุ่ยล้วนหลงใหลเหนียนซูหยวนกันหมด” หากฟังดีๆ ในประโยคซุกซ่อนความอิจฉาอยู่ไม่น้อย
“แล้วยังจะเลี้ยงอาถิงไว้แต่งงานทำไม” ป้าลิ่วสบถเสียงเบา ทว่าคำพูดนี้กลับสะกิดหลี่ถิงถิงที่นอนตะแคงหันหลังให้บานประตูตาสว่างวาบ ในสมองพลันเปล่งประกาย นางพรวดพราดลงจากเตียงแล้วถลากายคุกเข่าโครมตรงหน้าป้าลิ่ว ควานสุนกับลูกน้องเจ็ดแปดคน
“ท่านป้า พี่สุนเจ้าค่ะ” หลี่ถิงถิงคิดแผนการเอาตัวรอดจากการเป็นสะใภ้สกุลเหนียนได้แล้ว ก่อนหน้าเขม็งตึงเครียดมืดแปดด้าน ทว่าเพียงประโยคเดียวที่หลุดจากปากป้าลิ่วแผนในหัวผุดขึ้นทันที ‘นางต้องหาสตรีอื่นมาแต่งกับเหนียนซูหยวนแทนตัวเองเสียก็สิ้นเรื่อง’
ป้าลิ่ว ควานสุนสะดุ้งตกใจที่จู่ๆ คนป่วยนอนหน้าซีดปรากฏกายตรงหน้าซ้ำร้ายคุกเข่าพร้อมร้องไห้อีกด้วย “อาถิงลุกขึ้น ทำอะไรของเจ้า” ป้าลิ่วได้สติก่อนใครโน้มกายพยุงหลี่ถิงถิงทว่าไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่ยอมลุกขึ้น
หลี่ถิงถิงส่ายหน้าไปมา ในใจคิดตรึกตรองดีแล้วว่าเมื่อรบกวนครอบครัวป้าลิ่วก็ขอความช่วยเหลือไหว้วานให้ถึงที่สุด วันหน้าค่อยตอบแทนยังไม่สาย ขอนางหลุดพ้นจากตระกูลเหนียนก่อนน้ำใจสองแม่ลูกข้างบ้านนางพร้อมคืนสนองน้ำใจความภักดีสิบเท่า “ท่านป้า พี่สุน ชะ...ช่วยอาถิงด้วยเถอะเจ้าค่ะ”
ควานสุนเป็นคนมีเหตุมีผล ใจเยือกเย็น เขายืนมองท่าทางแน่วแน่ของหลี่ถิงถิง และท่าทางกระวนกระวายของมารดาแล้ว เรื่องราวคราวนี้ยากจะปฏิเสธ อันธพาลหนุ่มกอดอกหรี่ตาเพ่งมองเด็กสาวกำพร้าแซ่หลี่ครู่หนึ่งพลางยื่นมือคว้าลำแขนมารดารั้งไม่ให้ฉุดดึงอีกฝ่ายอีก “ท่านแม่”
ป้าลิ่วหันขวับแยกเขี้ยวใส่บุตรชาย “นางน่าสงสาร เจ้าใจดำเกินไปแล้ว” สมองของนางคิดไปไกล “นางตัวคนเดียวนะ” น้ำเสียงสั่นเครือ น้ำตาคลอเบ้ามองควานสุนผู้เป็นบุตรชายคนเดียวด้วยแววตาผิดหวัง
“ข้ารู้แล้ว ปัดติโธ่! ท่านแม่...ข้าจะบอกให้นางยืนขึ้นมาค่อยๆ พูดกัน ให้ช่วยเหลืออะไร” ควานสุนขุ่นเคืองใจจนใบหน้าบูดบึ้ง กัดฟันกรอดแล้วพูดว่า “ทำไมชอบมองว่าข้าเป็นคนไม่ดีอยู่ร่ำไปกันนะ” อดน้อยเนื้อต่ำใจไม่ได้ ที่ผ่านมาก็เป็นเขาที่ยื่นมือช่วยหลี่ถิงถิงตั้งแต่นางสูญเสียบิดามารดา กระทั่งต่อยตีกับเย่ฝานผู้เป็นน้าชายเหนียนซูหยวนก็เคยมาแล้วเพราะคนเลวนั้นขโมยเบี้ยเด็กสาวกำพร้า
ป้าลิ่วยืนชะงักทำอะไรไม่ถูกไม่ชั่วขณะ นางถูกถ้อยคำจากปากบุตรชายแทงความรู้สึกเต็มๆ น้ำเสียงฉุนเฉียวแต่รูปประโยคเจือความน้อยใจหลายส่วน ทำให้ผู้เป็นแม่เกิดความสับสนซับซ้อน ที่ผ่านมานางมองบุตรชายเหลวไหลเหลาะแหละไม่จริงจัง นึกคิดเจ้าลูกคนนี้ไม่เอาไหน ครั้นคำพูดเมื่อครู่พ้นออกมาพลอยให้ฉุกใจคิดทบทวน ‘แท้จริงควานสุนนิสัยเสียจริงหรือ’
หลี่ถิงถิงเห็นป้าลิ่วจ้องมองลูกชายราวกับอยากค้นหาบางอย่าง หนำซ้ำสายตาฉายแววสงสัยจนลืมนาง ในใจเด็กกำพร้ารู้สึกผิดต่อพี่สุน ทว่าเพลานี้ไม่อาจปล่อยโอกาสให้หลุดลอย หากป้าลิ่วจะซาบซึ้งบุตรชายขอเวลาอื่นได้หรือไม่ อาถิงขออภัยยามนี้ที่เห็นแก่ตัว “ป้าลิ่ว พี่สุน ข้าไม่อยากหมั้นหมายกับเหนียนซูหยวน” นางโพล่งปัญหาใหญ่ออกไป บีบน้ำตาให้หลั่งไหลรินอาบแก้ม
“ฮะ” คราวนี้ทุกคนอุทานลั่นพร้อมกัน กระทั่งหมอเฒ่าเคราขาวที่เดินถือถาดไม้มีถ้วยยาวางอยู่บนนั้นยังหยุดเท้ากะพริบตาปริบๆ ตกตะลึงอ้าปากค้าง
“อาถิง! เจ้าหมายความว่าอย่างไร” ควานสุนตกใจรู้สึกสับสนไปหมด การหมั้นหมายไม่ใช่เรื่องเล็กๆ
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?