ตอนที่ 24 ความวุ่นวายในงานแต่งงาน

“บิดามารดา ท่านน้าชายของท่านเขยขอรับ”

“อืม” จางนั่วพยักหน้ารับอย่างมึนงง ทว่าพริบตาต่อมาดวงตาที่ปรือฉ่ำวาวเพราะน้ำสุราก็เบิกกว้าง นายอำเภอจางผลุนผลันลุกขึ้นยืนตวาดใส่พ่อบ้านดังลั่นสนั่นโถงงานเลี้ยง “เจ้าว่ากระไรนะ บัณฑิตเหนียนชิ่วไฉกับฮูหยินของเขาอย่างนั้นหรือ” เขาตกใจจนเก็บอาการไม่อยู่ จากที่คิดเก็บเป็นความลับบัดนี้เสียงอุทานของตนดังก้อง แขกเหรื่อในงานไม่มีผู้ใดไม่ได้ยิน

“ใช่! ขอรับ” จู่ๆ กลุ่มมือปราบที่ยืนออหน้าจวนนานแล้วก็เหยียบย่างเข้างานเลี้ยงอย่างอุกอาจ มือปราบเหยาเป็นหัวหน้ามือปราบทั่วเมืองเทียนสุ่ยเดินอาดๆ มาตรงที่นั่งประธานซึ่งมีนายอำเภอจางยืนอ้าปากค้างตกตะลึงอยู่ “ผู้น้อยมือปราบประจำที่ว่าการเมืองเทียนสุ่ย เหยาเชิง! คำนับนายอำเภอจาง” ประสานมือคำนับอย่างไม่ใส่ใจ น้ำเสียงยิ่งเย็นชาเผยความสัมพันธ์ห่างเหิน

แขกเหรื่อมองกลุ่มมือปราบด้วยความประหลาดใจระคนสงสัย บางคนเริ่มวิพากษ์วิจารณ์เสียงเซ็งแซ่ด้วยในมือหัวหน้ามือปราบเหยาแห่งที่ว่าการเมืองถือหมายจับกุมมาด้วย เหนียนซูหยวนในฐานะท่านเขยก้าวยาวๆ มายืนขนาบข้างพ่อตา

“ซูหยวน สกุลเหนียนคำนับมือปราบเหยาขอรับ” ประสานมือโค้งกายก้มศีรษะอย่างมีมารยาท น้ำเสียงนุ่มนวลให้เกียรติผู้มาเยียน ส่วนนายอำเภอจางตกตะลึงพรึงเพริดยังไม่ได้สติ “มิทราบว่า...” เขามีไหวพริบเป็นเลิศมองเห็นหมายจับกุมนานแล้วเพียงแสร้งถามออกไป

“เจ้าคือ?” เหยาเชิงเลิกคิ้วถาม ท่าทางยียวนกวนประสาทยิ่ง

“ท่านเขย พึ่งแต่งเข้าจวนวันนี้ขอรับ” พ่อบ้านจวนแนะนำตัวตามมารยาทเพราะตามหลักแล้วเหนียนซูหยวนมิต้องบอกกล่าวฐานะตัวเอง ย่อมต้องให้ผู้น้อยผายมือแนะนำ

“อ้อ” เหยาเชิงรับคำส่งๆ “ท่านเขยแซ่เหนียน” บุรุษแต่งเข้าตามหลักกฎหมายบุตรชายคนแรกต้องใช้แซ่พ่อตา มือปราบหนุ่มยกมุมปากยิ้มเหยียดหยามมองประเมินเหนียนซูหยวนตั้งแต่หัวจรดเท้า ตามคำให้การของผู้ร้องทุกข์บุรุษผู้นี้สอบผ่านระดับมณฑลมีตำแหน่งจวี่เหริน มากความรู้มีความสามารถปราดเปรื่องแต่กลับเลือกขายตัวเองเข้าจวนนายอำเภอจาง

“บัณฑิตฝ่ายบุ๋นอำเภอหนิงเซี่ยทำให้ข้าต้องเปิดหูเปิดตาเสียแล้ว...พวกกินข้าวนิ่ม” น้ำเสียงมือปราบหนุ่มดังกึกก้อง เหล่าบัณฑิตที่ร่ำเรียนสำนักศึกษาเดียวกันกับเหนียนซูหยวนได้ยินแล้วเดือดดาลลุกขึ้นคิดโต้เถียง ทว่ายืนอึกอักอยู่นานก็หาถ้อยคำสวนกลับไม่เจอสักคำเดียว ความจริงตบหน้าเหล่าบัณฑิตเต็มๆ

เหนียนซูหยวนโดนเหยาเชิงหรือในอดีตก็คือบัณฑิตฝ่ายบู๊ระดับการสอบเคอจวี่ตบหน้าด้วยวาจาเปรียบเปรยร้ายกาจ เขาโมโหโกรธาแต่ก็หาคำพูดเถียงสู้อีกฝ่ายไม่ได้ รู้สึกเสียหน้าเป็นอย่างมาก ยิ่งวันนี้ศิษย์พี่ศิษย์น้องมาร่วมยินดีอวยพรคราคร่ำแต่เขากลับถูกขุนนางฝ่ายบู๊หมิ่นเกียรติจนหน้าหงาย

แผงอกกระเพื่อมขึ้นลงตามแรงลมหายใจ สองมือกำหมัดเอาไว้แน่น กัดฟันกรอดกดข่มไฟโทสะให้มอดดับลงไป เขาเป็นบัณฑิตฝ่ายบุ๋นต้องเอาความสุขุมเหยียบหัวพวกบัณฑิตฝ่ายบู๊ที่ถนัดแต่ใช้แรงมิใช่สาดวาจาเน่าเหม็นไปมาแล้วสุดท้ายตนเองต้องเปรอะเปื้อนไปด้วย จะได้ไม่คุ้มเสียเอา ภาพลักษณ์ของตนสูงส่งไม่ควรลดตัว คิดได้ดังนั้นเหนียนซูหยวนหลุบมองต่ำไม่ออกหน้าเอ่ยสิ่งใดอีก

นายอำเภอจางเรียกสติคืนกลับมา มองเหยาเชิงครู่หนึ่งแล้วยิ้มเผล่ “ที่แท้ก็มือปราบเหยานี่เอง ข้าต้อนรับไม่ทั่วถึงต้องขออภัยอย่างยิ่ง” เอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ พยายามแสร้งทำท่าสนิทชิดเชื้อกับอีกฝ่ายทว่าไร้ผล มือปราบเหยาไม่ฟังถ้อยคำของเขาโดยสิ้นเชิงปฏิบัติหน้าที่ทันที

“ผู้ใดมีนามต่อไปนี้ให้ก้าวออกมา” มือปราบเหยาเชิงกางหมายจับกุมออกแล้วอ่าน “เหนียนเฮยผี” ตะโกนหนึ่งนามก็โบกมือให้ลูกน้องไปตามลากตัวออกมา “เย่หลิง” เสียงแขกสตรีกรีดร้องทันทีที่เสียงเหยาเชิงเงียบลง “เย่ฝาน” รอไม่นานครอบครัวของท่านเขยก็ถูกมือปราบที่ว่าการเมืองเทียนสุ่ยควบคุมตัวไว้หมด

“มือปราบเหยา!” จางนั่วรั้งลำแขนมือปราบเหยาเชิงเอาไว้แล้วโน้มการกระซิบกระซาบ “ขอท่านละเว้นสักครั้งมิได้หรือ...วันนี้ทั้งสามผู้ถูกกล่าวหาเป็นญาติผู้ใหญ่ฝ่ายเจ้าบ่าวของงาน” พยายามต่อรองแม้นรู้เต็มอกที่ว่าการเมืองเทียนสุ่ยปฏิบัติหน้าที่กันอย่างเถรตรงไม่ลดราวาศอก

ขนาดเชื้อพระวงศ์ทำผิด เจ้าเมืองเทียนสุ่ยเติ้งผูฉุนยังไม่ยอมลดโทษแม้แต่น้อย นับประสาอะไรกับขุนนางขั้นแปดเยี่ยงเขา นายอำเภอจางเหงื่อแตกพลั่กทั่วศีรษะและแผ่นหลังทำใจดีสู้เสือแสร้งอ้อนวอนต่อหน้าลูกเขยเพื่อซื้อใจอีกฝ่าย ‘ข้าทำสุดความสามารถ เจ้าเห็นแล้วใช่หรือไม่’

ส่วนเหนียนซูหยวนยืนคุมเชิงกวาดสายตาไล่มองท่าทางแขกเหรื่อแต่ละคนกำลังคิดอ่านประการใด ‘ท่านเขยไม่ได้สนใจครอบครัวจะเป็นตายร้ายดีสักเสี้ยวเดียว เขาแต่งเข้าจวนนายอำเภอจางแล้ว ไยต้องร่วมตกทุกข์ได้ยากกับสกุลเหนียนด้วย’ แม้นบิดา มารดา ท่านน้าแหกปากเรียกนามเขาเป็นร้อยรอบ ท่านเขยจวนนายอำเภอก้มหน้าไม่สบตาญาติพี่น้องสักเสี้ยวเดียวก็ไม่กระทำ

“แล้วตอนคนเหล่านี้ทำผิดไยไม่คิดละเว้นผู้ตกทุกข์ได้ยากบ้างเล่า” เหยาเชิงหันขวับจดจ้องมองนัยน์ตาหลุกหลิกของนายอำเภอจาง “กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นย่อมตามสนอง ผู้แซ่เหยามีตำแหน่งมือปราบที่ว่าการเมืองเทียนสุ่ย เป็นผู้รักษากฎหมายไยตัวข้าต้องกระทำผิดเองด้วยเล่า...ตัวท่านทำผิดคนเดียวพอ อย่าชักใบให้เรือเสีย” มือปราบหนุ่มสบถเสียงต่ำ สีหน้าบึ้งตึง สาวเท้าก้าวใหญ่ๆ เดินนำทางโดยไม่เหลียวกลับหลังมองนายอำเภอจางอีก

“หยวนเอ๋อร์ช่วยแม่ด้วย” นางเย่ซื่อกรีดร้องเสียงแหลม นางดิ้นรนหวังให้หลุดพ้นจากมือเหนียวของกลุ่มมือปราบ แล้วหัวใจต้องล่วงลงเหวเมื่อบุตรชายยืนก้มหน้าไม่คิดแม้แต่ออกหน้าพูดคุย น้ำตาแห่งความเสียใจค่อยๆ ไหลรินตามใบหน้า หัวสมองขบคิดอลหม่านวุ่นวาย นางไม่เคยสังเกตเห็นความเยือกเย็นไร้น้ำใจและความหมางเมินห่างเหินของบุตรชายมาก่อน เขาเป็นเด็กดีไม่ใช่หรือ เขาเชื่อฟังบุพการีไม่ใช่หรือ ทำไมพอครอบครัวประสบความลำบากเขาไม่แม้จะก้าวออกมาทัดทานขอความเมตตาต่อมือปราบ

“หยวนเอ๋อร์! ข้าเป็นแม่ของเจ้านะ” นางตะโกนทิ้งท้ายไว้ด้วยประโยคนี้ แขกเหรื่อหันขวับไปมองหน้าเหนียนซูหยวนเป็นตาเดียวกัน สายตาเจือแววตำหนิอยู่บ้าง

ทว่าอีกไม่กี่วันข้างหน้าเหนียนซูหยวนจะได้รับคำสรรเสริญเยินยอจากชาวอำเภอหนิงเซี่ย ‘บัณฑิตทรงคุณธรรมแยกแยะผิดชอบชั่วดี ไม่ยอมเห็นแก่สายเลือด’ สายตาตำหนิก่อนหน้านี้ไม่ส่งผลอันใดต่อบัณฑิตผู้นี้เลยสักนิด

งานเลี้ยงเป็นอันต้องเลิกรา เหนียนซูหยวนยืนส่งแขกแสร้งทำสีหน้าสลดเศร้า บางคนปลอบใจบอกคงไม่มีอะไรร้ายแรง บางคนทับถมเห็นทีคราวนี้สกุลเหนียนตกที่นั่งลำบากแล้วกระมัง แม้นจะโดนเหน็บแนมเสียดสีทว่าท่านเขยคงท่าทีสงบเยือกเย็นไม่มีใครอ่านความคิดออกสักคน

เหนียนซูหยวนอ้างเหตุนี้ตนเคร่งเครียดเหลือเกินไม่ขอเข้าพิธีร่วมคืนวสันต์กับคุณหนูใหญ่จางเหริน เขาแยกตัวออกมานอนห้องหนังสือ แท้จริงลักลอบออกจากจวนนายอำเภอยามวิกาลไปพบศิษย์น้องคนสนิท สุมหัววางแผนบางอย่าง

ส่วนท่านพ่อตานั้นตอนนี้เร่งรีบร้อนรนเหมือนไฟลนก้น จางนั่วเปลี่ยนอาภรณ์เต็มพิธีการเร็วรี่วิ่งปรี่ตามกลุ่มมือปราบเหยาเชิงไปที่ว่าการอำเภอติดๆ เพื่อรายงานตัวกับเจ้าเมืองเทียนสุ่ย ฤทธิ์น้ำสุราสร่างแล้วทำให้สติที่เคยเตลิดกลับมาอีกครั้ง พบว่าตนล่วงเกินเจ้าเมืองเทียนสุ่ยเข้าเต็มๆ

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ