ท่านผู้เฒ่าเย่หันหน้าสบตาเหนียนเฮยผีผู้เป็นลูกเขยคล้ายมีคำถามค้างคาใจมากมาย ‘เรื่องบุตรสาวกับบุตรเขยร่วมมือกับบุตรชายคนรองของตนปลอมตัวเป็นโจรป่าเข้าปล้นเรือนบัณฑิตหลี่จนเกิดเหตุไม่คาดฝันพลั้งมือสังหารสองสามีภรรยาสกุลหลี่ตาย...ท่านผู้เฒ่าเย่รู้เต็มอก’ แล้วนี่! ทำไมปล่อยบุตรีสกุลหลี่มายืนแหกปากโวยวายสร้างความอับอาย เขาสาดประกายตาเหี้ยมใส่ลูกเขย
เหนียนเฮยผีโดนสายตาตำหนิของพ่อตาสาดมาพลันเสียวสันหลังวาบ เขาพยายามทําใจให้สงบ ฝืนยิ้มแห้งให้พ่อตาอย่างเกรงใจแล้วหันขวับมองหลี่ถิงถิง เอ่ยเสียงดุดัน “อย่าก่อเรื่อง”
“ท่านลุง! ข้าไม่ได้มาก่อเรื่อง ข้ามาเพื่อทวงความเป็นธรรมให้ตัวเอง” หลี่ถิงถิงไม่ลดราวาศอกอีกต่อไป ในเมื่อโอกาสมาถึงแตกหักเสียวันนี้เลยดีกว่า นายท่านมอบเบี้ยให้นางหลายตำลึงเงินเพียงพอเช่าโรงเตี๊ยมพำนักอาศัยช่วงรอท่านตายื่นฟ้องศาล อยู่เรือนท้ายไปก็มีแต่ปวดเศียรเวียนเกล้าไม่เว้นแต่ละวัน หาความสงบใจแทบไม่ได้
“ทวงอะไรอีก ก็แค่เรื่องเข้าใจผิดกัน อาถิง! อย่าพูดจาเหลวไหลเลอะเทอะ” เหนียนเฮยผีชี้หน้าหลี่ถิงถิงอย่างโกรธจัดจนเนื้อตัวสั่นสะท้าน ยิ่งได้ยินบรรดาฮูหยินที่เดินทางมาจากตัวอำเภอวิจารณ์ปั้นแต่งเรื่องยิ่งทำให้เขาร้อนตัว
“ข้าพูดความจริง ถามนางสิ! บุกรุกเรือนข้าทำไม...ใครใช้ให้นางไปก่อกวนข้า” หลี่ถิงถิงไม่ยอมถอย เหนียนเฮยผีชี้หน้านาง นางชี้หน้าเสี่ยวถาน เท่าที่สังเกตเห็นกิริยาแสนห่วงใยทะนุถนอมที่ท่านลุงเหนียนปฏิบัติต่อเสี่ยวถาน เด็กสาวกำพร้าพอสรุปได้ในใจ ‘ข้าวสารกลายเป็นข้าวสุก ไม้กลายเป็นเรือ แล้วสินะ’ ถึงกล้าปกป้องออกหน้า ผู้เป็นภรรยานั่งบนพื้นร้องโอดโอยไม่ไปดูกลับเอาแต่สนใจสาวใช้
“น่าสมเพช” หลี่ถิงถิงลอบขยับปากด่าโดยไร้เสียง
ท่านผู้เฒ่าเย่ชักหงุดหงิดรำคาญลูกเขยที่จัดการอะไรไม่ได้ดั่งใจ ปล่อยให้หลี่ถิงถิงตะคอกเสียงดังเป็นจุดสนใจอยู่ได้ “พอๆ ไม่ต้องเถียงกันแล้ว” ขมวดคิ้วพลางกล่าวอย่างอารมณ์ไม่ดีอีกว่า
“ไหนเจ้าบอกมาสิ ไปทำไมเรือนท้าย”
คำถามนี้ราวกับสายฟ้าฟาดลงตรงกบาลของเสี่ยวถาน จะให้นางตอบอย่างไร ‘บ่าวอยากประจบเอาใจท่านเขยเลยทำเกินคำสั่งเจ้าค่ะ’ นางก็บอกความจริงเช่นนี้ไม่ได้ “เออ” อ้ำๆ อึ้งๆ อยู่เป็นนานก็ควานหาคำตอบไม่ได้ ยิ่งเสี่ยวถานเผยท่าทางลุกลี้ลุกลนยิ่งตอกย้ำว่าคำกล่าวหาของหลี่ถิงถิงเป็นความจริง
“เป็นหลานให้นางไปตามอาถิงขอรับ” จู่ๆ เหนียนซูหยวนที่ควรเก็บตัวอยู่แต่ในห้องก็ปรากฏตัว นับว่าเขากระทำผิดธรรมเนียมอยู่บ้าง ปกติผู้ที่จะสมรสในวันสองวันห้ามออกไปไหน เก็บตัวอยู่ในเรือนนอน “อาถิง! พี่ขอโทษน้องด้วย พี่ใช้ให้เสี่ยวถานไปตามเจ้ามาคำนับท่านตา” สถานการณ์เดือดพล่านเมื่อครู่แปรเปลี่ยนทันทีเพียงประโยคสองสามประโยคที่หลุดจากปากบัณฑิตเหนียนจวี่เหริน
หลี่ถิงถิงพ่นเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่พอใจ มองเหนียนซูหยวนด้วยสายตาเหยียดหยาม บุรุษผู้นี้แสร้งแสดงสีหน้าละอายใจ วางท่าสุขุมสำรวมระวังกิริยาเพียงเท่านี้ผู้คนล้วนเชื่อถือคล้อยตามคำพูดง่ายดาย ส่วนนางเล่ากล่าวปากเปื่อยปากแฉะถามหาความยุติธรรมกลับได้ความว่างเปล่าคืนมา
พอเด็กสาวกำพร้ากวาดสายตาไปรอบทิศผู้คนที่เคยนินทาเมื่อครู่พลิกลิ้นเปลี่ยนคำเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด โลกใบนี้ช่างใจร้ายกับนางเหลือเกิน หมัดข้างตัวกำเข้าหากันแน่น นางสรุปสถานการณ์แล้ว...ยกนี้พ่ายแพ้!
“อาถิง! ท่านตาพึ่งมาถึงเรือน หากจำไม่ผิดท่านตาไม่เคยเห็นหน้าเจ้า” เหนียนซูหยวนมองหลี่ถิงถิงที่ยืนแผ่นหลังเหยียดเหมือนกำแพงสูงตั้งตระหง่านไม่หวั่นกลัวสิ่งใด เขาประเมินคร่าวๆ ด้วยแววตาเคร่งขรึม ‘นางเปลี่ยนไปจริง’
หลี่ถิงถิงคนเก่าเฉลียวฉลาดแต่ไม่มีความกล้าพลอยทำให้คนอื่นมองว่านางโง่เขลา แต่หลี่ถิงถิงคนนี้ทระนงองอาจ วาจาคมคาย บุคลิกเหมือนขุนพลหญิงนำทัพหน้าออกรบ สง่างามมีเสน่ห์เปี่ยมล้น คิดได้ดังนี้หัวใจเหนียนซูหยวนรู้สึกโหวงเหวงแปลกๆ คล้ายกำลังจะสูญเสียของรักก็ไม่ปาน
“อืม” หลี่ถิงถิงไม่อยากต่อความยาวสาวความยืด แพ้ก็คือแพ้ วันพรุ่งถึงจะวันเป็นของนาง แต่การณ์นี้ไม่ใช่ไม่ได้อะไรเลย เด็กสาวกำพร้ามองเห็นความสามารถของอดีตสามีเมื่อชาติที่แล้วแบบทะลุปรุโปร่ง เฉลียวฉลาดเก่งเรื่องปลิ้นปล้อนหลอกลวง
“ข้าคำนับท่านตาเย่ ถิงถิงไม่รบกวนแล้ว ขอลา”
หลี่ถิงถิงรู้รุกรู้ถอย ในเมื่อดึงดันแล้วไปไม่รอด แขกเหรื่อที่มาวันนี้มองนางเป็นเด็กสาวกำพร้าไร้การศึกษา นิสัยใจร้อนบุ่มบ่ามเลยโวยวาย ไม่ว่านางจะกล่าวอย่างไรก็คงยากจะหาคนเชื่อ ทว่าแตกร้าวไม่สำเร็จเช่นนั้นขอยุแยงให้เรือนสกุลเหนียนร้อนระอุแล้วกัน
“ท่านป้าเย่! เจ็บมากหรือไม่” หลี่ถิงถิงหยุดยืนตรงนางเย่ซื่อที่กำลังพยายามตะเกียกตะกายลุกขึ้นยืน ครั้นพอยืนได้ครู่เดียวร่างก็เซถลาถอยหลัง จำต้องจับเสาค้ำร่างกายไว้
“นางตัวดี! รีบไสหัวกลับเรือนท้ายไปเสีย นางสุนัขชั่วไม่รู้ความ” นางเย่ซื่อถลึงตามองหลี่ถิงถิงอย่างดุดัน เตรียมขึ้นเสียงด่าต่ออีก ทว่าโดนเด็กสาวตัวดีขัดจังหวะก่อน
“จิ” หลี่ถิงถิงจิปากพลางส่ายหัวพัลวัน “ข้าสงสารท่านป้าเย่จริง” เหลือบมองไปทางเหนียนเฮยผีที่กำลังยืนกล่าวปลอบขวัญเสี่ยวถาน คนภายนอกอาจแลดูเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่เจ้านายหนุ่มจะพูดคุยสนิทสนมกับสาวใช้ แต่ภรรยาเคียงหมอนย่อมมีสัมผัสพิเศษบางอย่างสามารถแยกแยะได้ว่ากิริยาไหนปกติ กิริยาไหนเกินเลยคำว่านายบ่าว
“ความเจ็บของท่านป้าเย่สู้ความเจ็บของเสี่ยวถานไม่ได้! ดูสิเจ้าค่ะ ท่านลุงเหนียนเอาใจใส่เสี่ยวถานมากกว่าภรรยาเอกของตนเอง” หลี่ถิงถิงหัวเราะเสียงเย็นในลำคอ ยกมุมปากขึ้นอย่างชั่วร้าย ยิ่งเห็นสีหน้านางเย่ซื่อค่อยๆ เปลี่ยนสี นางยิ่งสะใจ
“ไสหัวไป!” นางเย่ซื่อกัดฟันกรอดๆ เค้นเสียงขับไล่หลี่ถิงถิงลอดไรฟัน ดวงตาจดจ้องนางราวกับจะฆ่าแกงเสียบัดเดี๋ยวนี้ให้รู้แล้วรู้รอด
“ถิงถิงลาท่านป้าเย่เจ้าค่ะ” หลี่ถิงถิงไหวไหล่ไม่หวั่นเกรงต่อสายตามาดร้ายที่เพ่งเล็งมายังตนเอง นางมองท่าทีโกรธเคืองของเย่ซื่อแล้วลอบแค่นเสียงขึ้นจมูกเย้ยหยัน ก้าวเดินมาถึงเขตเรือนซอมซ่อ “สมน้ำหน้า” ด่าทอลับหลังหนึ่งคำสั้นๆ ก็นับว่าเป็นการระบายความขุ่นเคืองอย่างหนึ่ง
นึกคิดนางเย่ซื่อเจ็บช้ำน้ำใจเห็นสามีนอกกายนอกใจกับตาตัวเองแต่ทำอะไรเสี่ยวถานไม่ได้เพราะติดงานมงคลเหนียนซูหยวน นางเย่ซื่อต้องทนมองหน้าเสี่ยวถานจนกว่าหกพิธีการจะสิ้นสุด นึกภาพใบหน้านางเย่ซื่อค่อยๆ เขียวสลับแดงแล้วสาแก่ใจยิ่ง
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?