ตอนที่ 10 นางเป็นใครไยข้ารู้สึกคุ้นเคย

‘นางเป็นใคร’ คำถามนี้ผุดขึ้นมาซ้ำๆ ทว่าค้นในความทรงจำไม่พบว่าเคยรู้จักนางแม้แต่น้อย ช่วงชีวิตที่ผ่านมาพระองค์อยู่เมืองผิงหลิงไม่เคยมาเยียนเมืองท่าเรือนเทียนสุ่ย ไฉนถึงรู้สึกสนิทชิดเชื้อ

“หลี่ถิงถิง” หนำซ้ำอ๋องผิงหลิงมู่หรงเฉินเยี่ยนยังรู้จักนามของนางอีกด้วย โชคดีตอนเปล่งเสียงเด็กสาวยกอ่างน้ำออกไปแล้วจึงไม่ทันได้ยินผู้เคราะห์ร้ายเรียกนามเต็มของตนเอง

มู่หรงเฉินเยี่ยนตกใจจนหัวใจแทบจะหยุดเต้น เขารู้จักเด็กสาวผอมแห้งหนังหุ้มกระดูกคนนี้ได้อย่างไร สมองวุ่นวายอลหม่านเค้นความคิดว่าพระองค์เคยเจอะเจอนางที่ไหน ทว่าคิดค้นเท่าไหร่กลับไม่พบสิ่งใดผิดปกติ อ๋องหนุ่มทดความสงสัยไว้ในใจแล้วหันมาร่วมมือกับเด็กสาวดูแลรักษาบาดแผลให้หายสนิทเสียก่อนค่อยสืบเสาะทีหลังยังได้

อ๋องหนุ่มดื่มยาแล้วนอนหลับบนเตียงเล็ก เท้าของพระองค์เลยเตียงไปกว่าหนึ่งชุ่น ทำให้ไม่สบายตัวอย่างยิ่ง ทว่าเหตุการณ์บีบบังคับมิอาจร่ำร้องจากเด็กสาวเสื้อผ้าเก่าซีดให้หาเตียงหลังใหญ่มาถวายพระองค์ในยามนี้ อ๋องผิงหลิงมองออกเด็กสาวเจ้าของเรือนซอมซ่ออยู่ในสถานะลำบาก หากจะกล่าวคงเป็น ‘สาวใช้’ แต่มองประเมินอีกทีสาวใช้ก็มิใช่อีก เพราะหากนางเป็นสาวใช้คงต้องปรนนิบัติเจ้านายไม่มีเวลาดูแลคนบาดเจ็บเยี่ยงพระองค์

เด็กสาวเช็ดตัวเวลาจับไข้ หายไปครู่ใหญ่กลับมาพร้อมแป้งทอดพลางฉีกเป็นชิ้นๆ ใส่ปากให้ท่านอ๋อง ท่าทางลับๆ ล่อๆ คล้ายหวาดกลัวผู้อื่นเห็นยิ่งทำให้มู่หรงเฉินเยี่ยนสนใจ ฉะนั้นนางไม่ใช่บ่าวไพร่และไม่ใช่เจ้านาย อ๋องหนุ่มไม่อยากคาดเดาเลยเถิด ข่มตาเข้าสู่ห้วงนิทรา

ผ่านไปห้าวัน...

อาการไข้สูงหายเป็นปลิดทิ้ง มู่หรงเฉินเยี่ยนสามารถพูดคุยสื่อสารได้ตามปกติ ทว่าบาดแผลจากคมดาบยังไม่สมานทำให้ท่านอ๋องต้องขอลี้ภัยอาศัยเด็กสาวกำพร้าอีกสักพักใหญ่

“เบี้ยอยู่ในถุงเงิน เจ้าใช้ได้ตามสบาย” ผู้บาดเจ็บนอนบนเตียงเงยหน้ามองหลังคาบอกกล่าวเด็กสาวกำพร้าเสียงอ่อนโยน “ข้าไหว้วานเจ้าช่วยซื้อยาบำรุงหลายชุดหน่อย” รักษาบาดแผลอย่างเดียวไม่ได้ ร่างกายต้องบำรุงซ่อมแซมส่วนสึกหรอด้วย

“เจ้าค่ะ”

หลี่ถิงถิงรับคำด้วยท่าทางอ่อนน้อมถ่อมตน แท้จริงในใจลอบกังวลอยู่ลึกๆ นางหยิบก้อนเงินในถุงไปซื้อยาที่โรงหมอเฒ่านานแล้วเพียงยังไม่ได้บอกกล่าวผู้เคราะห์ร้ายเท่านั้นเอง ความละอายแผ่ซ่านในอก มือเล็กเปิดถุงเงินแล้วล้วงก้อนเงินออกมาสองก้อน คิดคำนวณหนึ่งก้อนซื้อยา อีกหนึ่งก้อนซื้อไก่มาตุ๋นบำรุง

“ทำไมไม่เอาไปให้มากหน่อย” ทว่าจู่ๆ เสียงเข้มก็ดังขัดจังหวะความคิดของหลี่ถิงถิงจนนางสะดุ้งตัวโยน

“หะ...หา อะไรนะเจ้าคะ” หันขวับสบประสานตาเข้ากับดวงตาหงส์ของผู้เคราะห์ร้ายพอดิบพอดี อาศัยด้วยกันห้าวันแล้วครั้งแรกที่เด็กสาวกำพร้าพึ่งสังเกตใบหน้าชายหนุ่มชัดๆ

ใบหน้าหล่อเหลาองอาจ ดวงตาหงส์เรียวยาว นัยน์ตาดำตัดขาวชัดเจน คิ้วคมเสมือนดาบยาวจรดขมับ ขนตายาวเป็นแพ จมูกโด่งอยู่เหนือริมฝีปากบาง เครื่องหน้างามสง่าละเมียดละไมราวกับศิลปะชั้นเอก

หลี่ถิงถิงยืนนิ่งตกตะลึงกับภาพที่ได้เห็น ก่อนหน้าไม่เคยสนใจ ชาติที่แล้วยิ่งแล้วใหญ่ ช่วยเหลือแบบลวกๆ ปล่อยผู้เคราะห์ร้ายไข้ขึ้นสูงนอนพื้นดินตัวสั่นระริกหายเอง ผ้าพันแผลรอให้ส่งกลิ่นเหม็นคาวค่อยผลัดเปลี่ยน นึกย้อนอดีตชาติแล้วอยากตีหัวตัวเองให้สมองกลับ ทำไมใจร้ายกับบุรุษผู้ร่ำรวยขนาดนั้น

มู่หรงเฉินเยี่ยนเห็นเด็กสาวยืนแข็งทื่ออยู่ตรงนั้นไม่ขยับเขยื้อน นึกคิดอีกฝ่ายต้องกลัวพระองค์แน่นอนเลยฝืนฉีกยิ้มที่ดูแล้วไม่เป็นธรรมชาติอย่างยิ่งแล้วเอ่ยเสียงอ่อน “ข้าหมายถึงให้เจ้าซื้อสำรับที่เจ้าอยากกินตามสะดวก เบี้ยในถุงเงินข้ายกให้เจ้า” พยายามลดความเคร่งขรึมเย็นชาลงเพื่อไม่ให้ผู้มีคุณตระหนกตกใจกลัว

“ขอบคุณเจ้าค่ะ” หลี่ถิงถิงดึงสติกลับคืนมา ได้ยินผู้เคราะห์ร้ายอนุญาตให้ใช้เบี้ยในถุงเงินได้พลางโล่งอก ‘ไม่ถูกจับได้ว่าขโมยแล้วใช่ไหม’ รอยยิ้มไร้เดียงสาประดับตรงใบหน้า นัยน์ตาทอประกายระยิบระยับ มีรอยบุ๋มลึกยักลงข้างแก้มสองข้างดึงดูดให้มอง

“อ้อ ข้ามีเรื่องอยากถาม”

มู่หรงเฉินเยี่ยนดึงสายตากลับมาแหงนมองหลังคาดังเดิม สตรีตรงหน้ายังเป็นเด็กน้อยวัยสิบสองสิบสามปีไยทำให้หัวใจของพระองค์เต้นรัวกระหน่ำได้ มิเท่ากับท่านอ๋องมีความคิดหยาบโลนหรอกหรือ มิได้เป็นอันขาด อ๋องสูงศักดิ์จะไขว้เขวหวั่นไหวกับลักยิ้มข้างแก้มเด็กสาวผู้มีคุณได้อย่างไร ขณะถกเถียงตบตีกับความคิดในหัว ตัวปัญหาสาวเท้าเข้าประชิดข้างเตียงชะโงกหน้าพร้อมเอ่ยย้อนถาม

“มีอะไรหรือเจ้าค่ะ” หลี่ถิงถิงในมือถือถุงเงิน หัวสมองครุ่นคิดไปต่างๆ นานา ไม่รู้เลยว่าผู้เคราะห์ร้ายกำลังคิดอ่านประการใดเกี่ยวกับตนเอง

ดวงตากลมโตใสกระจ่างกะพริบปริบๆ ช่างน่ารักน่าเอ็นดูเหมือนลูกแมวตัวน้อยที่เฝ้าคอยเจ้านายมาลูบหัว มู่หรงเฉินเยี่ยนอ้าปากค้างไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมาสักคำ

“ท่าน!” หลี่ถิงถิงขมวดคิ้วอย่างงุนงง ผู้เคราะห์ร้ายอาการกลับมาสาหัสหรือไฉนใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงจัดตลอดจนใบหู นางยื่นมือหมายวัดไข้อีกคราที่หน้าผาก

“ไม่ ขะ...ข้าไม่เป็นไร” มู่หรงเฉินเยี่ยนดึงสติกลับมาได้สำเร็จ เคลื่อนใบหน้าหลบมือเล็กที่กำลังจะสัมผัส ท่าทางพระองค์จึงคล้ายรังเกียจอยู่กรายๆ ทำให้เด็กสาวสูญเสียความมั่นใจชักมือกลับฉับพลัน ทั้งสีหน้าหม่นแสงลงทันตา

“เอ่อ ข้ามิได้ป่วย” แก้ต่างตอนนี้ก็ไม่ได้ทำให้หลี่ถิงถิงรู้สึกดี นางยิ่งถอยกรูออกห่างเตียงหลายก้าว

“เจ้าค่ะ” หลี่ถิงถิงก้มหน้าซ่อนประกายน้อยใจในดวงตา

อีกคนอารมณ์ต่ำต้อยพลุกพล่านแต่อีกคนไม่รู้ว่ากิริยาเมื่อครู่สร้างรอยแผลใจ มู่หรงเฉินเยี่ยนเป็นคนเย็นชา เด็ดขาด กล้าหาญชาญศึก พระปรีชาของพระองค์หากให้เล่าแล้วสามวันสามคืนก็คงไม่จบไม่สิ้น ข้อดีมากเหลือล้นตรงกันข้ามข้อเสียเล่าคืออันใด

ผู้มีสายตายาวไกลมักลืมใส่ใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ

อ๋องผิงหลิงมู่หรงเฉินเยี่ยนก็เป็นเช่นนั้น ปฏิกิริยาเพียงวูบไหวผ่านพระองค์ไม่เก็บมาขบคิด ถูกสั่งสอนปลูกฝังให้เป็นเผด็จการ ตรัสสั่งแล้วหนึ่งคำไม่มีคำที่สอง ถูกวางอำนาจไว้ในกำมือตั้งแต่เยาว์วัย ฉะนั้นสิ่งที่อ๋องหนุ่มขาดไปย่อมเป็น...ความเห็นอกเห็นใจต่อผู้ใต้บัญชา

ส่วนประชาราษฎร์ในเมืองผิงหลิงนั้นท่านอ๋องผิงหลิงรักและเมตตาอย่างยิ่ง

มู่หรงเฉินเยี่ยนกระแอมเบา ๆ ทีหนึ่งเพื่อกลบเกลื่อนความเก้อเขิน เบือนหน้าหนีไปอีกทางไม่ยอมมองผู้มีคุณตัวน้อย อ๋องหนุ่มหวังว่าการทำเช่นนี้จะทำให้หัวใจเต้นรัวแรงสงบลงได้

“ข้าอยากถามเจ้า...ที่นี่คือ”

“หมู่บ้านหลี่เชี่ยน อำเภอหนิงเซี่ย เมืองเทียนสุ่ยเจ้าค่ะ” หลี่ถิงถิงหลุบตามองปลายเท้าตอบออกมาอย่างคล่องแคล่ว น้ำเสียงเนิบช้าสั่นเครือเล็กน้อย ความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจอันอธิบายไม่ถูกเอ่อล้นอยู่เต็มหัวใจ ยากนักจะกดอารมณ์นี้ลงไปในเพลาเพียงไม่กี่อึดใจ

อย่างไรนางก็เป็นคนเหน็ดเหนื่อยดูแลบุรุษผู้นี้อย่างดีไฉนอีกฝ่ายมีท่าทีรังเกียจรังงอน แม้นนางจะมีแผนการซุกซ่อนแต่อย่างน้อยก็ควรให้เกียรติกันบ้างในฐานะผู้มีพระคุณ

“เมืองการท่า!” มู่หรงเฉินเยี่ยนอุทานคำหนึ่ง เปลือกตากระตุกขึ้นมาในทันที คำตอบที่ได้ยินทำให้เส้นประสาทตึงเครียด ‘นี่ข้าอยู่ใต้ปีกจมูกศัตรูถึงเพียงนี้เชียวหรือ’ อ๋องหนุ่มหลงคิดว่าตนเองหนีพ้นเขตเมืองเทียนสุ่ยซึ่งเป็นเขตการปกครองของศัตรูตัวฉกาจ จวิ้นอ๋องโอวหยางจีเชิน ทว่ากลับน่าเสียดายอย่างยิ่ง หมู่บ้านหลี่เชี่ยนเป็นหมู่บ้านสุดท้ายติดเขตแดน หากผ่านไปก็จะเป็นพื้นที่ศักดินาของอ๋ององค์อื่น อีกนิดเดียวอ๋องผิงหลิงก็จะปลอดภัยแล้วไยสวรรค์ไม่มอบเรี่ยวแรงให้เขามากกว่านี้กันนะ

หรือจะเป็นโชคชะตาฟ้ากำหนด...

ชะตาขีดเส้นให้อ๋องผิงหลิงต่อสู้กับนักฆ่าจนหมดสิ้นเรี่ยวแรงอยู่ตรงหมู่บ้านหลี่เชี่ยน หนำซ้ำฟ้ายังกำหนดให้พระองค์กระโดดเข้าซ่อนตัวในบ้านซอมซ่อของเด็กสาวที่อาศัยตัวคนเดียวคนนี้อีก คิดได้ดังนั้นจู่ๆ ความเคร่งเครียดที่เคยมีก็ทุเลาเบาบางและค่อยๆ จางหายไป

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ