ตอนที่ 12 ความลับของบัณฑิตจวี่เหริน

บุตรที่ใช้ชีวิตดีกว่าบิดามารดาจะเรียกกตัญญูได้อย่างไร

บุตรที่เหยียบบนหัวบิดามารดาจะเรียกกตเวทีตาได้อย่างไร ในเรือนตะวันออกของเหนียนซูหยวนมีใบชาต้าหงเผา ที่บรรดาขุนนางเมืองหลวงชมชอบลิ้มรส ราคาขายในเทียนสุ่ยนับว่าซื้อข้าวสารหุงกินได้ตลอดทั้งปี บุตรดื่มด่ำน้ำชารสเลิศแต่บิดามารดากลับดื่มชาพื้นบ้านธรรมดา

ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงผู้มีคุณที่อยู่เรือนหลังสุด ในเรือนไม่มีแม้แต่ใบชาสักใบ ดื่มน้ำเปล่าเย็นยะเยือกทุกวัน สุขภาพจะดีได้อย่างไร หากให้คาดเดาท่านอ๋องคิดว่าผู้มีคุณถูกเก็บมาเลี้ยงเป็นสาวใช้ของเรือนบัณฑิตสกุลเหนียน แต่พระองค์ลืมคำนวณไป

สาวใช้ที่ไหนไยสิบวันมานี้นางเย่ซื่อไม่เคยเรียกใช้แม้แต่วันเดียว

“ไปเถอะ”

มู่หรงเฉินเยี่ยนพยักหน้ารับรู้ ทว่าหลี่ถิงถิงกลับยืนตัวแข็งทื่อ สีหน้าวิตกกังวลแฝงไว้ด้วยความเคร่งเครียด กลอกดวงตาไปมาราวใช้ความคิดหนักหน่วงที่จะก้าวขาออกไป อ๋องหนุ่มเห็นพิรุธหมดสิ้น แต่ไม่กล้าสอบถาม ยามนี้ร่างกายพระองค์ฟื้นคืนกำลังจริง ทว่าการปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนยังกระทำมิได้เป็นอันขาด

เมื่อคืนนักฆ่าในชุดอำพรางยังวิ่งว่อนไปทั่ว

มู่หรงเฉินเยี่ยนหวาดกลัวจะนำเภทภัยมาสู่ผู้มีคุณ ครั้นเหลือบเห็นมือไม้ของนางสั่นระริกท่านอ๋องพลันรู้สึกเดือดดาลในหัวอกขึ้นมา ‘หรือคนเหล่านี้ทุบตีทารุณนาง’ ท่าทางถึงได้ตระหนกเยี่ยงนี้ “เจ้าไม่อยากออกไปพบนางใช่หรือไม่” สุดท้ายก็เปล่งเสียงถาม

ท่านอ๋องผิงหลิงไม่รู้ตัว ภายในได้ถักทอเส้นใยที่เรียก ‘ผูกพัน’ ขึ้นทีละเส้นจนกลายเป็นความใส่ใจห่วงใย กระทั่งแสดงออกด้วยการถามไถ่หลี่ถิงถิง ดวงตาทอประกายราวกับครุ่นคิดบางอย่าง

หลี่ถิงถิงเห็นท่าทีของผู้บาดเจ็บบนเตียงพลันรู้สึกตนเองทำให้อีกฝ่ายอึดอัดใจ นางจึงเลือกส่ายศีรษะปฏิเสธไม่เอื้อนเอ่ยถ้อยคำใด ตัดสินใจสูดลมหายใจเข้าลึกๆ สุดปอดรวบรวมความกล้ากลับหลังหันก้าวเดินจากไป

นางบอกบุรุษสูงศักดิ์ผู้นี้ไม่ได้ถึงความกลัวที่คุกคามในใจ ความกลัวที่มิอาจขจัดสิ้นให้หายเพียงไม่กี่วันหลังหวนชะตาคืนชีพในร่างเดิม ‘กลัวสวรรค์จะกำหนดให้นางมีชีวิตเหมือนชาติก่อน...หมั้นหมายกับเหนียนซูหยวนและต้องทุกข์ทนกับการถูกบิดามารดาสามีโขกสับ’

มู่หรงเฉินเยี่ยนจ้องมองแผ่นหลังเล็กๆ ของผู้มีคุณที่ค่อยๆ ค่อมลงโดยไม่ละสายตาสักชั่วขณะ ใบหน้าอ๋องหนุ่มฉายแววหนักใจตามย่างก้าวของนาง ยิ่งห่างออกไปหัวใจยิ่งวูบโหวง ‘ทำไมอยากปกป้องแล้วกระทำไม่ได้ถึงทรมานปานนี้’ ความเจ็บชนิดหนึ่งพุ่งเข้าสู่หัวใจจนอ๋องผิงหลิงต้องระบายด้วยการถอนหายใจยาวเหยียด

ห้องโถงเรือนสกุลเหนียน

นางเย่ซื่อนั่งจิบชาบนเก้าอี้ วางมาดเป็นฮูหยินสูงศักดิ์ในตระกูลขุนนาง เชิดหน้าใช้ปลายจมูกมองบานประตู แววตาเป็นประกายด้วยความเพ้อฝันอยู่ตลอดเวลา ท่าทางนี้ของนางทำให้สาวใช้วัยสิบสี่สิบห้าปีที่คุกเข่าบนพื้นเย็นเบื้องล่างกลอกตาหมั่นไส้ใส่เพดานหลายครั้ง

‘ฮูหยินนายอำเภอยังไม่มีอากัปกิริยาเย่อหยิ่งเยี่ยงนี้’ สาวใช้คิดถึงจุดนี้ ในใจก็โศกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก ทำไมหน้าที่สอดส่องเรือนว่าที่ท่านเขยต้องตกใส่หัวตนเองด้วย ทั้งที่จวนนายอำเภอจางมีสาวใช้แรงงานหนักร่วมยี่สิบกว่าคน ภายนอกเหมือนนางได้เลื่อนขั้นแต่ความจริงกลับแบกรับหน้าที่หนักหนาสาหัส

เฝ้าจับตาบัณฑิตเหนียนจวี่เหรินทุกฝีก้าว กระทั่งเรื่องหยุมหยิมยังต้องรายงาน และหน้าที่สำคัญอีกประการ ‘ทำตนเป็นไม้กันสุนัข’ ไม่ให้เด็กสาวกำพร้าแซ่หลี่เข้าใกล้ว่าที่ท่านเขย

สาวใช้คิดหนักอย่างไรจำต้องก้มหน้างุดไม่อาจเผยสีหน้าเหี่ยวเฉาของตนต่อเจ้านายใหม่ นางจึงไม่เห็นแววตาวาววามของเหนียนเฮยผี บิดาของว่าที่ท่านเขย เขาจ้องจับสาวใช้วัยเยาว์ผิวนวลเนียนกลืนลงท้อง ตั้งแต่สองวันก่อนที่แม่สื่อหวังพาตัวนางมามอบให้ หัวใจของเขาเต้นตูมตามราวกับกลับเป็นหนุ่มอายุยี่สิบต้นๆ อีกครั้ง นายท่านเรือนเหนียนแลบลิ้นเลียริมฝีปากทอดสายตามองสาวใช้ตัวน้อยอย่างเคลิบเคลิ้ม เฝ้าฝันถึงช่วงเวลาละเลงเพลงรักเร่าร้อนบนเตียง

เหนียนเฮยผีอายุสามสิบเก้าปี โครงหน้าแคบยาวเหมือนม้า รูปร่างท้วมเตี้ย ดวงตาโหลลึก ผิวกายสีน้ำผึ้งป่าทว่ากลับให้กำเนิดบุตรชายรูปร่างหน้าตาปานเทพเซียน ทุกคนในหมู่บ้านหลี่เชี่ยนเคยตั้งข้อสงสัย บิดามีรูปลักษณ์คล้ายโจรป่าหากไม่มีหมวกบัณฑิตสวมหัวคงคิดว่าคนผู้นี้คอยดักปล้น มารดาสกุลเย่ก็ไม่ได้เลอโฉมไฉนเหนียนซูหยวนถึงรูปงาม

ความลับนี้คงมีแต่เย่หลิงผู้เป็นมารดา เย่ฝานผู้เป็นน้าชาย และท่านตาท่านยายที่อาศัยอยู่หมู่บ้านเย่เลี่ยนเท่านั้นที่รู้และคงให้ตายไปกับพวกเขาทั้งหมด

‘เหนียนซูหยวนคลอดก่อนกำหนด’ จริงหรือ...

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ