ตอนที่ 25 เป็นผู้ใดกัน

ที่ว่าการอำเภอหนิงเซี่ย

สามผู้ถูกกล่าวหาถูกควบคุมตัวมายังโถงว่าการ บนโต๊ะเจ้าเมืองเทียนสุ่ยเติ้งผูฉุนนั่งแผ่นหลังเหยียดตรง จ้องมองทั้งสามโดยไม่ละสายตาสักชั่วขณะ ขนาดนายอำเภอจางนั่วมาทำความเคารพเขายังโบกมือให้อีกฝ่ายไปยืนสงบเสงี่ยมอยู่ด้านข้าง ห้ามยุ่งเกี่ยวคดีนี้เป็นอันขาด ส่วนที่นายอำเภอหนิงเซี่ยกระทำผิดวินัยจะลงโทษทีหลัง

ปัง! เติ้งผูฉุนกระแทกไม้ปลุกสติ กับโต๊ะทำงานดังกึกก้องจนสามผู้ถูกกล่าวหาสะดุ้งเฮือกตกใจ “เข้ามาตั้งนานแล้ว ทำไมพวกเจ้าถึงไร้มารยาท” ท่านเจ้าเมืองกดเสียงต่ำ ฟังแล้วน่าเกรงขามยิ่ง

เหนียนเฮยผีกับสองพี่น้องสกุลเย่โขกศีรษะคำนับท่านเจ้าเมืองเทียนสุ่ยพร้อมบอกชื่อเสียงเรียงนาม ทั้งสามคนตกใจกลัวจนตัวสั่นงันงก กวาดตามองซ้ายขวาพบหลี่ถิงถิงยืนกับคนแก่ชายหญิงคู่หนึ่งและบุรุษหนุ่มแน่นวัยกลางคนหนึ่งคนพลันเข้าใจสถานการณ์ทันที

“นางเด็กเนรคุณ” นางเย่ซื่อเค้นเสียงลอดไรฟันกล่าวออกมา สายตาเหี้ยมเกรียมจับจ้องหลี่ถิงถิงด้วยความแค้นที่อัดแน่นในอก

ปัง! เติ้งผูฉุนกระแทกไม้ปลุกสติอีกรอบทั้งตวาดลั่น “เจ้ากำลังข่มขู่ผู้ร้องทุกข์อยู่นะ รู้ตัวหรือไม่”

เหนียนเฮยผีกับเย่ฝานหันมองตามสายตานางเย่ซื่อพบกับครอบครัวหนึ่งซึ่งมีเด็กกำพร้าแซ่หลี่ยืนรวมอยู่ด้วย ดวงตาทั้งสองคนเบิกกว้างตกตะลึงอ้าปากค้าง “นะ นี่มิใช่ท่านลุงจ้าวกับท่านป้าหยางซื่อหรอกหรือ” เย่ฝานเป็นคนหมู่บ้านเย่เลี่ยนย่อมรู้จักดี “ละแล้วนี่! พวกท่านมาฟ้องร้องอะไรข้า” ใบหน้าจากหวาดกลัวเปลี่ยนเป็นโกรธเกรี้ยวกระแทกเสียงถาม

เติ้งผูฉุนหันมาสบตามือปราบเหยาเชิงแวบหนึ่ง อีกฝ่ายก้มศีรษะเป็นเชิงขอโทษขอโพยที่ละเลยหน้าที่ เมื่อครู่ตอนไปควบคุมตัวผู้ถูกกล่าวหาทั้งสามคนไม่ได้ประกาศข้อหาที่ระบุในหมายจับ เจ้าเมืองเทียนสุ่ยเข้าใจ ลูกน้องคนนี้เป็นคนแข็งนอกอ่อนในคงเห็นใจสามผู้ถูกกล่าวหา

“เงียบ! ใครใช้ให้เจ้าโวยวายในศาล หากยังไม่สำรวมอีกข้าจะลงโทษตามกฎหมาย” ใบหน้าท่านเจ้าเมืองเรียบนิ่งที่ไม่ปรากฏร่องรอยของความโกรธแต่น้ำเสียงนั้นกลับแข็งกระด้างเย็นชาเสมือนผู้มีอำนาจห้ามผู้ใดคัดค้าน

เย่ฝานหวาดกลัวเป็นทุนเดิมอยู่แล้วโดนเจ้าเมืองเทียนสุ่ยตำหนิด้วยท่าทางเคร่งขรึมยิ่งกลัวเข้าไปใหญ่ ไหล่ผึ่งผายค่อยๆ ลู่ลงมา มือใหญ่สะกิดมือพี่สาวเย่หลิงไม่หยุด กิริยาเช่นนี้เป็นความเคยชิน เย่ฝานถูกปลูกฝังตั้งแต่เล็กจนโต เขามีพี่สาวเป็นเกราะเหล็กป้องกันเภทภัย ฉะนั้นเวลาประสบปัญหาใดเย่ฝานจะวิ่งหาพี่สาวขอความช่วยเหลือโดยไม่คิดละอายว่าตนเป็นชายอกสามศอกแท้ๆ ต้องพึ่งพาสตรีบอบบางออกหน้า

เย่หลิงกำลังตึงเครียดจึงไม่ได้สนใจน้องชาย นางหันสบตาสามีบ่อยครั้งคล้ายอยากสื่อสารพูดคุยแต่ดูสถานการณ์ตอนนี้แล้วพวกตนไม่มีเวลาวางแผนตั้งรับ “อย่า!” เย่หลิงกับสามีมีความคิดเห็นเหมือนกัน ดื้อด้านหน้าหนาไม่ว่าข้อหาใดก็ไม่ยอมรับทั้งนั้น

ด้านนายอำเภอจางยืนสังเกตการณ์มาครู่ใหญ่แล้วพลันรู้สึกเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้นในหัวอก เขาพบความผิดปกติหลายอย่างในที่ทำงานของตนเอง คดีนี้เป็นคดีสำคัญหรือ? ไยเจ้าหน้าที่ทั้งหมดเป็นคนของท่านเจ้าเมืองเทียนสุ่ยส่วนลูกน้องของเขากลายเป็นผู้ช่วยยืนสำรวมอยู่ข้างๆ มิอาจแตะต้องกระทั่งพู่กันที่ตวัดเขียนบันทึกคดี จางนั่วส่งสายตาให้เสมียนศาลคนสนิทคล้ายถามไถ่ ‘เกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้’ อีกฝ่ายชำเลืองแลขวาแวบหนึ่ง

จางนั่วมองตามลูกน้องคนสนิทพบห้องรับรองที่อยู่ด้านหลังโต๊ะผู้พิพากษามีไอสีขาวลอยของน้ำชาร้อนลอยออกมา เท่านี้นายอำเภอจางพลันกระจ่างใจ ‘มีผู้มากบารมีสั่งการลงมาดูคดีนี้เป็นพิเศษนี่เอง’ เขากลืนน้ำลายลงคอหลายครั้ง เหลือบแลไปทางห้องรับรองหลายหน พยายามค้นความจำผู้ใดที่สามารถไหว้วานท่านเจ้าเมืองเทียนสุ่ยมานั่งพิพากษาคดีเล็กในอำเภอชายแดนห่างไกลเช่นนี้ ภาพในหัวสมองฉายออกมามีสามบุคคลที่มีความเป็นไปได้มากที่สุด โอวหยางฮ่องเต้ อดีตมู่หรงไทเฮา และ...เมื่อคิดถึงพระนามนี้จางนั่วขนลุกซู่! ลมหายใจติดขัดทันที

อ๋องผิงหลิงมู่หรง เทพสงครามแห่งแคว้นต้าเสี่ยน

ยิ่งคิดหัวใจนายอำเภอจางนั่วสั่นไหวไม่มั่นคง ลำคอแห้งผากกว่าเดิม เม็ดเหงื่อผุดพรายทั่วทุกรูขุมขน ความกลัวที่ฝังลึกในห้วงความรู้สึกกระเตื้องขึ้นมา เขายืนตัวสั่นเผลอยกมือลูบหมวกขุนนางประจำตำแหน่งนายอำเภอหลายครั้ง เกรงเหลือเกินว่าหมวกใบนี้จะปลิดปลิวหลุดจากหัว

กลับมาในบรรยากาศในศาล ท่านเจ้าเมืองให้มือปราบเหยาเชิงอ่านคำร้องทุกข์ มีทั้งหมดสามข้อหาใหญ่คดียักยอกทรัพย์ สิบแปดข้อหาย่อยลักลอบโอนถ่ายทรัพย์สินผู้อื่นมาเป็นของตนเอง สามผู้ถูกกล่าวหาปฏิเสธทั้งหมด

“ไร้ยางอาย” ท่านยายหยางซิ่วชี้หน้าด่าทอนางเย่ซื่อ “เจ้ามีหลักฐานมาแก้ต่างหรือไม่เล่า” ถ่มน้ำลายใส่หน้าคนใจทราม ยักยอกคดโกงกระทั่งเด็กน้อยอายุหกขวบ

ปัง! เจ้าเมืองเทียนสุ่ยเติ้งผูฉุนกระแทกไม้ปลุกสติใส่ท่านยายหยางซิ่ว “ประพฤติตัวไม่เหมาะสมในศาล เห็นแก่ที่นางอายุมากแล้ว...ไล่นางออกไป” แม้จะเป็นเจ้าทุกข์แต่ในเมื่อไม่เคารพศาล ท่านเจ้าเมืองก็ไม่คิดจะออมชอม

“ท่านยายออกไปก่อนเถอะเจ้าค่ะ” หลี่ถิงถิงกุมขมับ ถอนหายใจพูดหว่านล้อมท่านยายหยางซิ่วให้ออกไปรอข้างนอกศาล หากท่านยายยังอยู่แล้วบุ่มบ่ามใจร้อนอย่างนี้จะกลายเป็นสร้างช่องโหว่ให้ศัตรูเห็น คดีนี้หมิ่นเหม่กึ่งยกให้โดยเสน่หา ไหนจะค่าเลี้ยงดูตลอดหกปีที่อยู่ในเขตเรือนสกุลเหนียนอีก นายท่านเคยเตือนไว้ถ้าเหนียนเฮยผีมีไหวพริบสามารถพลิกแพลงคดีได้ในทันที ทรัพย์สมบัติที่พึงได้สิบส่วนจะถูกหักให้สกุลเหนียนหลายส่วน

ท่านยายหยางซิ่วนิ่วหน้าแต่ยอมล่าถอยเพื่อหลานสาว นางรู้ตัวเองดีกว่าใคร นิสัยใจร้อนแก้ไม่หาย เวลาติดต่อราชการงานเมืองล้วนเป็นสามีที่ออกหน้า

“ข้าน้อยขออภัยแทนท่านยายด้วยเจ้าค่ะ” หลี่ถิงถิงก้าวออกมาด้านหน้าย่อกายแสดงความเคารพเจ้าเมืองเทียนสุ่ย

“เจ้าไม่จำเป็นต้องขอโทษแทนยายของเจ้า” เติ้งผูฉุนมองหลี่ถิงถิงด้วยสายตาอ่อนลงกว่ามองสามผู้ถูกกล่าวหา “กฎหมายเก่าที่ระบุความผิดบุพการี ลูกหลานล้วนต้องรับผิดตาม ถูกยกเลิกไปนานแล้ว” ท่านเจ้าเมืองสอนสั่งท่าทางขึงขังทว่าน้ำเสียงราบเรียบไม่ดุดันเหมือนเคย ฟังอย่างไรก็คล้ายบิดาสอนบุตรมากกว่า

“หลี่ถิงถิง! เจ้ายืนตรงนี้ก็ดีแล้ว” ปรายสายตามองสามผู้ถูกกล่าวหา “ข้าขอถามเจ้าอีกครั้ง...สกุลเหนียนยักยอกทรัพย์สมบัติของเจ้าใช่หรือไม่”

“เรียนท่านเจ้าเมือง” หลี่ถิงถิงประสานมือเล่าด้วยท่าทางมาดมั่น “ตั้งแต่จำความได้ ข้าน้อยไม่เคยได้รับเบี้ยจากสกุลเหนียนเลยสักอีแปะเดียว กุญแจหีบสมบัติที่ตอนนั้นทางการคืนให้หลังจบคดีท่านพ่อท่านแม่ก็อยู่ที่นางเย่ซื่อเจ้าค่ะ”

นายอำเภอจางฟังมาถึงจุดนี้พลันสะดุ้งโหยง เขาคิดถึงรายการสินสอดของสกุลเหนียนขึ้นมา ตัดสินใจโบกมือเรียกพ่อบ้าน “กลับจวนไปเผาทำลายระเบียนสินสอดท่านเขยเดี๋ยวนี้” บัณฑิตเหนียนชิ่วไฉ นางเย่ซื่อหรือน้าชายจะโดนข้อหาอะไรก็ช่าง แต่ลูกเขยนายอำเภอจางต้องไม่พัวพันคดีฉาวโฉ่เช่นนี้ ทว่าสีหน้าพ่อบ้านซีดขาวเหมือนขี้เถ้ายามฟังคำสั่งจบ

“เกิดอะไรขึ้น?” จางนั่วจับพิรุธได้ทันที

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ