ตอนที่ 16 ข้ออ้างอยากอยู่ต่อ

ด้านมู่หรงเฉินเยี่ยนกำลังนั่งเขียนจดหมายยาวเฟื้อยสองหน้ากระดาษก่อนจะพับนำใส่ซอง บรรจงเขียนจ่าหน้า ‘เจ้าเมืองเทียนสุ่ย’ ด้วยลายเส้นหนักแน่นดุจหินผา กระทั่งปรานพลังรับสัมผัสผู้มาเยียน โชคดีที่พละกำลังอ๋องหนุ่มคืนกลับมาแล้วเจ็ดส่วน เขากลั้นใจเตรียมออกท่าร่างทว่าพอเห็นใบหน้าอีกฝ่ายพลันถอนหายใจโล่งอก “ชุนฉิน!” โพล่งอุทานอย่างไม่อยากเชื่อ

“กระหม่อมคารวะท่านอ๋อง ขอท่านอ๋องลงโทษด้วยพ่ะย่ะค่ะ” ชุนฉินหรือหัวหน้าหน่วยกิเลนดำทรุดตัวลงคุกเข่าพลางค้อมคำนับ บนใบหน้าอดไม่ได้ที่จะปรากฏรอยยิ้มยินดี ‘เขาเจอเจ้านายแล้ว’ ความกังวลที่มีมลายสิ้น

“ลุกขึ้น” มู่หรงเฉินเยี่ยนปากพูดกับผู้ใต้บัญชาคนสนิทส่วนสายตาเพ่งมองผ่านร่างสูงใหญ่ไปด้านนอก

“แม่นางน้อยกำลังตามมาพ่ะย่ะค่ะ” ชุนฉินเห็นท่าทางเจ้านายสงบแต่สีหน้ากระวนกระวายพลันเข้าใจทันที

“อืม” อ๋องผิงหลิงพยักหน้ารับ จากนั้นสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนเอ่ยเสียงเข้มขรึม “นางไม่รู้สถานะของข้า” ประโยคเดียวหัวหน้าหน่วยกิเลนดำกระจ่างใจผงกศีรษะรัวๆ

จังหวะนั้นหลี่ถิงถิงโผล่พรวดพราดเข้ามาพอดี นางยิ้มกว้างเห็นฟันขาวอย่างซุกซน “ได้เจอกันสักทีนะเจ้าคะ” เกือบสิบวันที่นางพกพาพู่หยก ไม่มีใครเดินมาทักทายแม้แต่คนเดียวจนรู้สึกเวทนาผู้บาดเจ็บ หรือทางจวนขุนนางของเขาไม่ออกตามหา นึกคิดในใจคนเดียวถ้าหากนายท่านไม่มีใครตามหาพบ นางจะไปขอพี่ควานสุนช่วยคุ้มกันไปส่งถึงจวน

“อืม นี่ชุนฉิน” มู่หรงเฉินเยี่ยนกุลีกุจอรีบเข้าไปช่วยหลี่ถิงถิงยกตะกร้าลงจากแผ่นหลัง พอเห็นข้าวของในตะกร้าพลันมุ่นคิ้วตวัดตามองชุนฉินเชิงถาม ‘ทำไมปล่อยให้นางแบกของหนักคนเดียว’

ชุนฉินรอยยิ้มบนใบหน้าชะงักค้างโดนสายตาตำหนิจากเจ้านายฟาดใส่จนต้องก้มหน้ามองปลายเท้า เขาเผลอลืมจริงๆ มัวแต่ดีใจจะได้เจอท่านอ๋องแล้ว สายลับหนุ่มเกาศีรษะแกรกๆ ด้วยความละอายใจ “แม่นางน้อย ขะ...ข้าช่วย” ยิ้มแห้งรีบทำคุณไถ่โทษทันที

“เรียกข้าน้อยว่า...” หลี่ถิงถิงกำลังจะบอกให้ชุนฉินเรียกอาถิงเหมือนทุกคนที่สนิทชิดเชื้อกันทว่าเสียงนายท่านดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน

“คุณหนูหลี่” น้ำเสียงมู่หรงเฉินเยี่ยนหนักแน่นยืนกรานห้ามโต้แย้ง

“พ่ะ...อา ขอรับ” ชุนฉินถูกเจ้านายถลึงตาดุดันใส่พลิกลิ้นเปลี่ยนคำแทบไม่ทัน “คุณหนูหลี่ เหนื่อยท่านแล้วขอรับ” อุ้มตะกร้าด้วยมือเดียวจากนั้นเดินนำไปเก็บอีกมุมหนึ่ง สายเงาข่าวลับหนุ่มมองสำรวจเรือนซอมซ่อหลังนี้แล้วหัวใจปั่นป่วนว้าวุ่นขึ้นมาอีกครั้ง ‘ท่านอ๋องพักรักษาบาดแผลที่นี่หรือ!’ เขาตกใจระคนหดหู่ แม้นจะสะอาดสะอ้านทว่าสภาพทรุดโทรมคล้ายหากโดนพายุพัดเรือนหลังนี้ต้องปลิดปลิวไปตามแรงลมแน่แท้ ยิ่งแหงนหน้ามองหลังคาเห็นรูรั่วพลันรู้สึกสลดใจ

“วางไว้ตรงนั้นเถอะเจ้าค่ะ นายท่านชุนฉิน” หลี่ถิงถิงยิ้มประดักประเดิด พอมีคนนอกเข้ามาในเรือนพลันรู้สึกขัดเขินอยู่บ้าง อย่างไรเรือนหลังนี้ก็มีสตรีคนเดียวอาศัยไม่เคยต้อนรับใคร ป้าลิ่วที่ว่าสนิทสนมก็ข้ามถนนมาเยี่ยมเยือนไม่ได้ นางเย่ซื่อไม่ยินยอม

“มิบังอาจพ่ะ...” ชุนฉินลืมตัวอีกครั้ง “มิกล้าขอรับ เรียกนามผู้น้อยปกติเถิด” เห็นสายตาเย็นเฉียบราวธารน้ำแข็งของเจ้านายมองมาร่างกายสายเงาข่าวลับหนุ่มเกร็งไปหมด “ข้าน้อยแซ่สกุลชุน นามฉินพยางค์เดียว เป็น...” ส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปยังอ๋องผิงหลิง

“ทำหน้าที่คุ้มกัน” มู่หรงเฉินเยี่ยนเอ่ยเสียงเรื่อยเฉื่อย ท่าทางสงบนิ่งไม่มีพิรุธใด เขาเลือกบอกเล่าหน้าที่มากกว่าบอกขั้นตำแหน่ง ไม่อยากให้หลี่ถิงถิงตกตะลึงพรึงเพริดและตีตนออกหากแน่แท้

“อ้อ เจ้าค่ะ พี่ชุนฉิน” หลี่ถิงถิงยิ้มกว้างจนดวงตาหยีโค้งเป็นจันทร์เสี้ยว ทว่าชุนฉินกลับรู้สึกเสียวสันหลังวาบ

‘แม่นางน้อย เจ้าไม่เรียกข้าเป็นพี่จะดีเสียกว่า’ โอดครวญในใจพลางหันหน้าไปยิ้มแห้งยกมือเกาหัวแกรกๆ เก้อเขินและละอายใจ เป็นเจ้านายลูกน้องผูกพันกันมาสิบปีมีหรือชุนฉินจะมองท่านอ๋องผิงหลิงไม่ออก เด็กน้อยนางนี้มีความสำคัญกับพระองค์ถึงขั้นยกขึ้นบนหิ้ง ฉะนั้นเขาต้องให้เกียรติไม่ต่างจากท่านอ๋อง

ชุนฉินคิดใคร่ครวญการณ์ใดหลี่ถิงถิงไม่สนใจ นางเหลือบตามองสีท้องฟ้าด้านนอกหน้าต่างพลันถอนหายใจ ก่อนเอ่ยกับนายท่าน “ยามโหย่ว (17.00 – 18.59 น.) แล้ว นายท่านคงยังไม่ได้กินข้าวดื่มยาสินะเจ้าค่ะ” กล่าวจบก็เดินไปมุมครัวเล็กๆ ที่ชุนฉินเอาตะกร้าไปวาง ค้นของในตะกร้าอึดใจเดียวก็หยิบห่อกระดาษมาหนึ่งห่อ

“ขนมปี้หลัว เจ้าค่ะ” ยื่นส่งให้มู่หรงเฉินเยี่ยน “นายท่านกินรองท้องระหว่างเดินทางนะเจ้าค่ะ” หลี่ถิงถิงผินหน้าไปคุยกับชุนฉิน “ยาต้มนี้เป็นยารักษาอาการช้ำใน แผลภายนอกนายท่านหายดีแล้วแต่อาจารย์บอกว่าแผลภายในยังไม่ประสาน ฝากดูแลต่อด้วยเจ้าค่ะ” เด็กสาวกำพร้าคาดเดาว่านายท่านจะกลับไปเย็นนี้เลยเหมือนชาติที่แล้ว

อดีตชาติมีขบวนทหารม้าถือธงสัญลักษณ์พยัคฆ์ขาวมารับตัวนายท่านกลับไปอย่างเอิกเกริก ทว่าชาตินี้หลี่ถิงถิงไม่สามารถบอกกล่าวผู้ใดว่าได้ช่วยเหลือบุรุษสูงศักดิ์ นางขอเก็บความดีความชอบไว้คนเดียว

มู่หรงเฉินเยี่ยนชะงักงันอึ้งไปชั่วขณะ จู่ๆ หลี่ถิงถิงก็อัญเชิญพระองค์เสด็จกลับ ในหัวมีแต่เสียงอื้ออึง ปากโพล่งออกไปโดยไม่รู้ตัว “ข้ายังไปไหนไม่ได้”

ชุนฉินที่มีความคิดตรงกับแม่นางน้อยหันขวับมองเจ้านายอย่างตกตะลึงมึนงง ‘ท่านอ๋องต้องกลับผิงหลิงก่อนที่โอวหยางจวิ้นอ๋องจะตามหาพระองค์เจอพ่ะย่ะค่ะ’ ในใจร่ำร้องประโยคนี้ซ้ำๆ

“...” หลี่ถิงถิงกะพริบตาปริบๆ สับสนในวาจาของนายท่านไม่น้อย เรื่องไหว้วานให้ช่วย นายท่านวางแผนแล้วซ้ำออกเบี้ยจ้างสำนักคุ้มภัยนำจดหมายของนางส่งไปเรือนท่านตาท่านยายที่หมู่บ้านเย่เลี่ยน ป่านนี้คงถึงแล้วกระมัง เด็กสาวเพียงรอนับวันเวลาได้โยกย้ายกลับเรือนเดิมของตัวเองเท่านั้น

มู่หรงเฉินเยี่ยนตั้งสติได้ก็ปรับอารมณ์ให้สงบแล้วใคร่ครวญหาข้ออ้างเพื่ออยู่ต่ออีกสักพักหรืออาจอยู่จนกว่าพระองค์จะเห็นว่าหลี่ถิงถิงสุขสบาย ไม่รู้เหมือนกันไฉนใจพะว้าพะวงไม่อยากอำลา

“คือข้ายังเดินไม่ค่อยไหว”

“มีจุดพักม้าอยู่ห่างจากหมู่บ้านหลี่เชี่ยนสิบลี้ นายท่านสามารถให้…” เหลือบตามองชุนฉิน “ไปซื้อม้าจากที่นั้นแล้วมารับได้เจ้าค่ะ” หลี่ถิงถิงแนะนำเป็นคุ้งเป็นแคว

ด้านชุนฉินเห็นแววตาเจ้านายแสดงความเสียใจท่วมท้นพลันรีบร้อนคิดหาวิธี “คุณหนูหลี่” ตาเบิกกว้างเผยความตื่นเต้น หัวหน้าหน่วยกิเลนดำโกหกไม่เป็น พอต้องโป้ปดร่างกายยิ่งตื่นตัว “คะ…คือว่า ขะ…ข้า” จากคนปกติกลายเป็นคนติดอ่างไปเสียแล้ว

หลี่ถิงถิงยืนมองสองนายบ่าวอย่างตกตะลึง นิ่งอึ้งอยู่กับที่ไปชั่วขณะ ผู้เป็นนายอึกอักอ้ำอึ้ง ผู้เป็นบ่าวตื่นเต้นลนลาน คงคิดว่านางเป็นเด็กสาวสิบสองเห็นท่าทางแล้วไม่เข้าใจสินะ “อ้อ! ท่านติดธุระใช่หรือไม่” เอ่ยกับชุนฉินแล้วหันมายิ้มกับนายท่าน

“ส่วนท่านบาดแผลภายในยังไม่หายดี เกรงการเดินทางไกลจะกระทบกระเทือน” มู่หรงเฉินเยี่ยนพยักหน้าหงึกหงักเหมือนกิ้งก่า “เช่นนั้นนายท่านจะรังเกียจหรือไม่ หากต้องพักเรือนซอมซ่อแห่งนี้ต่ออีกสักระยะ” ยิ้มจนนัยน์ตาพราวระยับกึ่งล้อเลียนที่สองหนุ่มไม่กล้าร้องขอต่อตนเอง

‘นายท่านคงเป็นห่วงเรื่องทวงทรัพย์สินสกุลหลี่คืนจากสกุลเหนียนสินะ’ หลี่ถิงถิงซาบซึ้งใจ

สีหน้ามู่หรงเฉินเยี่ยนปรากฎแววลิงโลดยินดี มีความสุขจนหัวเราะเบาๆ อย่างอดไม่ได้ นัยน์ตาสุกใสดังหยกดำทอประกายระยิบระยับ ความปรารถนาจะเห็นผู้มีคุณอยู่สุขสบายสำเร็จแล้ว

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ