ตอนที่ 19 ความจริงใจของเหนียนซูหยวน

ตกค่ำหลี่ถิงถิงมาคุกเข่าขอขมาท่านตาท่านยายที่นำความเดือดร้อนมาให้ ท่านยายร้องไห้กอดหลานสาวแน่นขนัด ท่านตาซึมเซามองหลานสาวด้วยสายตาหลากหลายความรู้สึก หนึ่งในนั้นคงเป็นสงสารจับจิต หลี่ถิงถิงอยู่รับสำรับเย็นกับท่านตาท่านยายแล้วค่อยกลับเรือน

เด็กสาวกำพร้าคาดไม่ถึงว่าพอถึงเรือนจะพบเหนียนซูหยวนยืนมือไพล่หลังรออยู่หน้าประตู หัวใจนางหยุดเต้น ลมหายใจติดขัด ‘นายท่านอยู่ด้านใน’ ประโยคนี้กระตุ้นเตือนซ้ำๆ ในหัวสมอง นางตั้งสติย่อกายทักทายแขกไม่ได้รับเชิญ

“พี่หยวน”

เหนียนซูหยวนมีความผูกพันกับหลี่ถิงถิงไม่น้อย เขาเติบโตมาพร้อมคำสั่งสอนจากบิดามารดาที่ว่าเด็กสาวกำพร้าคนนี้จะกลายเป็นภรรยาของตนในภายภาคหน้า ทว่าบัดนี้ไม่เป็นดั่งกล่าว ในใจรู้สึกวูบโหวงทั้งสับสนมากมาย ลึกๆ เขามีความรู้สึกดีๆ ต่อดรุณีน้อยตรงหน้า นางเชื่อฟังไม่ดื้อรั้นหรือเจ้ากี้เจ้าการนิสัยตรงกันข้ามกับคุณหนูใหญ่จางเหรินราวฟ้ากับเหว

จะมีบุรุษสักกี่คนที่อยากเดินตามหลังสตรีผู้เป็นภรรยา ยิ่งเป็นบัณฑิตด้วยแล้วยิ่งไม่อยากให้สตรีมาจูงจมูกชักนำ

แต่บิดามารดาไปนำเบี้ยอัฐของคุณหนูใหญ่จางเหรินมาจับจ่ายมือเติบ ครั้นเหนียนซูหยวนจะปฏิเสธก็ไม่อาจทำได้แล้ว หนี้สินพอกพูนร้อยตำลึงเงิน เขาจะไปหาที่ไหนมาคืนจวนนายอำเภอจาง อีกประการสำคัญขัดความประสงค์ท่านนายอำเภอมีหวังอนาคตขุนนางของเขามืดมนแน่แท้ จำใจต้องแต่งเป็นสิ่งที่บัณฑิตจวี่เหรินของเมืองเทียนสุ่ยประสบอยู่

“อืม” เหนียนซูหยวนพยักหน้าเล็กน้อยเป็นการทักทายตอบ

“ไปบ้านป้าลิ่วมารึ” ถามทั้งที่รู้คำตอบในใจ เห็นอีกฝ่ายผงกศีรษะซ้ำไม่เอ่ยวาจายิ่งทำให้บัณฑิตเหนียนจวี่เหรินอึดอัดใจมากกว่าเดิม แววตาเซื่องซึม ท่าทางเลื่อนลอยสับสนไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี หากเป็นวันวานนางคงยิ้มร่าเริงซักไซ้ถามกลับหลายประโยคทว่าตอนนี้กระทั่งยิ้มนางยังไม่มีให้เขา

กล้ามเนื้อทั้งร่างหลี่ถิงถิงเกร็งเครียด กำมือทั้งสองข้างแน่น เพ่งมองแขกไม่ได้รับเชิญสลับบานประตู หัวสมองก็ขบคิดจะไล่ว่าที่เจ้าบ่าวกลับเรือนหลักเร็วๆ อย่างไรดี “พี่หยวนมีอะไรกับข้าหรือไม่เจ้าค่ะ” เอ่ยคำถามเร่งเร้า

“อ่อ” เหนียนซูหยวนกล่าวรับคำด้วยความกระอักกระอ่วนใจ พลันนึกทบทวนได้ว่าไฉนตนถึงมาเยียนเรือนซอมซ่อของหลี่ถิงถิง “พี่อยากมาคุยกับอาถิงสักหน่อย” ทำท่าจะเปิดประตูเข้าด้านในเหมือนเป็นความเคยชิน

หลี่ถิงถิงปฏิกิริยาว่องไวมายืนขวางหน้าประตูไว้กล่าวด้วยเสียงเรียบเฉย “พี่หยวน! มีอะไรพูดจากันตรงนี้เถอะเจ้าค่ะ” ดวงตาดำขลับแฝงการต่อต้านทำให้ผู้ฟังชะงักค้าง

เหนียนซูหยวนถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้ม เขาลืมเลือนสถานะได้อย่างไรกัน ตอนนี้สามหนังสือดำเนินไปแล้วเหลือพิธีการ บัณฑิตเหนียนจวี่เหรินนับเป็นสามีของคุณหนูใหญ่จางเหรินแล้ว บรรยากาศระหว่างคนสองคนกลายเป็นค่อนข้างตึงเครียดทันใด เงียบอยู่ครู่ใหญ่เหนียนซูหยวนเป็นฝ่ายเอ่ยปากทำลายความเงียบก่อน

“เจ้าไม่ต้องกลัวนะ...พี่แต่งเข้าจวนนายอำเภอ เช่นนั้นเจ้ามิต้องโยกย้ายไปไหน” จุดประสงค์การมาเยียนของบุรุษแซ่เหนียนเอื้อนเอ่ยออกไปแล้ว น้ำเสียงเต็มเปี่ยมไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใย แววตากระจ่างใสปราศจากความเสแสร้งใดๆ

เป็นครั้งแรกที่หลี่ถิงถิงเห็นความจริงใจจากเหนียนซูหยวนแต่มิอาจสั่นคลอนหัวใจที่เด็ดเดี่ยวของนางได้อีกแล้ว “อืม” รับคำส่งๆ “ข้าเหนื่อยแล้วอยากพักผ่อน” ท่าทางแน่วแน่ น้ำเสียงยืนกรานห้ามโต้แย้ง

เหนียนซูหยวนอดสบตากับหลี่ถิงถิงด้วยความแปลกใจไม่ได้ ‘นางไม่ซาบซึ้งใจเหมือนเมื่อก่อนเลยหรือ’ ความสงสัยก่อเกิดขึ้นในห้วงความรู้สึก ตั้งแต่เมื่อใดที่หลี่ถิงถิงเอาใจออกห่างตัวเขา ไม่สิ! หมางเมินต่อสกุลเหนียน ในใจมีลางสังหรณ์ไม่ดีเกิดขึ้น “พี่ไม่รบกวนเจ้าแล้ว” ก่อนอำลาเหนียนซูหยวนพินิจพิจารณานางอยู่แล้วถอนหายใจกลับ

หลี่ถิงถิงยังยืนนิ่งไม่ยอมขยับเขยื้อนไปไหน นางมองแผ่นหลังเหนียนซูหยวนไปจนลับตาถึงพรูระบายลมหายใจออกอย่างโล่งอก นางกวาดตามองซ้ายขวาเห็นเสี่ยวถานวิ่งตามหลังเหนียนซูหยวนไปอีกคนพลันรู้สึกคลายใจลงได้ จากนั้นถึงเปิดประตูพรวดพราดเข้าไปจุดตะเกียง

“นายท่าน! อยู่หรือไม่เจ้าค่ะ” สายลมปะทะใบหน้าอ่อนเยาว์วูบหนึ่ง นางหลับตาลงพอลืมตาอีกครั้งนายท่านปรากฏกายอยู่ตรงหน้า ที่แท้เขาไปซ่อนตัวอยู่บนหลังคานี่เอง

“ข้าเห็นและได้ยินหมดแล้ว บัณฑิตเหนียนผู้นี้นับว่าเป็นคนมากเล่ห์” มู่หรงเฉินเยี่ยนพบเจอผู้คนหลากหลายนิสัยจึงมองปราดเดียวก็ดูออกว่าเหนียนซูหยวนเป็นคนสมองไวไม่ขาดเรื่องเล่ห์กลอุบาย ชักจูงเก่งโดยเฉพาะกับสตรี หากเมื่อครู่เป็นสตรีนางอื่นคงเคลิบเคลิ้มนึกคิดเขายังมีเยื่อใยต่อตนเอง ท่านอ๋องถอนหายใจดูแคลน ‘และบุรุษเช่นนี้มักครองใจสตรี’

“นายท่าน! เขาจะรู้หรือไม่ว่าข้ามีแผนทวงคืนทรัพย์สิน” หลี่ถิงถิงนึกถึงสายตาเคลือบแคลงของเหนียนซูหยวนพลันรู้สึกเสียวสันหลัง

“ถึงรู้แล้วอย่างไร” มู่หรงเฉินเยี่ยนเอ่ยด้วยความมั่นใจ เขาเดินไปรินน้ำชาลงถ้วยแล้วยกกระดกดื่มพรวดเดียวหมด

“สกุลเหนียนแก้ไขไม่ทันแล้ว” แววตาพลันคมกล้าขึ้นมา อ๋องผิงหลิงวางแผนทั้งทีมีทั้งรุกไล่และแผนสำรอง ครั้งนี้พระองค์ไร้เมตตาไม่เหลือทางรอดแก่สกุลเหนียนสักเส้นทาง ความอัปยศอดสูที่แม่นางน้อยหลี่ถิงถิงได้รับจะต้องคืนกลับสู่สกุลเหนียนร้อยเท่า

“ขอบคุณนายท่านเจ้าค่ะ” จู่ๆ หลี่ถิงถิงก็เกิดความรู้สึกตื้นตันใจจนน้ำตาคลอเบ้า ใจจริงอยากคุกเข่าคำนับแต่เพราะรู้ว่านายท่านไม่ชอบเลยยืนกล่าววาจาต่อหน้าเขาอย่างฉะฉาน

“ชาตินี้ข้าไม่รู้จะตอบแทนบุญคุณนี้อย่างไร” หลี่ถิงถิงรู้สึกว่าดวงตาและจมูกของตนแสบร้อนไปหมด ภายในใจเสมือนอัดอั้นอารมณ์ความรู้สึกมากมายที่มีต่อนายท่าน

“ต่อไปใช้ชีวิตให้ดีก็พอ” มู่หรงเฉินเยี่ยนเอ่ยสั้น ๆ ยิ้มน้อยๆ ให้นางดูแล้วทั้งสูงส่งทั้งไม่เสแสร้ง “พักผ่อนเถอะ คืนนี้เจ้านอนบนเตียง ข้าจะนอนเตียงเล็กนี้เอง” ตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนที่อยู่ร่วมกัน ท่านอ๋องนอนเตียงส่วนเด็กสาวนอนเตียงเล็ก

“จะได้อย่างไรเจ้าค่ะ นายท่านตัวสูงใหญ่” หลี่ถิงถิงโต้แย้งได้ประโยคเดียวพอเห็นสายตาเผด็จการของนายท่านที่มองมาพานพาหัวใจเย็นเชียบ “เจ้าค่ะ” นางทำได้เพียงรับคำ

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ