โรงหมอ
วันรุ่งขึ้นหลี่ถิงถิงตื่นมาพร้อมความรู้สึกในใจร้อยแปดพันประการ แผนการ ‘สกัดกั้นหนังสือหมั้นหมาย’ จะดำเนินในเช้านี้โดยมีป้าลิ่ว พี่ควานสุนและบรรดาลูกน้องอันธพาลของเขาร่วมด้วยช่วยกัน
ปล่อยข่าวครอบครัวเหนียนแกมบังคับเด็กสาวกำพร้าสกุลหลี่หมั้นหมายกับบัณฑิตจวี่เหรินเหนียนซูหยวน
ป้าลิ่วถนัดใช้ปากสร้างเรื่องอยู่แล้วแต่ที่หลี่ถิงถิงไม่สิ้นความวิตกนั้นเพราะบรรดาอันธพาลทั้งหลายจะทำได้หรือไม่ นางจงใจให้ลูกน้องควานสุนไปป่าวประกาศหน้าจวนนายอำเภอจาง จวนคหบดี จวนบัณฑิตจ้งชิ่วไฉ สามสตรีที่หมายปองเหนียนซูหยวนได้ยินข่าวนี้ย่อมไม่นิ่งดูดาย พวกนางต้องอยากทำลายวาสนา รีบหากรรไกรมาตัดด้ายแดงการแต่งงานครั้งนี้เป็นแน่ นับว่าอาถิงวางแผนไว้ดีมาก ยืมดาบฆ่าคน โดยที่ตนไม่ต้องคุกเข่าอ้อนวอนหรือใช้วิธีหนีออกจากเรือนสกุลเหนียน
วันนี้หลี่ถิงถิงยังมีอีกเรื่องที่ต้องกระทำ ภาพความทรงจำชาติที่แล้วย้ำเตือน ชายเคราะห์ร้ายสวมผ้าไหมสีม่วงกำลังซ่อนกายในเรือนซอมซ่อของตน เขาได้รับบาดเจ็บค่อนข้างสาหัส ทว่าจะพาหมอเฒ่าไปด้วยเกรงไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ประเดี๋ยวเจ้าหมอเคราขาวจะคิดไปไกลว่านางไม่ยอมหมั้นหมายกับเหนียนซูหยวนเพราะลักลอบคบหาบุรุษอื่นอยู่ นางอายุเพิ่งสิบสามปีริมีรัก ดูแล้วภาพลักษณ์เด็กกำพร้าน่าสงสารคงพังทลายป่นปี้หากมีข่าวเช่นนี้กระจายออกไป
แต่จะทำเช่นไร ยาสมานแผลเอามาจากไหน ชาติที่แล้วนางไปขอป้าลิ่วโดยใช้เบี้ยอัฐของบุรุษเคราะห์ร้าย ชาตินี้นางไม่มีเงินมากมายขนาดนั้น
ยิ่งคิดคิ้วขมวดแน่นเผยความเครียดเกร็ง แววตาแห่งความกังวลปรากฏชัดในดวงตางดงาม หัวใจพลันเต้นระรัว จิตใจเริ่มไม่สงบ ลางสังหรณ์บางอย่างบอกให้นางห้ามละเลยการณ์นี้เป็นอันขาด
‘ต้องช่วยเหลือบุรุษผู้นี้’
เขาเปรียบดั่งเทียนแห่งความหวัง เงินพันตำลึงค่าตอบแทนนั้นจะทำให้ชีวิตเด็กสาวกำพร้าสกุลหลี่ดีขึ้นกว่าเดิมอักโข มือเล็กล้วงถุงเงินออกมานับเหรียญอีแปะ เวลาต่อมาไหล่ลู่ลงรู้สึกหดหู่ทดท้อ “สามสิบอีแปะจะไปพออะไร” ลอบบ่นด้วยความกลัดกลุ้ม
ทว่าช่างประจวบเหมาะหมอเฒ่าเคราขาวเดินถือถาดยาเข้ามาเห็นท่าทางชอกช้ำเสมือนผิดหวังอย่างที่สุดของผู้ป่วยตัวน้อยพอดิบพอดีร่างพลันชะงักค้าง คิ้วกระบี่ขมวดบางๆ เห็นท่าทีสลดหดหู่ของนาง หัวใจหมอเฒ่าก็เย็นเฉียบไปเป็นครึ่ง ‘นางอายุแค่สิบสามปี แต่ต้องมาเจอคนใจดำอำมหิตอย่างพวกเรือนเหนียน น่าสงสารเสียจริง’ ความเวทนาแผ่ซ่านในห้วงความรู้สึก เขาก้าวเข้าห้องพักผู้ป่วยช้าๆ แล้วเอ่ยถามเสียงอ่อนโยน
“ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวจะป่วยหนักจริงๆ” หมอเฒ่ายื่นถาดยาให้เด็กสาวกำพร้าสกุลหลี่ “ข้าไปตลาดเช้ามาเมื่อครู่ ป้าลิ่วกับควานสุนทำงานได้ดี...เยี่ยม” ดวงตาสีเทาของหมอเฒ่าทอประกายระยิบระยับปรีดา “ไม่ช้าจวนนายอำเภอจาง จวนบัณฑิตจ้งชิ่วไฉ จวนคหบดีคงส่งแม่สื่อไปเรือนเหนียนหัวบันไดไม่แห้งแน่นอน” น้ำเสียงเจือไปด้วยความกระตือรือร้นอยู่หลายส่วน
“เจ้าก็ได้หลุดพ้นบ่วงกรรมเสียที”
หลี่ถิงถิงรับถ้วยยามาดื่มโดยไม่ปริปากบ่นถึงรสชาติที่ขมปร่าของมัน ยานี้หมอเฒ่าเคราขาวบอกเป็นยาบำรุงร่างกายให้แข็งแรง ครั้นทบทวนคำพูดหมอเฒ่าอีกทีหัวใจพลันไหวสะท้าน
“ระ...หรือว่าท่านหมอกะ...ก็” ดวงตาเบิกค้างที่แท้หมอเฒ่าเคราขาวก็ช่วยกระพือข่าวให้แก่ตนเองด้วยประโยค ‘ข้าไปตลาด’ ปกติแล้วหมอเฒ่ามีลูกศิษย์เขาไม่เคยต้องเดินไปทางตลาดหรือร้านค้าใด ประสงค์ต้องตาสิ่งไหนล้วนมีลูกศิษย์สรรหาให้ แต่ครั้งนี้หมอเฒ่าถึงกลับเดินทางด้วยตนเอง ไม่ไปปล่อยข่าวแล้วจะไปทำไม
“เล็กน้อย แค่ป้าลิ่วคนเดียว พ่อค้าแม่ขายในตลาดยากจะเชื่อน้ำคำ ข้าไปยืนยันให้เท่านั้น” แก่จนจะลงโลงอยู่แล้วหมอเฒ่าพึ่งรู้สึกคำว่า ‘เคอะเขิน’ เวลามีคนซาบซึ้ง ยิ่งเห็นเด็กสาวกำพร้าแซ่หลี่น้ำตาคลอเบ้าใกล้ร่วงหล่นเต็มแก่หัวใจเต็มไปด้วยความเห็นใจ น่าเวทนาป่านนี้เขาจะนิ่งเฉยได้อย่างไรในเมื่อลมปากช่วยให้รอดได้ก็เปล่งออกไป
หลี่ถิงถิงคาดไม่ถึงหมอเฒ่าจะมีความเมตตาต่อตนเองมากมายเหลือล้น นางยกหลังมือมาปาดน้ำตาลวกๆ แล้วแผนการหนึ่งก็ผุดขึ้น “ท่านหมอเฒ่าเจ้าค่ะ ในเมื่อช่วยแล้วช่วยอีกเรื่องได้หรือไม่เจ้าค่ะ” ดวงตาเป็นประกายดุจดาวสว่างไสวไปด้วยความหวัง
หมอเฒ่าหรี่ตามองเด็กสาวกำพร้าแซ่หลี่ ในใจจึงเริ่มคาดเดาถึงเจตนา ‘หรือนางได้คืบแล้วจะเอาศอก’ เขาเป็นจำพวกคิดร้ายไว้ก่อนพลางยกมือกอดอกทำท่ารอนางเอ่ยวาจา ทว่าเสี้ยวใจกลับรู้สึกเอ็นดู หากนางจะเรียกร้องขออาศัยด้วยเขาก็พร้อมอ้าแขนรับเป็นลูกศิษย์
“ข้าขอซื้อยาสมานแผล ยาแก้ไข้ตะ...แต่ตอนนี้ข้าติดไว้ก่อนได้หรือไม่”
เมื่อชาติที่แล้วหลี่ถิงถิงเป็นแม่คน เลี่ยเอ๋อร์สุขภาพไม่ดีป่วยกระเสาะกระแสะสามวันดีสี่วันไข้จนนางหาเงินมารักษาไม่ทัน ชาติก่อนนางก็ใช้วิธีนี้กับหมอเฒ่า ‘หน้าหนาหนังหยาบ’ คุกเข่าโขกหัววิงวอนขอความช่วยเหลือ ชาตินี้ไม่มีเลี่ยเอ๋อร์แล้วเพราะนางตัดด้ายแดงที่เคยผูกกับเหนียนซูหยวน ผลักสตรีอื่นให้ตกนรกแทน ชื่นชอบกันดีนักเช่นนั้นก็เชิญโดนองค์หญิงใหญ่ฆ่าเถอะ
หมอเฒ่านิ่งชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยถาม “เจ้าไม่ได้ป่วยและไม่ได้เป็นแผล” แม้นจะถามเช่นนั้นแต่ร่างกายเคลื่อนย้าย สองขาหมอเคราขาวย่างก้าวออกไปไม่นานก็เดินกลับมาพร้อมขวดเคลือบสีขาวเป็นยาสมานแผลและห่อยาสมุนไพรต้มแก้ไข้
“ถ้าไม่มีเบี้ยชดใช้ก็มาทำงานใช้หนี้ในโรงหมอของข้าเอาก็ได้” เป็นดั่งหลี่ถิงถิงคาดเดาไม่ผิดเพี้ยน หมอเฒ่าปากร้ายแต่ไม่ใช่คนแล้งน้ำใจ หนำซ้ำยังเป็นคนแก่มีเหตุผล เขาไม่ถามสักคำนางเอายาเหล่านี้ไปให้ใคร
หลี่ถิงถิงคุกเข่าโขกหัวให้แก่หมอเฒ่าเคราขาวสามครั้งแล้วเอ่ยปากยืนกรานจะกลับมาโรงหมอก่อนตะวันตกดิน พักนี้นางยังพักอาศัยที่เรือนซอมซ่อหลังนั้นไม่ได้ ต้องรอไปสักระยะหนึ่ง รอจนกว่าบ้านเหนียนเลือกคู่หมั้นแก่เหนียนซูหยวนเสร็จก่อน
ลูกศิษย์หมอเฒ่ามอบหมวกที่มีผ้าคลุมโปร่งบางแก่นาง อ้างตนเองเป็นห่วงเพราะถ้าบ้านเหนียนเห็นเข้าคงปรี่เข้ามาจับตัว หลี่ถิงถิงรู้แท้จริงเป็นเจตนาของหมอเฒ่าเคราขาวไม่ใช่ลูกศิษย์ตัวน้อยคนนี้ นางน้อมรับไว้สวมใส่แล้วออกตัววิ่งไม่สนมารยาทสตรีดีงามอีก ยิ่งมีหมวกคลุมหน้ายิ่งสร้างความมั่นใจว่าไม่มีใครจำตนเองได้
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?