หลี่ถิงถิงถูกเลี้ยงเพื่อเป็นฮูหยินบุตรชายของสกุลเหนียนนั้นเป็นนางเย่ซื่อไล่พูดไปทั่ว ทว่าตามหลักขนบธรรมเนียมฝ่ายชายต้องส่งแม่สื่อไปทาบทามต่อสกุลหลี่ก็คือท่านตาท่านยายหรือท่านน้าชายของนางเสียก่อนพิธีถึงจะเรียกว่าหมั้นหมายอย่างแท้จริง แม้นป่าวประกาศแต่ขั้นตอนยังไม่เริ่มเท่ากับเด็กกำพร้านางนี้ยังไม่ได้เกี่ยวดองกับเหนียนซูหยวน สถานะตอนนี้ของนางไม่ต่างจากบ้านเหนียนเลี้ยงสัตว์หนึ่งตัว
“เจ้าโดนบังคับหมั้นหมายใช่หรือไม่” ขณะคนอื่นมึนงงหมอเฒ่าเคราขาวผู้ผ่านโลกมาอย่างโชกโชนกลับเอ่ยขึ้นพร้อมก้าวสามขุมมาร่วมวงสนทนา “ข้าผู้เป็นหมอกล่าวถูกต้องใช่หรือไม่” ใบหน้าฉายแววหนักใจ น้ำเสียงอ่อนระโหยเจือความเวทนา “ถึงว่าเจ้าอยากนอนโรงหมอ” เหลือบมองหลี่ถิงถิงแวบหนึ่ง เห็นนางก้มหน้างุดคางชิดอกแล้วหมอเฒ่าพลันส่ายหัว
หลี่ถิงถิงโดนหมอเฒ่าจับอุบายได้พลางรู้สึกอับอายขึ้นมา นางพยักหน้าน้อยๆ ยอมรับความผิดทุกประการ แสร้งป่วยไข้เพื่อดึงรั้งเวลาประทับตราหนังสือหมั้นหมาย สองผัวเมียสกุลเหนียนเจ้าเล่ห์จะตาย
ชาติก่อนนางจำได้ท่านตาท่านยาย ท่านน้าชาย น้าสะใภ้มาโวยวาย พวกมันอ้างกฎหมายตอกกลับ หนังสือหมั้นหมายประทับตราแล้วเท่ากับสมบูรณ์พร้อม ประเพณีจัดทีหลังก็ย่อมได้ ในเมื่อ...ไม้กลายเป็นเรือ นางเย่ซื่อปล่อยข่าวหลี่ถิงถิงกับเหนียนซูหยวนลักลอบผิดประเวณี
เด็กอายุสิบสามปี กล้าคิดเรื่องใต้ร่มผ้า ท่านตาท่านยาย ท่านน้าชายน้าสะใภ้อับอายหน้าแตกระแหงกลับหมู่บ้านไปด้วยใจสลาย หลานสาวทำเรื่องดีงาม ชาตินี้หลี่ถิงถิงไม่ยอมให้เกิดคำครหากับตนเองแน่นอน นางจะไม่ยอมถูกตราหน้าเป็นสตรีแพศยาอีกครั้ง แต่หากแสร้งป่วยอยู่แบบนี้ทำได้แค่ประวิงเวลาไม่สามารถแก้ปัญหา
“ท่านหมอ! หากวันนี้อาถิงกลับไปต้องโดนสองสามีภรรยาสกุลเหนียนบังคับหมั้นหมาย อาถิงไม่ยินยอมเจ้าค่ะ ตลอดที่ผ่านมาคิดกับเหนียนซูหยวนเป็นแค่คนรู้จักเท่านั้น” เสียงสะอื้นน่ารันทด หลี่ถิงถิงสะอื้นไห้ สีหน้าเสียใจ
“นางเย่ซื่อคนใจทราม” ป้าลิ่วเข่นฟันแช่ง ส่วนลูกน้องควานสุนกระทืบเท้าสบถด่าบ้านเหนียนหยาบคาย
ควานสุนได้ยินปัญหาแล้วถอนหายใจ “ลุกขึ้นมาพูดกันดีๆ จะให้ช่วยอะไร” ปัญหานี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลย เขากับมารดามีฐานะเป็นแค่เพื่อนบ้านไม่สะดวกออกหน้าโต้แย้งบ้านเหนียนแทนหลี่ถิงถิง พวกตนไม่ใช่ญาติ ไม่ใช่สายเลือดเดียวกัน ไร้สายสัมพันธ์
“จะมีลู่ทางไหนบ้างนะ ทำไมมองไม่เห็นประตูทางออกเลย” ประโยคหลังควานสุนพึมพำ
“มีเจ้าค่ะ” หลี่ถิงถิงถูกป้าลิ่วประคองลุกขึ้นลนลาน “ขอเพียงพี่สุน ป้าลิ่ว ช่วย...ข้ารับรองว่าบ้านเหนียนไม่สามารถบังคับหมั้นหมายได้อีก” แววตาคมปลาบเต้นระริก ใบหน้าเล็กๆ แน่วแน่จริงจัง จากนั้นหันมองหมอเฒ่า “ช่วงนี้ข้าต้องขอรบกวนโรงหมอจนกว่าแผนสำเร็จเจ้าค่ะ”
บนหน้าผากหมอเฒ่าปรากฏหยาดเหงื่อไหลซึม นึกถึงค่าใช้จ่ายแล้วรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ แต่พอมองเด็กกำพร้าอาภัพตรงหน้าความรู้สึกต่างๆ พลันเจือจาง ‘ถือว่าข้าทำบุญแล้วกัน’ คิดเช่นนี้แล้วก็สบายใจขึ้น หมอเฒ่าพยักหน้าและถามขึ้นตามรูปการว่า “แล้วมีอะไรให้ข้าช่วยเหลือไม่”
หลี่ถิงถิงกวาดตาไล่มองทุกคนหนึ่งรอบ จากนั้นเอ่ยปากเล่าแผนการของตน...
ด้านหนึ่งสุมหัววางแผน ส่วนอีกด้านบุรุษรูปงามในอาภรณ์ผ้าไหมสีม่วงกำลังเดินโซซัดโซเซ เขาขบกัดริมฝีปากแน่นอย่างอดทนอดกลั้น ใบหน้าซีดขาวราวกับจะสิ้นสติในอีกไม่ช้า มือขวากำด้ามกระบี่อ่อน ส่วนมือซ้ายยกกดตรงลาดไหล่ขวาที่มีบาดแผลถูกคมดาบฟันเข้าเนื้อลึกเป็นทางยาว ข้างหลังของเขามีเสียงตะโกน “ท่านอ๋อง! อย่าหนีเลยดีกว่า ท่านไม่รอดหรอก” น้ำเสียงอาฆาตหมายมาดปลิดชีพ
ยิ่งเสียงใกล้เข้ามาบุรุษหนุ่มยิ่งสืบเท้าเร็วกว่าเดิม “อึก” ทว่ายิ่งขยับร่างกาย อวัยวะภายในเหมือนโดนทิ่มแทง ‘โดนพิษ’ เรี่ยวแรงค่อยๆ หดหาย ดวงตาพร่าเลือนมองไม่เห็นทาง ขนาดเขาหนีห่างมาไกลแล้วพวกนักฆ่ายังไม่ถอนใจ ตามมาติดๆ ในใจตอนนี้เจ็บแค้น ไม่คาดว่าศัตรูจะกล้าจู่โจมซึ่งหน้า วางยาพิษเสื่อมแรงในสุราให้เขากับผู้ใต้บัญชา ป่านนี้ลูกน้องทั้งหลายเป็นตายร้ายดีอ๋องหนุ่มไม่อาจรู้ได้
แข้งขาอ่อนแรงเวลาเดินซวนเซไปมาจนเกือบจะล้มพับลงบนพื้น เลือดสีแดงฉานไหลจากบาดแผลไม่หยุด หัวสมองท่านอ๋องเตือนไม่ได้การ หากหนีแบบนี้ยาพิษเสื่อมแรงจะทำให้ร่างกายอ่อนเปลี้ย เขาไม่อาจต่อสู้กับกลุ่มนักฆ่าที่ไล่ล่าตามมาเบื้องหลัง ดวงตาพร่าเลือนเพ่งเล็งมองหาสถานที่ซ่อนตัว ขอแค่ซ่อนตัวจากนักฆ่าอ๋องหนุ่มก็รอดพ้นเภทภัยครั้งนี้ไปได้
บุรุษในอาภรณ์ผ้าไหมสีม่วงรวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายกระโดดข้ามกำแพงดินที่อยู่ใกล้ๆ ตัวที่สุดเข้าสู่เรือนชาวบ้าน ที่อ๋องหนุ่มเลือกเรือนชาวบ้านเพราะกลุ่มนักฆ่าคงคาดไม่ถึงว่าอ๋องผู้หยิ่งทระนงจะกล้าซ่อนตัว ตามนิสัย ‘อ๋องผิงหลิงมู่หรงเฉินเยี่ยน’ สมควรสู้จนตายไปข้างหนึ่ง ทว่าในเมื่อพระองค์โดนเล่นลูกไม้ก่อนเช่นนั้นไยอ๋องผิงหลิงต้องคงปณิธาน ฆ่าได้แต่หยามไม่ได้ด้วย
มู่หรงเฉินเยี่ยนกัดฟันทน สอดส่ายสายตามองหาจุดปลอดภัย อ๋องหนุ่มเดินโขยกเขยกเข้าไปเขตด้านหลังของเรือนชาวบ้าน กระทั่งเจอเรือนซอมซ่ออยู่ท้ายเรือน เขากระโจนเข้าด้านในทันทีด้วยสำรวจแล้วไม่มีคนอาศัย ซ่อนตัวอยู่ใต้เตียงเล็ก เงี่ยหูฟังด้านนอก แต่แล้วเลือดที่ไหลมากมายอีกทั้งยาเสื่อมแรงออกฤทธิ์อ๋องหนุ่มในวัยยี่สิบปีสลบเหมือด
“หายไปได้อย่างไร” หนึ่งในกลุ่มนักฆ่าดูแล้วเป็นหัวหน้าสบถอย่างไม่สบอารมณ์ “แล้วข้าจะทูลรายงาน...” เขากัดริมฝีปากแน่นมิอาจเอ่ยถึงผู้บงการ ดวงตาแข็งกร้าวกวาดมองลูกน้องไม่ได้เรื่อง ทั้งที่ตามเป้าหมายมาติดๆ แท้ๆ กลับปล่อยให้ปลาลอดตาข่ายไปได้
“ค้นหาให้พบ หากไม่เจอพวกเจ้าคงรู้ชะตากรรมตัวเองดี” นักฆ่าที่ทำเป้าหมายหนีรอดมีโทษตายสถานเดียว
นักฆ่าในชุดดำอำพรางร่วมสิบคนตระเวนไปทั่วค้นหาอ๋องผิงหลิงแทบจะพลิกแผ่นดิน ช่างน่าอัศจรรย์ใจ เขาโดนวางยาพิษเสื่อมแรงกลับหนีพ้นเงื้อมมือพวกตน ทว่าค้นจนฟ้าสว่างก็ไม่พบ ลักลอบเข้าบ้านนั้นออกบ้านนี้ ซ้ำร้ายไม่มีเสียงชาวบ้านโวยวายว่ามีคนแปลกหน้าบุกรุกเข้าเรือน แต่เหล่านักฆ่าพลาดเรือนไปหนึ่งหลัง เรือนที่พวกเขาคิดว่าเป็นบ้านสุนัขหลังนั้นตั้งอยู่ซอกท้ายเรือนเหนียน แท้จริงซ่อนร่างอ๋องผิงหลิงที่ร่างเปื้อนเลือดไว้ใต้เตียงเล็กๆ
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?