วันรุ่งขึ้นท่านตาท่านยาย ท่านน้าท่านน้าสะใภ้ของหลี่ถิงถิงก็มาถึงหมู่บ้านหลี่เชี่ยน โชคดีมู่หรงเฉินเยี่ยนเตือนนางไว้ก่อนแล้วจึงไหว้วานพี่ควานสุนกับป้าลิ่วดักเจอก่อนถึงหมู่บ้าน ป้าลิ่วอธิบายทุกอย่างชัดถ้อยชัดคำไม่ยอมให้ตกหล่น เผยตัวตอนนี้ไม่ได้ มิเช่นนั้นจะเสียเปรียบศัตรู ท่านตาจ้าวคุนกับท่านน้าชายจ้าวจือชูเข้าใจกระจ่างแจ้ง ทว่าท่านยายหยางซิ่วทั้งร้อนใจทั้งโกรธเคืองสองสามีภรรยาสกุลเหนียน
“นางเย่ซื่อนั่น! คนบ้านเดียวกันแท้ๆ ไยใจไม้ไส้ระกำทำกับถิงเอ๋อร์ขนาดนี้” หยางซิ่วอ่านเนื้อหาจดหมายที่หลานสาวตัวน้อยเขียนระบายความทุกข์กายทุกข์ใจแล้วเจ็บปวดรวดร้าวสุดสะเทือนใจ นางร้องไห้คร่ำครวญอย่างหนัก “หากวันนั้นถิงเอ๋อร์ยอมตามพวกเรากลับไปหมู่บ้านเย่เลี่ยนดีๆ ก็คงไม่เกิดเรื่องราวมากมายเพียงนี้” ใบหน้าท่านยายบ่งบอกว่าเป็นทุกข์และเคร่งเครียด “ข้าจะไปบุกเรือนนางเย่ซื่อเสียวันนี้ ประเดี๋ยวนี้! เรือนนั้นจะมีงานมงคลอันใดก็ช่าง” ร่างกายสั่นระริกด้วยความโกรธา
“ท่านยายอาถิงใจเย็นๆ ก่อนเจ้าค่ะ” ป้าลิ่วโผกายเข้าปลอบประลม “ท่านยายไปโวยวายตอนนี้จะได้ไม่คุ้มเสียเอาเจ้าค่ะ” พูดเกลี่ยกล่อมไม่หยุด นางไม่อยากให้ความตั้งใจของหลี่ถิงถิงพังครื้นเพราะอารมณ์ร้อนของท่านยาย แม้นในใจป้าลิ่วจะเกิดข้อสงสัยมากมายถึงนิสัยที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือของเด็กสาวกำพร้าทว่าพอเห็นความคิดอ่านของนางเป็นผู้ใหญ่เกินตัวจึงเอ็นดูระคนเวทนามากกว่า ป้าลิ่วช่วยเหลือตามคำร้องขอของนางสุดใจ
“นั่นสิ! ใจร้อนไปทำให้คนชั่วไหวตัวทันเสียเปล่าๆ” ท่านตาจ้าวคุนนวดหัวคิ้วเบาๆ แล้วจึงเอ่ยตำหนิภรรยาร่วมเรียงเคียงหมอนมาห้าสิบกว่าปีเสียงเรียบ “ทำตามที่ถิงเอ๋อร์วางแผนเถอะ อย่าโยนหินลงบ่อน้ำ เลย” นางหยางซื่อพร่ำบนมาตลอดทางจนเขากับบุตรชายปวดหู พอมาถึงก็ใจเร็วด่วนได้บุ่มบ่ามวู่วาม ท่านยายคงไม่รู้ถึงความร้ายกาจของสองสามีภรรยาสกุลเหนียน เล่ห์เหลี่ยมพวกนั้นแพรวพราว คนซื่อๆ ไร้ลูกไม้เยี่ยงนางหยางซื่อจะรู้เท่าทันได้อย่างไร
ท่านยายหยางซิ่วโดนสามีที่เงียบขรึมมาตลอดเอ่ยตำหนิพลันเกิดความรู้สึกอับอายขึ้นมา “ข้ามันโง่! แต่ข้ารักถิงเอ๋อร์ถึงอยากสะสางให้รู้แล้วรู้รอด นางเย่ซื่อกับบัณฑิตเหนียนชิ่วไฉจะคืนสมบัติหรือไม่คืน ข้าแค่อยากต่อรองออกไปตรงๆ เท่านั้น” กล่าววาจาด้วยความเคียดแค้นชิงชัง
“ท่านแม่” ท่านน้าจ้าวจือชูถอนหายใจไม่ได้หยุดคล้ายสิ้นความอดทนกับมารดา “การกระทำของถิงเอ๋อร์ไม่บอกอะไรกับท่านแม่บ้างหรือ” ความขุ่นเคืองพุ่งสูงขึ้นยิ่งเห็นมารดามุทะลุจะจัดการเดี๋ยวนี้ให้ได้ดั่งใจยิ่งทำให้เขารู้สึกผิดพลาดมหันต์ที่พามารดาเดินทางมาด้วย “หากเจรจาได้นางจะส่งจดหมายมาขอความช่วยเหลือจากพวกเรารึ หากสกุลเหนียนต่อรองง่ายจะถึงมือพวกเรารึ” ใบหน้าท่านน้าจ้าวจือชูประเดี๋ยวดำประเดี๋ยวแดงเผยอารมณ์โกรธขึ้งแต่ไม่อาจระบายออก เพราะต้นเหตุที่ทำให้ไฟโทสะลุกโชนคือมารดาของตัวเอง
ครั้นได้ยินบุตรชายต่อว่าต่อขานทว่าสมเหตุสมผล ท่านยายหยางซิ่วก็สงบนิ่งลงได้ นางถอนหายใจไม่กล้าต่อปากต่อคำกับสามีอีก เงียบไปพักใหญ่ป้าลิ่วจึงเห็นจังหวะเข้าไกล่เกลี้ย
“อาถิงฝากให้ข้าดูแลพวกท่านก่อน ไปพักในเรือนของข้าแต่ต้องขอให้ทุกท่านเดินอ้อมเข้าประตูหลัง เรือนข้าอยู่ตรงกันข้ามเรือนสกุลเหนียนพอดี” ป้าลิ่วพูดจาหวานหูทำลายบรรยากาศอึมครึมครอบครัวสกุลจ้าว
“รบกวนป้าลิ่วแล้ว” ท่านตาจ้าวคุนกล่าวขอบคุณแล้วเดินตามหลังป้าลิ่วกับควานสุนไปโดยง่าย ท่านยายหยางซิ่วก้มหน้าคอตกเดินตามตาละห้อยด้วยรู้ถึงความผิดที่ตนเผลอใจร้อน ท่านน้าจ้าวจือชูจูงมือท่านน้าสะใภ้หยางผิงตามไปติดๆ
“ท่านพี่เจ้าค่ะ ปีนี้ถิงเอ๋อร์อายุเท่าไหร่เจ้าค่ะ” ท่านน้าสะใภ้หยางผิงยืนมองสถานการณ์ตั้งแต่เริ่มต้นจนจบนางพบพิรุธหลากหลายมากมาย เกิดข้อสงสัยในใจ
“สิบสามปีนี้” ท่านน้าจ้าวจือชูไม่ได้คิดมากความ ตอบไปตามตรง
“เด็กสาวกำพร้าอายุแค่สิบสามปีแต่วางแผนแยบยลได้ป่านนี้เลยหรือเจ้าค่ะ” ท่านน้าสะใภ้หยางผิงกล่าวชี้นำให้สามีสงสัยเหมือนตนเอง นางไม่เชื่อว่าหลี่ถิงถิงจะเก่งกาจสามารถจริง ในใจปรามาสดูแคลนหลานสาวสามีอยู่ไม่น้อย
อาจเพราะอิจฉากระมังหากหลี่ถิงถิงเข้ามามีบทบาทในสกุลจ้าวเท่ากับนางที่เป็นสะใภ้จะกลายเป็นหมาหัวเน่า หยางผิงเป็นหมันให้กำเนิดบุตรไม่ได้ ตามหลักกฎหมายต้องถูกขับออกจากสกุล แต่ด้วยความเป็นเครือญาติสกุลหยางของท่านยายหยางซิ่วจึงไม่โดนขับไล่ หนำซ้ำยังรักษาฐานะภรรยาเอกไว้เหนียวแน่น จ้าวจือชูไม่รับอนุภรรยาเข้าเรือนสักคน
“ซิ่วเอ๋อร์” จ้าวจือชูฟังเจตนาในน้ำเสียงภรรยาเคียงหมอนออก “หากช่วยอะไรไม่ได้ก็อย่าริอ่านก่อเพลิงสุมไฟ” พูดจาให้ภรรยาครุ่นคิด เขารู้ใจหยางซิ่วมากกว่าใครในครอบครัว นางมีลูกไม่ได้นับเป็นปมที่มิอาจสะสางให้คลายออกแต่หาใช่เรื่องที่นางจะยุแยงให้เขาเกลียดชังหลานสาวตัวเอง หลี่ถิงถิงคิดใช้สกุลจ้าวเป็นเครื่องมือทวงทรัพย์สินก็เป็นเหตุสมควร นางเป็นเด็กสาวยังไม่ออกเรือนออกหน้าทำอะไรเองลำบาก
“ถือว่าวันนี้ข้าไม่ได้ยินคำถามนี้ของเจ้า”
ท่านน้าสะใภ้หยางผิงสะดุ้งโหยง นางรู้เต็มอกสามีมีนิสัยเด็ดขาดปานใด “ภรรยาผิดไปแล้ว”
“อ้อ! ท่านแม่นะ...รักถิงเอ๋อร์มากกว่าข้า” จ้าวจือชูฉวยโอกาสนี้ข่มขู่ภรรยาไปในตัว นางจะได้ไม่ก่อเรื่องก่อราว
ท่านน้าสะใภ้หยางผิงก้มหน้าซ่อนประกายตาอิจฉา นางกับหลี่ถิงถิงหากนับญาติแล้วล้วนเป็นหลานนอกไส้สกุลจ้าวเหมือนกัน เพียงแต่นางเกิดจากน้องสาวสกุลหยางของท่านยาย ส่วนหลี่ถิงถิงเกิดจากลูกสาวคนโตของท่านยาย แต่ถ้าวัดเรื่องความรู้สึกนางสู้หลี่ถิงถิงไม่ได้ ตลอดหกปีที่เด็กสกุลหลี่ไม่ติดต่อมาเลยหยางผิงนึกว่าตนจะได้ครอบครองที่นาสามสิบหมู่คนเดียวเสียแล้ว ตอนนี้มีผู้มาแบ่งมรดก ความขุ่นเคืองยังค้างอยู่ในใจมิอาจเผยออกทางสีหน้า
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?