ตอนที่ 2 วางแผนหลีกเลี่ยง
ในสมองหลี่ถิงถิงพลันปรากฏภาพอดีตชาติที่ล่วงเลยผ่านมา
แต่ละเหตุการณ์สลักลึกเข้าสู่ห้วงความทรงจำ หากกวาดตามองรอบบริเวณอยากรู้วันนี้
ตอนนี้ คือวันที่เท่าไหร่ โอวหยางฮ่องเต้นั่งปกครองปีรัชศกไหน ถ้าจำไม่ผิดตอนอายุสิบสามปี
เป็นปีที่อดีตสามีเหนียนซูหยวนสอบจวี่เหรินผ่าน
จากบัณฑิตชิ่วไฉกลายเป็นบัณฑิตจวี่เหริน[1]
นับจากนี้อีกฝ่ายจะรีบทำหนังสือหมั้นหมายเพื่อถลุงทรัพย์สมบัติของนาง
และเตรียมเดินทางเข้าเมืองหลวงในอีกสองปีข้างหน้า เช่นนั้นหลี่ถิงถิงจะต้องหลบหลีกการหมั้นหมายนี้อย่างไรดี
หัวใจกลัดกลุ้มไม่น้อย จะหนีพ้นน้ำมือสองสามีภรรยาแซ่เหนียนต้องเจ้าเล่ห์กว่า
ต้องรอบจัดเหลี่ยมลับคมกว่า
จังหวะหลี่ถิงถิงหน้าดำคร่ำเครียดขบคิดหาหนทางรอดให้แก่ชีวิตใหม่ในชาตินี้
มีสตรีผู้หนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบทั้งลากทั้งดึงหมอเฒ่าหนวดสีขาวลากถึงเอวมาด้วย
“อาถิง”
เสียงร้อนรนระคนเหน็ดเหนื่อยดังขึ้นจากทางด้านหลังของนาง “อาถิง ป้ามาแล้ว”
น้ำเสียงแสนห่วงใยคุ้นหูเช่นนี้ทำให้สาวน้อยหันขวับกลับไปมองพร้อมหยดน้ำตาร้อนผ่าวไหลริน
ความรู้สึกมากมายถาโถมอีกหน
“ปะ...ป้าลิ่ว
ป้าลิ่ว”
การได้เห็นผู้มีบุญคุณมากล้นพ้นหัวมีชีวิตตัวเป็นๆ
อีกครั้งทำให้หลี่ถิงถิงรู้สึกแน่นหน้าอกจนต้องยกมือกุมไว้ ทั้งยังคลื่นไส้ มึนหัว
ในท้องร้อนเหมือนมีไฟสุม นางขยับปากทว่ากลับเปล่งเสียงไม่ออกสักครึ่งคำ
ความตื้นตันใจระคนโศกเศร้าจู่โจมตั้งรับไม่ทัน
“ไม่ต้องร้อง
ป้ามาแล้ว ท่านหมอเฒ่าดูอาถิงเร็วเข้า เมื่อครู่นางเป็นลม”
ป้าลิ่วหญิงหม้ายบ้านตรงกันข้ามตะโกนใส่หน้าหมอเฒ่าที่ตนวิ่งพรวดพราดไปตามถึงเรือนเสียงดังลั่นด้วยความตกใจ
คำพูดมากมายกระจุกอยู่ตรงคอหอย น้ำตาหลี่ถิงถิงบดบังภาพเบื้องหน้า
การมองเห็นจึงพร่าเลือน
ทว่าน้ำเสียงแหลมแสนคุ้นเคยทำให้รู้อีกฝ่ายกำลังร้อนรนกระวนกระวาย
ดวงวิญญาณหวนกลับสู่ร่างเดิมยังปรับตัวไม่ได้ว่าตนอยู่ช่วงเวลาไหนของลำดับชะตา
รู้เพียงภาพจำชาติที่แล้วก่อนตายคากองเพลิงทันเห็นป้าลิ่วกับบุตรชายของนาง
‘ควานสุน’
ถือไม้กระบองต่อสู้กับพวกโจรปลอมตัว ปากเรียกชื่ออาถิงซ้ำๆ ไม่หยุด
สุดท้ายสองแม่ลูกก็สู้ไม่ไหว จะอย่างไรก็เป็นเพียงชาวบ้านร้านตลาดกับองครักษ์
ทั้งสองโดนคมดาบปาดลำคอตกตายในดาบเดียวต่อหน้าต่อตานาง
“หม้ายลิ่ว!” แม่ค้าร้านเกี๊ยวน้ำวิ่งเข้ามาดูเหตุการณ์อีกคน “อาถิงเป็นอะไร ข้า...” เห็นนางนั่งตรงนี้นานแล้ว
ไม่ทันเอ่ยคำพูดนี้ป้าลิ่วที่ปากไวกว่าผู้ใดก็โพล่งสวนกลับเสียก่อน
“ชั่วยามก่อน
นางเป็นลมนะสิ” ป้าลิ่วขบเขี้ยวเคี้ยวฟันกล่าว ใบหน้ามืดครึ้มราวกับพายุเข้า “สงสัยยังไม่ทันได้กินข้าวเช้าก็ถูกใช้ให้ออกมาส่งผัก...สองผัวเมียเหนียนใจดำนัก”
ในดวงตาปกคลุมไปด้วยความโกรธ
ยิ่งโกรธน้ำเสียงแม่หม้ายสามีตายแซ่ลิ่วยิ่งดังสนั่นเรียกความสนใจจากพ่อค้าแม่ขายบริเวณนั้นจนผู้คนห้อมล้อมเข้ามา
หมอเฒ่าเห็นผู้คนมุงดูตนตรวจชีพจรให้สาวน้อยร่างผอมบางพลันรู้สึกดีใจ
คราวนี้แหละเขาจะแสดงฝีมือการรักษา
เผยทีท่าเมตตาปรานีต่อสายตามวลชนเรียกคืนความมั่นใจ หมอเฒ่าผู้นี้กำลังประสบปัญหา
โรงหมอของตนซบเซาโดนโรงหมอหนุ่มรุ่นเยาว์เหยียบย่ำ
หลี่ถิงถิงได้ยินป้าลิ่วพูดน้ำไหลไฟดับ
ชี้ไม้ชี้มือออกท่าทางประกอบ สมองพลันเปล่งประกาย ‘จำได้แล้ว’
นางย้อนกลับมาในวันประกาศผลสอบจวี่เหริน พอคิดออกหัวใจร่วงดิ่งลงสู่ห้วงทะเลลึกทันที
นางมีเวลาเหลือน้อยแล้วที่จะเปลี่ยนชะตาลมเปลี่ยนทิศได้ต้องเริ่มตั้งแต่เดี๋ยวนี้
จะไม่มีการหมั้นหมาย
หลี่ถิงถิงต้องรักษาทรัพย์สมบัติก้อนสุดท้ายของบิดามารดาไว้ให้จงได้
นางจะไม่แต่งงานกับคนชั่วอีกในชาตินี้ จะไม่ตั้งครรภ์เจ้าก้อนซาลาเปา
และไม่ทำงานงกๆ
เพื่อส่งเบี้ยอัฐให้คนระยำในคราบบัณฑิตใช้สุรุ่ยสุร่ายที่เมืองหลวงอย่างสุขสบาย
ตาบอดชาติเดียวก็เกินพอ
แต่จะทำอย่างไรเล่า...หากกลับไปวันนี้นางต้องถูกบังคับให้ประทับตราหนังสือหมั้นหมาย
จังหวะนั้นคล้ายมีแสงสว่างสาดส่องแยงเข้าตา
หลี่ถิงถิงเงยหน้ามองพบหมอเฒ่าเคราขาวยาวเฟื้อยมือขวาจับชีพจร
ใบหน้าผู้ชราเคร่งขรึมตั้งอกตั้งใจอย่างมาก ในใจรู้สึกมีความหวังขึ้นมา
นางบีบน้ำตาให้ไหลมากกว่าเดิม จากนั้นเอนกายโงนเงนราวกับจะล้มแหล่ไม่ล้มแหล่
“ป้าลิ่ว”
ทำท่ากระอึกกระอักหายใจไม่ออก
หมอเฒ่าเคราขาวหัวคิ้วขมวดแน่น
ตะลึงงัน คิดสงสัยอยู่ในใจ ‘อาการของสาวน้อยผู้นี้มิได้หนักหนาสาหัสอันใด
ร่างกายขาดสารอาหาร ชีพจรเต้นเร็วสับสน เลือดลมไหลเวียนติดขัด
หากรักษาก็แค่ยาต้มชุดเดียว’
ยังไม่ทันเอ่ยวาจาใด
ฝ่ามือป้าลิ่วฟาดบนลาดไหล่หมอเฒ่าเคราขาวเปลี่ยนจากสงสัยกลายเป็นความตระหนกทันควัน
“เร็วเข้าสิ! ตาหมอเฒ่านี่! ลูกชายข้า สุนเอ๋อร์อยู่ไหน
มาอุ้มพี่อาถิงของเจ้าไปโรงหมอเร็ว”
หม้ายลิ่วร้อนใจตวาดลั่นกลางถนน จัดการเสร็จสรรพไม่รีรอหรือลังเลเหมือนหมอเฒ่าเคราขาว นางท้าวสะเอวป่าวประกาศหาบุตรชายคนเดียว
[1] จวี่เหริน(举人 )คือการสอบเข้ารับราชการรอบที่สองหลังสอบคัดเลือกระดับท้องถิ่น
เป็นการสอบคัดเลือกระดับภูมิภาค ผู้ที่สอบ ผ่านรอบนี้เรียกว่า จวี่เหริน
มีสิทธิ์รับป้ายเข้าสอบขุนนางรอบสุดท้ายเรียก เคอจวี่
การสนับสนุนของคุณมีความหมายอย่างยิ่งในการสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพต่อไป ขอบคุณค่ะ/ครับ!
คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?