ตอนที่ 15 หน่วยกิเลนดำ

สามวันต่อมา...

หลี่ถิงถิงไปตลาดเพื่อหาซื้อของบำรุงเหมือนเดิม นางสามารถเตร็ดเตร่ได้ตามอำเภอใจไม่ต้องรีบกลับหรือกลัวใครพบเห็นอีก ช่วงนี้นางเย่ซื่อวุ่นวายเตรียมสามหนังสือหกพิธีการ ให้เหนียนซูหยวนที่ตกลงเลือกคุณหนูใหญ่จางเหริน บุตรีนายอำเภอจางนั่วเป็นคู่สมรส ดูท่าทางแล้วบัณฑิตเหนียนจวี่เหรินไม่เต็มใจอย่างยิ่ง ทว่านางเย่ซื่อกับบัณฑิตเหนียนชิ่วไฉผู้เป็นบิดารับปากนายอำเภอไปแล้ว เขาย่อมหลีกลี้หนีไม่พ้น คนเหล่านั้นจึงไม่มายุ่งกับหลี่ถิงถิงหนำซ้ำเสี่ยวถานสาวใช้ตัวดีเดินมาถากถางถึงที่ ‘เจ้าจะไม่มีที่ซุกหัวนอนแล้วนะ’

เสี่ยวถานคงคิดเองว่าหลี่ถิงถิงทุกข์ระทมท่วมท้นหัวใจกระมัง หารู้ไม่คล้อยหลังเสี่ยวถาน หลี่ถิงถิงปิดปากกลั้นหัวเราะหน้าดำหน้าแดง นางดีใจต่างหากที่สามารถหลุดพ้นจากเงื้อมมือครอบครัวสกุลหลี่

หลี่ถิงถิงไปโรงหมอเยี่ยมเยียนหมอเฒ่าเคราขาวพร้อมทั้งฝากตัวเป็นลูกศิษย์หลังจากคลี่คลายเรื่องทรัพย์สินสกุลหลี่แล้วเสร็จ หมอเฒ่าพยักหน้ารับรู้ทั้งเตือนให้นางระวังด้วย สกุลเหนียนกับสกุลเย่ไม่ใช่สกุลธรรมดา คนพวกนี้เป็นบัณฑิตมาสี่รุ่น มีความรู้เป็นอาวุธ หากต้องการความช่วยเหลือให้รีบบอก หมอเฒ่าเคราขาวยื่นมือออกไปหมายลูบหัวเพราะเอ็นดูนางทว่าต้องชะงักค้าง ความคิดหนึ่งผ่านสมอง ‘นางอายุสิบสามปีแล้ว ชายหญิงเจ็ดขวบไม่นั่งร่วมโต๊ะ ชายหญิงแตะเนื้อต้องตัวกันไม่ได้’ ทำได้แค่ยิ้มน้อยๆ ดึงมือกลับมา

หลี่ถิงถิงอำลาอาจารย์ยกตะกร้าขึ้นหลังแบกกลับเรือนซอมซ่อ ระยะทางจากตลาดที่ตั้งอยู่ในกลางอำเภอหนิงเซี่ยถึงหมู่บ้านหลี่เชี่ยนหากเดินเท้าราวสามลี้ ระหว่างทางนั้นจะมีป่าไผ่คั่นกลางอยู่ หลี่ถิงถิงเดินฮึมเพลงอารมณ์ดีมาจนถึงจุดที่หนึ่งซึ่งบรรยากาศโดยรอบวังเวงจนขนกายลุกซู่

‘ทำไมวันนี้ป่าไผ่เกิดเสียงใบไม้เสียดสี ฟังแล้วเสมือนเสียงกรีดร้องโหยหวนของผีสาวตามหาคนรักเยี่ยงนี้’ หัวใจเด็กสาวกำพร้าเต้นตึ้กตั้กตื่นเต้นสุดขีด เร่งฝีเท้าจากเดินกลายเป็นวิ่ง ดวงตาคู่งามกวาดมองหาผู้คนร่วมทางทว่าวันนี้กลับไม่มีแต่เงาคนมีชีวิตเหลือเพียงเงาต้นไผ่ลู่ไปมาตามสายลม

“ท่านพ่อท่านแม่คุ้มครองลูกด้วย” หลี่ถิงถิงถูกความกลัวเล่นงานจนเหงื่อเม็ดโตผุดออกมาโทรมกาย ทำให้อาภรณ์ที่สวมใส่เปียกชุ่ม ลางสังหรณ์ชนิดหนึ่งแล่นจับหัวใจเตือนอันตรายใกล้ถึงตัวแล้ว

วิ่ง! ทว่านางชักช้าไปเมื่อเบื้องหน้ามีกลุ่มชายฉกรรจ์สวมชุดทางการที่ไม่รู้ตำแหน่งไหนสังกัดฝ่ายใดยืนหน้าถมึงทึงขวางทางอยู่ “กรี๊ด! พวกเจ้าจะทำอะไร ข้าไม่มีเบี้ยอัฐ ไม่มีของมีค่า ทะ...ที่บ้านข้ายังมีสามีป่วยติดเตียง อย่าข้าฆ่าเลย”

บุรุษรูปร่างกำยำล่ำสันที่ยืนหน้าสุดพ่นลมหายใจรำคาญออกมาก่อนจะโบกมือสั่งการให้ลูกน้องล้อมเด็กสาวมองแล้วอายุสิบกว่าปี ในใจครุ่นคิด ‘อายุเท่านี้มีสามีแล้วหรือ’

หลี่ถิงถิงยิ่งตกใจยกใหญ่ถูกชายฉกรรจ์ร่วมสิบคนล้อมไว้หนีไปไหนก็ไม่ได้จึงคุกเข่าลงบนพื้นดินแล้วร้องไห้เสียเลย “พี่ชายทั้งหลาย ข้าน้อยตัวคนเดียว ลำบากยากเข็ญมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย ไม่มีสมบัติพัสถาน พี่ชายทั้งหลายเมตตาข้าสักครั้งเถอะเจ้าค่ะ” ส่งเสียงร้องไห้ดังสนั่นราวกับฟ้าถล่มหวังให้ผู้ผ่านทางได้ยินแล้วเข้าช่วยเหลือ

บุรุษคนเดิมเหลือกตาขึ้นฟ้า นึกคิดในใจเด็กสาวผู้นี้เจ้าเล่ห์จริง เมื่อครู่ยังพูดว่ามีสามีป่วยติดเตียงอยู่แท้ ๆ ตอนนี้กลับกลอกบอกตัวคนเดียวโดดเดี่ยวเสียอย่างนั้น ความอดทนของเขาถูกเด็กสาวทำให้สั่นคลอนเกือบโมโหแล้วจับนางทรมานแล้ว เสียงถอนหายใจหนักหน่วงดังขึ้น “แม่นางน้อย” เอ่ยถามความสงสัยในใจของตนออกไปตรงๆ “พวกข้าแค่อยากรู้ว่าพู่หยกที่เจ้าห้อยอยู่ที่เอวมาจากไหน?”

หลี่ถิงถิงได้ยินคำถามแล้วนิ่งชะงักไป หัวสมองคิดถึงวาจานายท่านที่สอนสั่งว่าหากเจอบุรุษมาถามความเป็นมาของพู่หยกให้พูดอย่างไร “พยัคฆ์จำศีล” นางหยัดกายยืนขึ้นสองมือปัดเศษฝุ่นดินออกจากอาภรณ์ ในใจนึกขุ่นเคืองทำไมคนพวกนี้ไม่ถามตั้งแต่แรกชักช้าอืดอาดอยู่ได้ ทั้งทำให้ตกใจอีก นางจะนำความไปฟ้องนายท่านหากพวกนี้เป็นลูกน้องของเขาจริง

“ไม่สิ้นบารมี” บุรุษที่ดูเป็นหัวหน้าเอ่ยขึ้นช้าๆ พร้อมหรี่ตาพินิจพิเคราะห์หลี่ถิงถิงที่เปลี่ยนอากัปกิริยารวดเร็ว เมื่อครู่นางยังเป็นสตรีอ่อนแอไร้ทางสู้ ตอนนี้พอได้ยินคำตอบจากปากเขากลับยู่หน้าใส่พวกเขา ไม่เหลือความหวาดกลัวอยู่เลย

“ตามมา”

หลี่ถิงถิงแยกเขี้ยวยิงฟันใส่พวกราชองครักษ์ใต้บัญชาอ๋องผิงหลิงมู่หรงเฉินเยี่ยน นางหลงคิดว่าคนพวกนี้คงเป็นผู้อารักขาขุนนางธรรมดา เด็กสาวกำพร้าหารู้ไม่บุรุษกลุ่มนี้สังกัดหน่วยงานลับนามกระฉ่อนใต้หล้า

‘กิเลนดำ’

หน่วยสืบข่าวที่แม่นยำที่สุด ขณะที่ทหารของจวิ้นอ๋องโอวหยางจีเชินแทบพลิกแผ่นดินเมืองเทียนสุ่ยตามหาอ๋องผิงหลิงแต่ไม่มีข่าวคราว พวกเขาใช้เวลาสิบวันพบเบาะแส สืบสาวอีกสามวันเจอเด็กสาวหน้าตาใสซื่อผู้นี้ และสองวันในการสะกดรอยตามนาง ทว่าเด็กสาวผู้นี้ฝีมือร้ายกาจ มักหายตัวไปอย่างไร้วี่แววเสมอ

หากหน่วยกิเลนดำรู้ว่าหลี่ถิงถิงใช้ทางหมาลอดข้างกำแพงเป็นเส้นทางสัญจร พวกเขาคงตกตะลึงถึงสาเหตุที่หานางไม่เจอ แล้วทางหมาลอดของหลี่ถิงถิงมีพุ่มไม้อำพรางไว้อย่างดี

หลี่ถิงถิงเดินนำทางมาถึงหน้าศาลาหมู่บ้านก็หยุดฝีเท้าลงหันขวับเจรจาพูดคุยกับเหล่าชายฉกรรจ์ที่มีสีหน้าแช่มชื่นระรื่นกว่าเดิมอักโข ความหวาดกลัวมลายหายไปแล้วจิตใจพลันโล่งสบาย

“ข้าไม่สะดวกจะพาพวกท่านไปทั้งหมด” ท่าทางของนางยามต่อรองแข็งกร้าวต่างจากเด็กสาวกลัวความตายเมื่อครู่ลิบลับ “ไม่ต้องสงสัยในตัวข้า...พู่หยกนี้นายท่านเป็นคนมอบให้” บุรุษเหล่านั้นสร่างใจตั้งแต่นางสามารถเอ่ยถ้อยคำสื่อสารลับของหน่วยกิเลนดำแล้ว หากเป็นขโมยย่อมไม่รู้แน่นอน

“อืม” บุรุษที่ดูเป็นหัวหน้าผงกศีรษะเข้าใจ หันหลังไปสั่งการลูกน้องสิบกว่าคนสองสามประโยคจากนั้นเดินตามหลี่ถิงถิงเข้าหมู่บ้าน

“ช่วยเดินห่างๆ หน่อยเจ้าค่ะ”

บุรุษผู้นั้นกลอกตาขึ้นฟ้า แม่หนูน้อยนี่เรื่องมากจริง “เช่นนั้นให้ข้าเหาะไปดีหรือไม่” ไม่พูดเปล่าเขาใช้วิชาตัวเบาทะยานไปบนยอดไม้ กระโดดไปมาไล่ตามหลี่ถิงถิง

คราวแรกที่เห็นบุรุษผู้นั้นหายวาบไปกับตาหลี่ถิงถิงตะลึงอยู่ครู่หนึ่งจึงตั้งสติได้ นางเดินทักทายผู้คนในหมู่บ้านพยายามทำตัวให้ปกติสุดกระทั่งเดินอ้อมกำแพงเรือนสกุลเหนียนมาหยุดยืนด้านหลังตรงรูหมาลอดก็โบกไม้โบกมือเป็นสัญญาณให้บุรุษผู้นั้นว่า ‘นายท่านอยู่ในเรือนติดกำแพงนี้’ สายลมปะทะใบหน้าหลี่ถิงถิงวูบหนึ่งให้เข้าใจอีกฝ่ายเข้าด้านในไปแล้ว

“ทำไมไม่หิ้วข้าไปด้วย” อดบ่นพึมพำไม่ได้ เด็กสาวกำพร้าสอดส่ายสายตาเหมือนเดิมก่อนจะมุดทางหมาลอดเข้าไปอีกคน

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ