ตอนที่ 33 ตอนพิเศษรุ่นพี่คนนี้ผมขอจอง

[ทีม x แก้ว]

ช่วงเช้าวันจันทร์ที่แสนยุ่งเหยิงจราจรแสนติดขัด ยังไม่รวมคิวยาวเหยียดที่ร้านหมูปิ้งหน้าปากซอย แก้วเดินบ่นงึมงำมาตลอดทางเพราะเธอลืมหูฟังเส้นโปรดเอาไว้ที่บ้าน อากาศร้อนบวกกับคนหัวร้อนรอบตัวทำให้เธอหงุดหงิดอย่างพูดไม่ออกบอกไม่ถูก

“พี่แก้ววันนี้ทำไมมาสายล่ะ”

นั่นเจ้าทีมรุ่นน้องในทีมงานเรา หมอนี่อายุห่างจากฉันประมาณสามปี แต่มันไม่เคยทำตัวเหมือนฉันเป็นรุ่นพี่ของมันเลย ถึงหมอนี่จะเรียกฉันว่าพี่ก็ตามที ปกติฉันไม่ใช่คนเกรี้ยวกราดแบบนี้หรอกนะ แต่พอดีว่านี่ไม่ใช่วันจันทร์ธรรมดา แต่เป็นเช้าวันจันทร์ที่ประจำเดือนมาเข้าวันที่สาม ความว้าวุ่นทางอารมณ์รวมถึงฮอร์โมนของฉันเลยมีสูงมากและปั่นป่วนจนเรียกได้ว่าผิดปกติ

“พี่เข้าออฟฟิศก่อนก็ได้เดี๋ยวผมต่อแถวซื้อหมูปิ้งให้เอง” ทีมยิ้มอย่างสบาย ๆ

“งั้นฝากด้วยแล้วกัน แกจะกินอะไรก็ซื้อมาได้เลยพี่เลี้ยง”

แก้วยื่นแบงก์ห้าร้อยให้กับรุ่นน้อง แล้วเดินคิ้วขมวดด้วยความปวดท้องน้อย

“กินอะไรก็ได้เหรอ งั้นผมซื้อหมดนี่เลยนะ” เสียงใสที่แฝงไปด้วยความยียวนของทีมทำให้แก้วหยุดแล้วรีบปรี่ตรงเข้ามา

“นี่แกคิดจะซื้อหมดนี่เลยหรือไง เอามาทอนด้วย ซื้อฝากน้องน้ำมนต์ด้วยนะ”

“น้องกินข้าวเช้ากับท่านประธานอีกตามเคยนั่นล่ะ”

“ซื้อไปเถอะน่า แกนิ…พูดมากจริง ๆ”

แก้วบ่นอุบก่อนจะรีบเดินเข้าออฟฟิศไป หญิงสาวนั่งลงพักยังไม่ทันหายเหนื่อยดีเจ้านายก็โทรศัพท์ต่อตรงเข้ามาที่โต๊ะเรียกให้เข้าไปพบด่วน

“ท่านประธานเรียกแก้วมาพบแต่เช้ามีงานด่วนหรือเปล่าคะ”

โดยปกติเจ้านายของไม่ค่อยต่อสายตรงถึงเธอนอกจากจะมีงานด่วน จุดแข็งเดียวของแก้วที่ถือเป็นเสาหลักของทีมยอดมนุษย์ก็คือความคล่องแคล่วรวดเร็วในการทำงาน อีกทั้งเธอยังจัดการงานด่วนได้อย่างรอบคอบนั่นจึงเป็นเหตุผลเอกรินทร์ให้ความไว้วางใจเธอ

“พรีเซนเทชั่นที่จะนำเสนอบริษัท เลอลักษณ์ จิลเวลรี่จัดทำไปถึงไหนแล้ว”

“ตอนนี้ทีมกับพี่เอกนำแบบที่ลูกค้าคอมเมนต์ปรับแก้ไขทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว ส่วนตัวอย่างชุดเครื่องเพชรโรงงานน่าจะจัดส่งถึงบริษัทภายในวันพรุ่งนี้ พรีเซนเทชั่นต้องมีเพิ่มเติมแก้ไขเพิ่มเติมอีกประมาณ 40% ส่วนสัญญาการซื้อขายยังไม่ได้ทำค่ะ รอนำเสนอพรีเซนเทชั่นผ่านแล้วค่อยนักเซ็นสัญญากันอีกที”

“เดี๋ยววันนี้ผมจะไปทำธุระที่จันทบุรี จะให้คุณประสานงานเลื่อนการนำเสนองานกับคุณประทีปเป็นวันพรุ่งนี้ช่วงบ่าย หากเขาว่างเราจะเข้าไปนำเสนองานเลย”

“ทำไมกะทันหันขนาดนี้คะ”

“ไหน ๆ เราก็ไปแถวนั้นแล้วระยองก็อยู่ไม่ไกลผมอยากไปพบลูกค้าด้วยตัวเอง ข่าววงในบอกมาว่าตอนนี้คุณประทีปกำลังมีแผนจะเปิดสาขาร้านจิลเวลรี่ที่สิงคโปร์เพิ่ม ผมเชื่อว่าคุณแก้วจัดการทุกอย่างได้แน่นอน”

“งานนี้ท่านประธานจะให้พี่เอกเป็นคนนำเสนองานกับทีมพร้อมกับเดินทางไปเสนองานวันพรุ่งนี้ใช่ไหมคะ แก้วจะได้จองคิวรถตู้”

“เดี๋ยววันนี้พวกคุณเตรียมงานทุกอย่างให้เรียบร้อย เราจะเดินทางไปพร้อมกันช่วงบ่าย”

แก้วยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลาก่อนหญิงสาวจะเงยหน้ามองเจ้านายด้วยใบหน้าซีดเผือด “ท่านประธานไม่ได้ล้อแก้วเล่นใช่ไหมคะ เหลือเวลาไม่ถึงสองชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ”

“ยังไงฝากด้วยแล้วกันนะครับ ออ แล้วให้คุณเอกร่างสัญญาเตรียมไว้เลยนะครับ หากพรีเซ็นครั้งนี้ผ่านจะได้นำเอกสารให้คุณประทีปเซ็นได้เลย”

“งั้นเดี๋ยวแก้วรีบไปกระจายงานก่อนนะคะ”

“ฝากด้วยนะคุณแก้ว ผมเชื่อใจคุณ”

“เบื่อท่านประธานจริง ๆ เลย พองานเร่งทีไรเสียงหวานกับแก้วแบบนี้ทุกทีเลย แก้วไม่เคลิ้มหรอกนะคะ เก็บไว้ใช้กับน้องน้ำมนต์เถอะค่ะ” ลูกน้องสาวคนสนิทแซว

“คุณแก้วอย่าเพิ่งบอกน้ำมนต์นะครับ เดี๋ยวเรื่องนี้ผมคุยกับเธอเอง”

แก้วรีบเก้าเท้าฉับเดินออกจากห้องท่านประธานก่อนจะปรี่ตรงไปยังโต๊ะของเอกรินทร์เพื่อปรึกษาหาแนวทางในการทำงานให้รวดเร็วที่สุด หัวหน้าทีมอาสาเดินทางไปยังโรงงานที่จังหวัดนนทบุรีเพื่อไปรับตัวอย่างชิ้นงานที่ขึ้นรูปไว้สำหรับนำเสนอให้คุณประทีปพิจารณา ส่วนเธอเป็นคนตระเตรียมเอกสารสัญญาทั้งหมด และร่างหัวข้อสำหรับการใส่เพิ่มลงในพรีเซนเทชั่น

“พี่แก้วร่างหัวข้อเสร็จแล้วเอาให้ผมนะ เดี๋ยวจะปรับส่วนแรกในน่าสนใจกว่านี้ก่อน” ทีมพูดทั้งที่มือยังคลิกเมาส์สายตาจับจ้องอยู่หน้าจออย่างมีสมาธิ

น้องเล็กสุดในทีมเดินเข้ามาด้วยท่าทางรีบเร่งพลางเก็บข้าวของและเซฟงานในแลปท็อปหันมาถามแก้วด้วยรอยยิ้มเด็กสาวเอ่ยถามเสียงอ่อน

“พวกพี่ไปด้วยใช่ไหมคะ”

แก้วพูดทั้งที่มือยังจัดเอกสารแยกใส่แฟ้มมือเป็นระวิง “ใช่จ้ะ แต่พวกพี่ต้องเตรียมเอกสารให้เรียบร้อยกันก่อน พอดีท่านประธานเห็นว่าไหน ๆ พวกเราต้องไปทำธุระเรื่องทับทิมสยามที่จันทบุรีอยู่แล้ว จึงนัดเลื่อนนัดการนำเสนองาน และเซ็น-สัญญาบริษัทหนึ่งแถว ๆ ระยองในวันพรุ่งนี้ช่วงบ่ายจะได้ไม่เสียเที่ยว งานนี้เป็นโครงการที่ทีมพิเศษของเราติดต่อเอาไว้ พวกพี่เลยต้องเตรียมข้อมูลทุกอย่างให้รอบคอบก่อนน่ะ…ว่าแต่ท่านประธานจะพาน้ำมนต์กลับเข้าบ้านก่อนใช่ไหม”

หญิงสาวร่ายยาวสายตามองที่นาฬิกาบนโต๊ะทำงานความรีบร้อนทำให้เธอรู้สึกราวกับมีใครจุดไฟไว้ในห้องทั้งที่อุณหภูมิในห้องทำงานก็เย็นยะเยือกแต่เธอกลับมีเหงื่อเม็ดโตผุดเต็มกรอบหน้า ในขณะที่ทีมก็เร่งมือจนหัวคิ้วทั้งสองขมวดเข้าหากัน มนต์ลดาสังเกตเห็นความผิดปกติของรุ่นพี่ทั้งสองคน เด็กสาวจึงเอ่ยถามด้วยความเกรงใจ เธอจะทิ้งให้ทีมงานทำงานกันเพียงลำพังนี่มันไม่แฟร์กับรุ่นพี่ทั้งสองคน

“เออ ใช่ค่ะ พี่แก้วมีอะไรให้น้ำมนต์ช่วยไหมคะ”

แก้วแสดงสีหน้าหนักใจหล่อนหันหน้าสบตากับพี่ทีมแล้วเม้มริมฝีปากบางแน่น ทีมจึงเอ่ยตอบแทนด้วยน้ำเสียงจริงจัง “น้องน้ำมนต์ช่วยรั้งเวลาไว้สักสองชั่วโมงได้ไหม พวกพี่ต้องทำเอกสารคู่สัญญา และพรีเซนเทชั่นให้เรียบร้อยถึงออกไปรับท่านประธานที่บ้าน ถ้าพอมีเวลาชั่วโมงหรือสองชั่วโมงทุกอย่างก็น่าจะเรียบร้อย ตอนนี้พี่เอกก็กำลังออกไปรับชิ้นงานที่โรงงานแถวนนทบุรีแถวนั้นรถน่าจะติดซะด้วย”

“ให้น้ำมนต์ช่วยเท่านี้เองหรือคะ”

“ไม่ใช่แค่นั้นนะ แต่การถ่วงเวลาท่านประธานได้นี่เป็นเรื่องสำคัญมากเลยล่ะ” ทีมย้ำในขณะที่มือระรัวแป้นคีย์บอร์ดเสียงดังฟังชัด

มนต์ลดาคลี่ยิ้มกว้างรับปากเสียงแข็ง หลายครั้งที่พวกเราส่งด่านหน้าอย่างน้องมนต์ลดาเข้าไปรับหน้ากับท่านประธาน และเจ้านายสุดคลั่งรักของเธอก็หลงกลแทบทุกครั้ง และครั้งนี้ก็เช่นกัน แก้วนึกถึงร้านอาหารโปรดของท่านประธานที่ไม่ใกล้ไม่ไกลจนเกินไป เธอก็นึกถึงร้านอาหารอิตาลี Gianni Ristorante ซึ่งเป็นร้านเดียวที่ท่านประธานไปทานซ้ำแทบทุกเดือน ที่สำคัญแก้วเป็นเพื่อนสนิทกับผู้จัดการนี้ด้วย “นี่ก็จะพักมื้อเที่ยงแล้วเอาแบบนี้ไหม น้องน้ำมนต์ชวนท่านประธานไปทานมื้อกลางวันที่ร้านอาหาร Gianni Ristorante เดี๋ยวพี่แก้วรีบจองโต๊ะไว้ให้” หญิงสาวเสนอพลางไถโทรศัพท์กดโทรหาผู้จัดการร้าน โชคยังดีที่มื้อเที่ยงนี้มีลูกค้ายกเลิกคิวที่จองพอดิบพอดี ทำให้แก้วขอร้องเพื่อนแทรกคิว เธอรู้ว่าการทำแบบนี้เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง แก้วสัญญาในใจหากมีครั้งต่อไปเธอจะไม่แทรกคิวเช่นนี้อีก

“แล้วเขาจะยอมไปหรือคะ” น้องมนต์ลดาถอนหายใจยาวขมวดคิ้วแน่น

“ถ้าเป็นน้องน้ำมนต์ชวนเจ้านายพี่ เขาต้องไปแน่นอน ร้านนี้เป็นร้านโปรดของท่านประธานด้วย”

แก้วสบตากับรุ่นน้องหนุ่มพร้อมขยิบตาส่งสัญญาณ ต้องยอมรับว่าการทำงานร่วมกับทีมทุกอย่างลงตัว แง่ของการทำงานเราทั้งคู่เข้ากันได้ดีมากใน ทีมถนัดในการทำพรีเซนเทชั่น การวางแผนการตลาด อีกทั้งยังเก่งในการนำเสนองานซึ่งแตกต่างจากเธอ หญิงสาวประหม่าทุกครั้งเมื่อต้องออกไปนำเสนองานคนเดียว เธอไม่ถนัดในการนำเสนอผลงานเท่าไรนัก ช่วงที่รุ่นน้องหนุ่มย้ายเข้ามาในทีมแรก ๆ แก้วมักชอบพารุ่นทีมออกไปเรียนรู้งานด้วยเกือบทุกครั้ง รู้ตัวอีกทีทีมก็สามารถจัดการงานทุกอย่างคล่องแคล่วกว่าเธอเสียแล้ว

หน้าที่ในการนำเสนองานลูกค้าจึงตกเป็นของพี่เอกรินทร์และรุ่นน้องหนุ่มมากกว่า ส่วนเธอเป็นฝ่ายสนับสนุนให้งานภาพรวมราบรื่น คุณรินทร์วดีโทรศัพท์สายตรงหาแก้วเล่าถึงแผนการที่ท่านประธานตั้งใจจะขอน้องมนต์ลดาแต่งงานในคืนนี้ แม้เธอแปลกใจว่าทำไมถึงกะทันหันและเรียบง่ายขนาดนั้น แต่เธอก็รู้สึกยินดีกับเจ้านายและน้องเล็กในทีม

หญิงสาวเปิดอินเทอร์เน็ตหาเบอร์ติดต่องานของวง Smile Sunshine ซึ่งเป็นวงที่มีนักร้องสาวหนึ่งคนและมือกีตาร์เพียงคนเดียว “ทีมพี่รบกวนโทรไปขอร้องให้วงนี้ไปเล่นที่โรงแรม แกรนด์เดอรีสเตอร์ คืนนี้ ช่วงหลังหนึ่งทุ่ม ถ้าวงนี้ไปได้…เรตเท่าไรก็ไม่เกี่ยง นี่เป็นวงนี่น้องน้ำมนต์เป็นแฟนคลับ สงสัยว่าท่านประธานอยากเอาใจแฟนน่ะ”

“พี่แก้ว นี่วงดังในยูทูปเลยนะ นัดกระทันหันแบบนี้เขาจะยอมไปให้เหรอ”

แก้วเดินตรงมาช้อนด้านหลังรุ่นน้องหนุ่มก่อนจะก้มลงจนเขาสัมผัสได้ถึงไอร้อนที่กระทบซอกคอ “พี่เชื่อว่า ทีมทำได้อยู่แล้วพี่แก้วฝากด้วยนะทีมจ๋า…”

น้ำเสียงหวานละมุนของพี่แก้วทำให้หัวใจชายหนุ่มหวั่นไหวอย่างประหลาด “เรียกเสียงหวานแบบนี้พี่คิดอะไรกับผมหรือเปล่าเนี่ย”

“คิดสิ...” เธอเอ่ยเสียงหวาน พลางเชยปลายคางรุ่นน้องหนุ่มอย่างไม่เบามือ ทีมสบตาพี่แก้วสายตาเปล่งประกาย หัวใจสั่นระรัวราวกับกลองศึกลั่นพร้อมรบ

“คิดว่าเมื่อไรแกจะโทร.ไปสักที” แก้วกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ร้ายกาจก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานของเธอ ทิ้งให้รุ่นน้องรู้สึกร้อนผ่าว ใจกระตุกไหว

เวลาราวหกโมงเย็นรถตู้บริษัทจอดเทียบหน้าโรงแรม แกรนด์เดอรีสเตอร์ โดยมีเจ้าหน้าที่ของโรงแรมที่คุณอัยลดามอบหมายงานออกมายืนต้อนรับพร้อมกับเชิญพวกเราไปยังห้องประชุมเพื่อคุยธุระเรื่องสร้อยทับทิมสยาม เพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมงธุระเรื่องสร้อยประมูลที่หายไปก็ถูกจัดการเรียบร้อย ทุกคนต่างแยกย้ายกลับเข้าห้อง

ทุกครั้งที่ต้องออกตลาดแถวจันทบุรี แก้วมักสาอาเสมอเพราะที่นี่คือบ้านเกิดของเธอ วันนี้แก้วตั้งใจกลับไปเยี่ยมบ้านเฉกเช่นทุกครั้ง ทว่ารินทร์วดีเกร็งว่าเธอจะเหนื่อยจนเกินไปจึงชักชวนให้อยู่แต่งหน้าแต่งตัวด้วยกันที่นี่ ปกติแก้วเป็นผู้หญิงที่ไม่ชอบแต่งตัว และน้องสาวของเจ้านายเธอก็รู้เรื่องนี้ดี หล่อนจึงตระเตรียมชุดราตรีสีครีมติดมาให้เธอ ชุดนี้ค่อนข้างจะเซ็กซี่เนื่องจากเน้นทรวดทรงเปิดหัวไหล่ เว้าหลัง และที่สำคัญผ่าหน้าขา แม้แก้วจะรู้สึกเคอะเขินเมื่อได้สวมใส่แต่ต้องยอมรับว่าชุดนี้ ‘ทำให้เธอรู้สึกสวย’ แม้จะไม่ตัวของตัวเองแต่เธอก็อยากที่จะลองในสิ่งใหม่ ๆ พวกเราทั้งสามคนแต่งตัวกันไปพูดคุยกันได้ แน่นอนว่าน้องมนต์ลดายังไม่รู้ว่าคืนนี้จะกลายเป็นเจ้าสาวแสนสวย

ตั้งแต่แก้วเดินออกจากห้องมายังห้องอาหารของโรงแรมทีมก็มองเธอด้วยสายตาแปลก ๆ หัวคิ้วของเขาขมวดแน่นแทบจะติดกัน

“แกเป็นอะไรทำหน้ายังกับโกรธอะไรพี่”

“ผมจะไปโกรธอะไรพี่ล่ะ”

“ลองกินแซลมอนนี่สิสดมาก รสชาติดีจนตาสว่างเลย”

หญิงสาวคีบเนื้อแซลมอนสีส้มสวยป้อนให้รุ่นน้องหนุ่มด้วยท่าทางสบาย ๆ เขาอ้าปากรับด้วยใบหน้าร้อนผ่าว ก่อนจะกระดกไวน์แดงจนหมดแก้วแก้เขิน

“ค่อย ๆ จิบสิจะได้รสสัมผัสที่ดีอวลอยู่ในปาก แกกระดกหมดแก้วรวดเดียวแบบนี้อย่างกับกินเหล้าขาวเลยนะ”

แม้เธอจะเอ่ยปากบ่นออกไปแบบนั้นแต่ก็ระบายยิ้มกว้างอย่างเอ็นดู คืนนี้รุ่นน้องหนุ่มแต่งตัวดูดีกว่าปกติที่เคยเห็น ด้านในสวมเสื้อยืดแบรนด์แฟนชั่นสวมทับด้วยเสื้อแจ็กเกตผ้าร่มทอลายในตัว ไม่รู้ว่าคืนนี้เธอดื่มมากเกินไปหรือเพราะรังสีความน่ารักของรุ่นน้องหนุ่มส่องเข้าตาของเธอ ทุกการกระทำที่ทีมดูแลตลอดคืนทำให้หญิงสาวใจกระตุกไหวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน…

ทีมกับพี่เอกคุยกันไปชนแก้วกันไปพลางกระทั่งท่านประธานของน้องน้ำมนต์แต่งงานเรียบร้อยพวกเราก็ตั้งใจจะแยกย้ายกันกลับไปนอน พรุ่งนี้เราต้องรีบตรวจสอบทุกอย่างให้เรียบร้อยที่สุดก่อนที่จะนำเสนอกับคุณประทีป ครั้งนี้ท่านประธานจะเป็นคนเข้าไปพรีเซนต์ด้วยตัวเองเพราะฉะนั้นงานทุกอย่างต้องเรียบร้อยจะผิดพลาดไม่ได้

เอกรินทร์และทุกคนในทีมเดินตามกันไปเพื่อกล่าวลาเจ้านาย และเธอก็ต้องโทรศัพท์ให้หลานมารับกลับบ้านด้วยแต่ก่อนจะกลับเห็นว่าเธอต้องแวะเปลี่ยนชุดที่ห้องเสียก่อน

“ขอบคุณมากที่เป็นธุระให้ตลอด” ราเชนทร์ตบบ่าเอกรินทร์ปุ ๆ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าในทีมยังมีหญิงสาวหลงเหลืออีกคนหนึ่ง

“คุณแก้วเปิดห้องพักที่นี่เพิ่มได้เลยนะครับ นี่ดึกมากแล้วค่อยแวะเข้าบ้านพรุ่งนี้เช้าก็ได้” ประธานหนุ่มเอ่ยด้วยความเป็นห่วง

แก้วระบายยิ้มมุมปากเล็กน้อย เธอเริ่มรู้สึกมึนศีรษะเล็กน้อยแต่ก็ไม่ถึงกับเมา อาจเป็นเพราะไวน์ที่ดื่มเข้าไปหลายต่อหลายแก้วกับชายหนุ่มทั้งสองคนเริ่มออกฤทธิ์ทำให้เธอรู้สึกร้อนวูบวาบ “บ้านแก้วอยู่ไม่ไกลจากนี่มากนะคะ แก้วว่าจะให้หลาน...”

“พี่แก้วเชื่อท่านประธานเถอะครับ นี่ก็ดึกมากแล้ว วันนี้พี่ยิ่งแต่งตัวสวยด้วย อันตรายนะครับ” ทีมเอ่ยด้วยความเป็นห่วง นัยน์ตาเป็นกังวลอย่างไม่ปิดบัง หัวคิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันจนแทบผูกเป็นปม

แก้วรู้สึกแปลกใจกับสิ่งที่ทีมเอ่ยออกมาต่อหน้าทุกคน “นี่แกเมาหรือเปล่าทีม เออ...แกชมว่าพี่สวยงั้นเหรอ?” แก้วฟังคำรุ่นน้องด้วยตาเบิกโพลง แต่ไหนแต่ไรมาทีมมักบอกเธอเหมือนทอมบ้าง ตัวเล็กเหมือนเด็กประถมบ้าง ผิวแห้งกร้านเหมือนหนังก้นช้างบ้าง แต่แล้วคืนนี้เกิดอะไรขึ้นกับสมองของทีม เขาจึงเอ่ยปากชมเธอต่อหน้าทุกคน

“งั้นแก้วขอตัวก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ ดีใจด้วยนะน้องน้ำมนต์เดี๋ยววันพรุ่งนี้เมาท์กันนะ” แก้วเอ่ยลาก่อนจะออกจากห้องอาหารโดยมีทีมเดินตามเป็นเงาประกบเธอมาติดๆ “เดี๋ยวผมพาไปเปิดห้องให้นะครับ เออ คือตามที่ท่านประธานสั่งน่ะ” ทีมพูดตะกุกตะกัก หลบสายตา พลางชูบัตรเครดิตที่ท่านประธานให้รุ่นพี่สาวดู

“วันนี้แกทำตัวพิลึกนะ ทำไมถึงมาทำดีกับพี่แปลก ๆ นี่...ไอ้ทีมแกตั้งใจแกล้งพี่หรือเปล่าเนี่ย” แก้วชี้หน้าถามรุ่นน้องที่มักทำตัวไม่สมกับเป็นรุ่นน้องด้วยเสียงเข้ม จู่ ๆ ทีมถือวิสาสะฉวยจับมือรุ่นพี่สาวไว้แน่น สายตาจริงจังอย่างที่แก้วอดหวั่นไหวไม่ได้

“ผมน่ะ...ชอบพี่ขนาดนี้ ก็ต้องห่วงพี่เป็นเรื่องธรรมดาปะ”

“คืนนี้แกดื่มไปกี่แก้ว พี่เคยบอกแล้วใช่ไหมทีมเอ้ย แกมันคออ่อนดื่มนิด ดื่มหน่อยก็เมา พอเมาแล้วก็ชอบพูดเพ้อเจ้อ” แก้วเอ่ยเสียงอ่อน ก่อนจะใช้หลังมือแตะที่แก้มรุ่นน้องเบา ๆ “ตัวร้อนเชียว เมาแน่ๆ” แก้วบ่นพึมพำ

“ผมไม่เมา” เขาเถียงทันควัน

“แกเมา”

“เออ เมาก็เมา แต่ผมยังรู้เรื่อง”

“แกน่ะ พูดไม่รู้เรื่องแล้ว” แก้วกระตุกยิ้มอย่างลืมตัว เธอมองสภาพรุ่นน้องก่อนจะผ่อนลมหายใจออก ส่ายหน้าเบาๆ

“ทำไมพี่ชอบมองผมเป็นเด็กอยู่เรื่องเลย ทั้งที่เราอายุห่างกันแค่สามปีเอง”

แก้วถอนหายใจยาว ฝ่ามือเรียวบางล้วงเข้าไปที่กระเป๋าเสื้อแจ็กเกตเพื่อหยิบคีย์การ์ดห้องพัก “เดี๋ยวพี่ไปส่งทีมที่ห้องนะ”

“พี่แก้วอย่าเปลี่ยนเรื่องสิ”

“แกเมาแล้ว เดี๋ยวพี่พาไปส่งที่ห้องป่านนี้พี่เอกคงถึงห้องแล้วล่ะ”

รุ่นพี่สาวพยุงชายหนุ่มไปยังหน้าลิฟต์โดยสาร กลิ่นแอลกอฮอล์ผสานกับกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของเด็กหนุ่มอีกทั้งมือของทีมที่กอบกุมไว้ดึงดันไม่ยอมปล่อยก็ยิ่งส่งผลให้หัวใจของแก้วทำงานหนักกว่าที่เคยเป็น

“พี่แก้ว” ทีมเรียกเธอเสียงห้วน หญิงสาวจหันขวับตามเสียงรุ่นน้องหนุ่มเรียก ทันใดนั้นเขาใช้มืออีกข้างหนึ่งประคองแก้มนวลแล้วดึงรุ่นพี่สาวเข้ามารับจุมพิตร้อน กลีบปากนุ่มค่อย ๆ ตอดเล็มริมฝีปากรุ่นพี่สาวราวกับดูกลืนของหวาน ลมหายใจผสานเป็นหนึ่งเดียวกัน แก้วทำได้เพียงส่งเสียงครางประท้วงในลำคอปล่อยใจเคลิบเคลิ้มไปกับรสสัมผัสที่ไม่คุ้นเคย ก่อนที่เธอจะผลักอกแกร่งของรุ่นน้องหนุ่มออกเมื่อรู้สึกว่าเธอกำลังจะขาดอากาศหายใจ

“ทำไมอะ พี่รังเกียจ…จูบผมเหรอ” ทีมมองหน้ารุ่นพี่สาวอย่างสับสน

“ทำอะไรประเจิดประเจ้อตรงนี้” แก้วเม้มปากแน่น พ่วงแก้มร้อนผ่าว หัวใจสั่นระรัว ในขณะที่ทีมขมวดคิ้วยุ่ง เขาไม่เข้าใจกับภาษากายที่รุ่นพี่สาวแสดงออก

“ไปเร็ว ลิฟต์มาแล้ว” แก้วดึงกึ่งลากรุ่นน้องเข้าลิฟต์โดยสารพร้อมกับกดชั้น G แล้วยิ้มกรุ้มกริ่มออกมาละลอกหนึ่ง

“หมายความว่ายังไง พี่แก้วผมงงไปหมดแล้ว” ทีมเอ่ยถามรุ่นพี่สาวด้วยเสียงกังวล คนตัวสูงโปร่งถือวิสาสะโอบเอวของแก้ว ดึงให้เธอหันหน้ามาพูดกับเขา

“แล้วที่ทีมจูบพี่หมายความว่ายังไงล่ะ” แก้วถามน้ำเสียงเรียบ ทว่าหัวใจกลับเต้นดังโครมครามจนกลัวว่ารุ่นน้องหนุ่มจะได้ยิน

“พี่แก้วก็รู้ว่าผมรู้สึกกับพี่ยังไง”

“แล้วรู้สึกยังไงล่ะ”

ในเวลาเดียวกันนั้นประตูลิฟต์โดยสารเปิดออก หญิงสาวรีบเดินออกไปยังส่วนด้านหน้าของโรงแรม

“เดี๋ยวก่อนสิพี่แก้วจะหนีผมไปไหน ถามแล้วทำไมไม่ฟังคำตอบผมล่ะ”

แก้วหยุดยืนแล้วหันกลับมาดึงชายหนุ่มหัวร้อนให้ออกจากห้องโดยสาร เธอหัวเราะออกมาอย่างนึกเอ็นดู

“จะไม่ออกมาเหรอไง หรือจะกลับขึ้นชั้นบนไปอีกรอบ”

แก้วเดินไปยังเคาท์เตอร์พร้อมกับบอกพนักงานเพื่อเปิดห้องธรรมดาสำหรับคืนนี้หนึ่งห้อง พนักงานขอรายละเอียดบัตรประชาชนของเธอก่อนจะคลี่ยิ้ม แล้วยื่นคีย์การ์ดห้อง 507 มาให้เธอ หญิงสาวเอ่ยขอบคุณพร้อมกับเดินกลับมายังลิฟต์โดยสารอีกครั้ง ทีมเดินตามเธอมาด้วยความว้าวุ่น

“พี่แก้วจะเดินหนีผมไปมาแบบนี้เหรอครับ”

แล้วฝ่ามือเรียวบางวาดเหวี่ยงตบกบาลของรุ่นน้องหนุ่มด้วยความมันเขี้ยว “แกไม่เห็นเหรอ ฉันไปจองห้องเพื่อจะพักที่นี่…แทนที่จะกลับไปนอนที่บ้าน”

“เห็นครับ และพี่จะตบหัวผมทำไมเนี่ย ให้เกียรติแจ็กเกตโคตระหล่อของผมหน่อยเถอะ” ทีมพูดพลางลูบศีรษะป้อย

“แกนี่นะ เมาแล้วยังห่วงหล่ออีก”

ไม่นานนักลิฟต์โดยสารก็เปิดที่ชั้น 5 หญิงสาวเดินออกประตูทั้งที่รุ่นน้องยังไม่ยอมออกมา แก้วถอนหายใจยาวทั้งที่ดวงหน้าระบายยิ้มอย่างเอ็นดู

“แกจะไม่ออกมาหรือไง”

“ห้องผมอยู่ชั้น 7 ห้อง 711 นี่มันชั้น 5 นี่ครับ” ทีมพูดพลางมองตัวเลขบอกชั้นบนผนังโรงแรมสลับกับเลขที่ห้องในคีย์การ์ด

“ทีมเอ้ย นี่แกซื่อหรือโง่กันแน่” แก้วอมยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะดึงแขนรุ่นน้องออกมาจนโซเซ ทั้งคู่หยุดยืนคุยกันตรงโซฟาด้านหน้าลิฟต์โดยสาร

ในเวลาเดียวกันนั้น ทีมเอ่ยเสียงสั่นเครือ หยาดน้ำใสเอ่อในดวงตา

“พี่แก้วรังเกียจผมเหรอ”

“ดะ เดี๋ยวก่อน นี่แกเป็นอะไรอีกเนี่ย”

“พี่ทำผมสับสนนะ เมื่อกี้ที่ผมจูบ...แล้วพี่จูบผมตอบใช่ไหม ผมไม่ได้คิดไปเองใช่ไหม แล้วทำไมพอพี่ถามว่าผมรู้สึกยังไงพี่แก้วถึงเดินหนีผมไปล่ะ”

แก้วถอนหายใจยาว เธอรู้ว่าที่ผ่านมาทีมไม่เคยคบใครเพราะวัน ๆ รุ่นน้องหนุ่มชอบเล่นแต่เกม ทว่าแก้วก็ไม่คิดว่าทีมจะซื่อเต็มขั้นเช่นนี้ ฝ่ามือเรียวบางยกขึ้นมาลูบศีรษะเด็กขี้แยตัวโตอย่างแผ่วเบา “โธ่ เด็กน้อยเอ้ย พี่ไม่ได้เดินหนีเพราะถึงชั้นที่ต้องออกแล้วต่างหาก แล้วพี่ก็ไปจองห้องพักแล้วไง แกยังจะนอยด์อะไรพี่อีก หึ”

แก้วอมยิ้มกริ่มกับเด็กน้อยขี้แย เธอประคองใบหน้าทีมเข้ามาก่อนจะกดจูบที่ริมฝีปากเขาเบา ๆ “โอ๋ ๆ ไม่ร้องนะคนเก่งของพี่”

“นะ…นี่พี่แก้วจูบผมเหรอ” ทีมตาเบิกโพลงด้วยความตระหนก

แก้วพยักหน้าเม้มปากแน่นใบหน้าเปื้อนยิ้มอย่างนึกเอ็นดู

“ทีม…มีอะไรอยากบอกพี่ไหม”

“มีครับ มีเยอะแยะเลย”

แก้วยกคีย์การ์ดห้อง 507 ขึ้นมา “งั้นเราไปคุยกันต่อที่ห้องดีกว่า”

“นี่ผมไม่ได้ฝันไปใช่ไหม”

ฝ่ามืออันเรียวบางวาดเหวี่ยงตบกบาลของทีมอีกครั้งเพื่อแสดงให้เขาเห็นว่าทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้เป็นเรื่องจริงไม่ใช่ความฝันเหมือนที่ชายหนุ่มเอ่ย

“พี่แก้วตบหัวผมทำไมเนี่ย เจ็บนะ”

“ก็แกถามฉันเองไม่ใช่หรือไง…ว่านี่เป็นฝันหรือเปล่า”

“เอะอะตบ เอะอะตีผมแบบนี้ เดี๋ยวคืนนี้จะเจอดีนะพี่”

กว่าที่รุ่นน้องหนุ่มจะรู้ตัวว่าภาษากายของพี่แก้วสื่อความหมายว่าอย่างไรก็เล่นเอารุ่นพี่สาวปวดหัวจนแทบสร่างเมา

“เจอดีไม่กลัว พี่กลัวเจอแต่พวกอวดว่าดี…แล้วไม่ดีจริงล่ะสิ”

ยืนยันการสนับสนุน

คุณต้องการสนับสนุนนักเขียนด้วยจำนวนเงิน [จำนวนเงิน] บาท ใช่หรือไม่?

โพสต์ข้อความ